ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่381 เหยือล่อ ่
กู้ซีแทรกขึ้นมาโดยไม่รู้จักผู้ใหญ่ผู้น้อย ไม่เพียงดึงสายตาคมกริบจากเผยถงให้หันมา
มอง ทั้งยังมีสายตาไม่พอใจของเผยเซวียนอีกด้วย
บ้านช่องยังกวาดไม่ได้ ริอ่านจะไปกวาดล้างแผ่นดิน
เผยเซวียนเห็นว่าข้างกายเผยถงมีคนสกุลหยาง ตามมาด้วยกู้ซี มีคนที่ส่งผลต่อการ
ตัดสินใจเขามากเกินไป นี่มิใช่แสดงถึงการไร้ความสามารถของเผยถงหรือ?
เขาขมวดคิ้วเบาๆ ก่อนจะเอ่ยแทรกกู้ซีว่า “กู้ซื่อเรื่องนี้ควรให้อาถงเป็นคนตัดสินใจ”
เหลือแค่ยังไม่ได้ชี้หน้าแล้วสั่งให้นางหุบปากเท่านั้น
กู้ซีหน้าร้อนฉ่า เอ่ยขอโทษเสียงอุบอิบ
เผยเซวียนเริ่มลังเล
เขารู้จักน้องชายของตนเองเป็นอย่างดี
ตอนแรกเขาอยู่ตรงกลางระหว่างพี่ใหญ่และน้องเล็ก ไม่ปริปากอะไรสักคํา จนทําให้ทุก
คนเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นท่อนไม้ทื่อๆ ไร้ความคิด ด้วยไม่อยากสร้างความขัดแย้งระหว่างพี่
น้อง ทําให้ท่านพ่อต้องลําบากใจ พอเวลาผ่านไป เขาก็มักถอยให้พี่ชายและน้องชายอยู่ตลอด
โดยไม่รู้ตัว
แต่เรื่องที่เผยถงจะแยกสกุล เขาอ่านเผยเยี่ยนออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
เผยเยี่ยนต้องการใช้โอกาสนี้แยกบ้านของเผยถงออกไปเสีย
ตามหลักแล้วเช่นนี้ย่อมจะดีกว่า เพราะป้องกันความขัดแย้งผิดใจเรื่องลําดับอาวุโสใน
ภายภาคหน้าได้ แต่ในเรื่องของจริยธรรม การปล่อยให้เลือดเนื้อของพี่ชายออกไปรอนแรมนอก
สกุลเผยเช่นนี้ เผยเซวียนรู้สึกว่าไม่เหมาะสมนัก
3028
แต่เขาก็เข้าใจเช่นกันว่า เขาต้องตัดสินใจเลือกสักทาง แสดงจุดยืนให้ชัดเจน
ไม่อย่างนั้นเผยเยี่ยนคงไม่ยอมหยุดง่ายๆ และคงเกิดเรื่องวุ่นวายต่ออีก และเผยถงเองก็ช่าง
ไม่ได้ความเสียเลย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังจะให้ญาติฝั่งมารดากับภรรยามาจูงจมูกอีก
เผยเซวียนลอบถอนหายใจ คิดว่าต่อไปคงต้องหาทางชดเชยให้เผยถงแล้ว
เขาไม่ได้ใส่ใจกู้ซีมากนัก หันไปพูดกับเผยถงว่า “แยกสกุลก็ดี พี่สะใภ้โวยวายอยู่ไม่เว้น
วัน ก่อเรื่องจนท่านย่าเจ้าไม่ชอบใจ แยกสกุลไปแล้ว พวกเจ้าก็มาอยู่เมืองหลวง ท่านแม่เจ้าก็
กลับไปเยี่ยมสกุลฝั่งมารดาได้บ่อยๆ พวกเจ้าจะได้อยู่กับมารดาอย่างสุขใจเสียที แต่เรื่องการ
เรียนอย่าได้ฟังมารดาเจ้าเด็ดขาด อย่างไรก็ต้องตั้งใจหาวิชาความรู้ เชื่อฟังอาจารย์ที่ข้าแนะนํา
ให้เจ้าไป รีบสอบให้มีชื่อติดป้ายประกาศ เพื่อเป็นหน้าตาให้กับพี่ใหญ่ ไม่ผิดต่อการแยกสกุล
ออกไปเช่นนี้”
ความหมายก็คือ ยังคงช่วยส่งเสริมเรื่องการเรียนและเส้นทางขุนนางของเขาอยู่ แต่จะ
ไม่แบกรับหน้าที่ในการดูแลนายหญิงใหญ่สกุลเผยอีกแล้ว
นี่เป็นท่าทีที่สกุลเผยมีมาโดยตลอด
เผยถงฟังแล้ว คล้ายตามหาสิ่งยึดเหนี่ยวเจอเสียที ไม่รู้สึกหลงทางอีก
ใช่แล้ว เขาไม่ได้ถูกขับออกจากสกุลเสียหน่อย แค่แยกออกมา ทั้งเป็นการแยกที่สกุล
สายหลักก็เห็นดีด้วย
หากว่าครอบครัวของเขาต้องอยู่เป็นที่ขัดตาขัดใจในจวนสกุลเผย มิสู้แยกออกมาดีกว่า
ต่างฝ่ ายต่างเกรงอกเกรงใจกัน มารดาเขาจะได้สมหวัง เป็นนายหญิงใหญ่ของบ้านที่ไม่ต้องมี
คนมาควบคุมเสียที
เช่นนี้คงจะดีกว่า!
เผยถงมองท่านลุงของตัวเองทีหนึ่ง
3029
หัวคิ้วของนายท่านใหญ่สกุลหยางแทบจะกองรวมกันอยู่แล้ว เห็นชัดว่าไม่เห็นด้วย
อย่างยิ่ง
เผยถงลอบยิ้มเยาะในใจอยู่คนเดียว
ต่อให้ท่านลุงจะสนิทกับเขา แต่จะข้ามหน้าสกุลหยางไม่ได้ สิ่งที่เรียกว่าสนับสนุน
ส่งเสริม คงมีให้เฉพาะในสถานการณ์ที่สกุลหยางได้ประโยชน์ด้วยเสียมากกว่า?
พอหันไปมองกู้ซี นางคงกลัวว่าต้องสูญเสียการคุ้มครองจากสกุลเผย กลัวว่าครอบครัว
ของเขาจะตกตํ่าและไร้ค่ากระมัง?
ใครจะเข้าใจความเจ็บแค้นที่ต้องสูญเสียบิดาทว่าทําได้เพียงปิดปากเงียบเอาไว้บ้าง?
แยกกันเสียก็ดี
อารองแต่ไรก็ดูแลเขาเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นสายตาหรือความคิด
อารองก็โดดเด่นเกินใคร เชื่อว่าอารองคงเห็นความลําบากของเขาเมื่อต้องอยู่ในสกุลเผยต่อ ถึง
ได้เอ่ยวาจาโน้มน้าวเขา
“อารอง อาสาม” เผยถงตัดสินใจได้แล้ว พอลงมือทําจึงแน่วแน่เด็ดขาด “เช่นนั้นก็แยก
เถอะขอรับ! ข้าเชื่อว่าอารองกับอาสามทําไปก็เพราะหวังดีต่อข้า”
อาสามอาจจะไม่ใช่ แต่อารองจะต้องจริงใจต่อเขาแน่
คิดถึงตรงนี้ สายตาที่มองเผยเยี่ยนจึงร้อนแรงขึ้นหลายส่วน พลางเอ่ยต่อว่า “ถึงเวลา
นั้นเกรงว่าต้องรบกวนอารองชี้แนะเรื่องการศึกษาให้มากหน่อย”
เผยเซวียนได้ฟังก็ลอบถอนหายใจ
เผยถงยังเด็กอยู่มากจริงๆ
แต่บางทีอาจไม่ใช่เพราะความเยาว์ แต่ด้วยใจที่โกรธเคืองเผยเยี่ยนอยู่
ไม่แน่การจากไปอาจดีต่อเผยถงมากกว่า
3030
เผยเซวียนส่ายหน้าเบาๆ เอ่ยระคนผิดหวังว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เชิญใต้เท้ากู้เข้ามา
เถอะ! การแยกสกุลเป็นเรื่องใหญ่ ต้องเชิญเขามาเป็นพยานให้ถึงจะถูก”
สาเหตุหลักเพราะเกี่ยวพันถึงทรัพย์สมบัติของสกุล
อย่าให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าไม่ยุติธรรมก็ใช้ได้แล้ว
เผยเยี่ยนพยักหน้า ในใจค่อยรู้สึกเบิกบานขึ้นมาหน่อย สายตาที่มองพี่รองก็สนิทสนม
มากขึ้น
จับเสือต้องพึ่งพี่น้อง ออกรบต้องพึ่งพ่อลูก วาจานี้กล่าวได้ไม่ผิดจริงๆ พอถึงเวลา
สําคัญ พี่รองก็ยังปกป้องเขา
นายท่านใหญ่สกุลหยางทําท่าจะพูด แต่กลับไม่มีเสียงหลุดออกมา
เขาควรจะก้าวออกมาคัดค้าน แต่จากท่าทางเผยถง เหมือนว่าวัวเก้าตัวก็คงรั้งไว้ไม่อยู่
เขาเองก็ยังคิดผลดีผลร้ายของการแยกหรือไม่แยกสกุลไม่ออก จึงไม่อาจแสดงความเห็นได้
ดีที่นายหญิงใหญ่สกุลเผยยังมาไม่ถึงเมืองหลวงในเร็ววันนี้ เรื่องแยกสกุลอาจยื้อเอาไว้
ก่อนได้
นายท่านใหญ่สกุลหยางจึงไม่พูดอะไรอีก
กู้ซีแม้จะใจร้อนแทบไหม้ แต่ยิ่งไม่อาจสอดปาก
อย่างไรในบรรดาผู้อาวุโสของสกุลเผย เผยเซวียนเป็นคนที่ใจดีกับพวกนางที่สุดแล้ว
บัดนี้เผยเซวียนแสดงชัดว่าสนับสนุนการตัดสินใจของเผยเยี่ยน หากพวกนางยังดื้อดึงไร้เหตุผล
ก่อกวนอารมณ์จนเผยเซวียนหงุดหงิด เช่นนี้จะได้ไม่คุ้มเสีย
ส่วนการแยกสกุลไปใช้ชีวิตเองนั้น ตอนที่มาถึงเมืองหลวงได้ไม่นาน เผยถงก็เคยพา
นางไปดูคฤหาสน์ที่พ่อสามีทิ้งไว้ในเมืองหลวงแล้ว
3031
คฤหาสน์หลังนั้นอยู่ไม่ไกลมาก เป็นเรือนสี่ประสานสี่ชั้น ถือว่าเป็นคฤหาสน์หลัง
มโหฬารอย่างที่หาได้ยากในเมืองหลวง พวกนางอาศัยอยู่ด้วยกันห้าคน ต่อให้เผยเฟยแต่งงาน
ก็ยังอยู่รวมกันได้สบาย สิ่งสําคัญคือเหนือนางขึ้นไปมีเพียงแม่สามีคนเดียว อย่างไรก็ดีกว่า
เครือญาตินับไม่ถ้วนของสกุลเผยมากนัก
ส่วนเรื่องการเรียนของเผยถง นายท่านรองรับปากแล้วว่าจะช่วย พี่ชายนางก็คงไม่ยืน
มองอยู่เฉยๆ แน่
รอให้นายหญิงใหญ่สัมผัสได้ถึงความเก่งกาจของสกุลฝั่งมารดานาง คิดว่าชีวิตในวัน
หน้าของนางจะต้องดีขึ้นกว่าเดิมแน่
ส่วนคดีใหญ่อย่างลอบสังหารองค์ชายรองนั้น พวกนางเป็นคนรุ่นหลาน ตอนที่องค์ชาย
รองเกิดเรื่องพวกนางยังไม่มีบทบาทอะไรด้วยซํ้า อย่างไรก็สาวมาถึงพวกนางไม่ได้ หากว่าแยก
สกุลแล้ว ความผิดก็จะตกอยู่กับสกุลเผย หาได้เกี่ยวกับพวกนางไม่
พ่อสามีของนางกระทําความผิด แต่พวกนางมีข้อแก้ต่าง คงไม่ถูกเหมารวมไปด้วย
ไม่ว่าอย่างไร พี่ชายนางก็เป็นคนกลางในการแยกสกุล หากสถานการณ์ไม่เอื้อต่อพวก
นาง พี่ชายนางคงไม่มีทางตอบตกลงแน่
กู้ซีปลอบใจตัวเอง แต่ลึกๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่หลายส่วน
นางกําลังเค้นสมองคิดว่าต้องพูดอะไรหน่อยหรือไม่ ข้างหูพลันได้ยินเสียงเย็นเยียบ
ของเผยเยี่ยนดังขึ้นมาก่อน “ตอนที่แยกสกุล สิ่งที่พี่ใหญ่ทิ้งไว้ ย่อมจะเป็นของพวกเจ้า ทรัพย์สิน
ส่วนกลางของสกุลเผยไม่อาจเข้าไปยุ่ง สมบัติที่ปู่ เจ้าทิ้งเอาไว้ เพราะว่าท่านย่ายังอยู่ จึงไม่เคย
คุยกันเสียที แต่ถ้าพวกเจ้าต้องแยกสกุลไป เช่นนั้นก็ต้องตกลงให้ชัดเจน ข้าจะให้คนไปจัด
ระเบียบข้าวของที่ท่านพ่อทิ้งเอาไว้ก่อน จากนั้นก็แบ่งทุกอย่างเป็นหนึ่งในสามส่วน หากวันใด
ท่านแม่จากไป ก็แบ่งตามสัดส่วนนี้ พวกเจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร?”
พอเขาพูดจบ สายตาคมกริบก็กวาดมองทุกคนที่อยู่ในห้อง
3032
นายท่านใหญ่สกุลหยางตื่นเต้นจนมือสั่นระริก
สมบัติส่วนตัวของท่านผู้เฒ่าสกุลเผย สามพี่น้องแบ่งคนละเท่าๆ กันรึ?
เขากับเผยโย่วสนิทสนมกัน คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ในใจเขากระจ่างดี สมบัติส่วนตัวของ
ท่านผู้เฒ่าสกุลเผย อย่างน้อยก็ต้องเป็นเงินสองแสนตําลึงขึ้นไป สามารถแบ่งได้ตั้งเกือบเจ็ด
หมื่นตําลึง ไฉนต้องลงไปคลุกนํ้าขุ่นกับสกุลเผยอีกเล่า?
สายตาร้อนเร่าของนายท่านใหญ่สกุลหยางจ้องไปที่เผยถง ขาดแค่พูดว่า ‘เจ้ารีบถาม
มาสิว่าเป็นเงินเท่าไรแน่’ เท่านั้น
กู้ซีหาได้รู้สึกรู้สา แต่พอเห็นท่าทางของนายท่านใหญ่สกุลหยาง ก็รู้ว่าวิธีการแบ่งเช่นนี้
ตนไม่มีทางเสียเปรียบแน่
แต่ที่ว่าไม่เสียเปรียบนี่เป็นเงินสักเท่าไรกัน?
นางเองก็ประมาณไม่ถูก
เผยเซวียนอ่านความคิดของน้องชายออกอย่างปรุโปร่ง
เผยเยี่ยนแทบจะสลักคําว่า ‘จ่ายเงินซื้อความสงบ’ ไว้บนหน้าผากอยู่แล้ว
จู่ๆ เขาก็รู้สึกสงสารเผยถงขึ้นมา
ตอนที่ท่านพ่อเขามีชีวิตอยู่ได้แบ่งกิจการส่วนใหญ่ให้พวกเขาสามพี่น้องแล้ว เพราะพี่
ใหญ่ไม่ยอมเชื่อฟัง ท่านพ่อจึงแบ่งให้เขาน้อยสุด ภายหลังยังต้องให้น้องชายมาเก็บกวาดเรื่อง
วุ่นวาย จนน้องชายต้องตัดขาดจากเส้นทางขุนนาง จากนิสัยของบิดา เขาย่อมชดเชยเงินให้
น้องชายเป็นการส่วนตัวอีกก้อนหนึ่งแน่ จํานวนที่นําออกมาหารแบ่งจริงๆ คงประมาณแค่สอง
แสนกว่าตําลึงเท่านั้น
เขาหันไปมองนายหญิงรองอย่างชั่งใจ คิดว่าต่อไปตนต้องรับราชการอยู่ด้านนอก ทั้ง
เป็นขุนนางที่มียศสูงสุดในสกุล สกุลเผยย่อมชดเชยให้เขาด้วยเงินจํานวนสูงสุดเท่าที่จะให้ได้
3033
อยู่แล้ว เขาจึงกระแอมเสียงเบาแล้วเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ไม่อยู่แล้ว ตามหลักข้าที่เป็นอาควรจะ
รับผิดชอบภาระแทนพี่ใหญ่ แต่มารดาของพวกเจ้ามีความคิดเป็นของตัวเอง ข้าก็ไม่อาจเข้าไป
จุ้นจ้านบงการได้ เรื่องในครอบครัวพวกเจ้า ให้ถือว่ามารดาเจ้าเป็นใหญ่จะดีกว่า นอกจากเรื่อง
ศึกษาเล่าเรียน ข้าก็ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้แล้ว ส่วนแบ่งที่เป็นของข้านั้น ข้าไม่รับเอาไว้ ยกให้
อาถงสองพี่น้องแบ่งกันไปก็แล้วกัน!”
“ว่าไงนะ?!” นายหญิงรองร้องเสียงหลง
นางพอจะรู้คร่าวๆ ว่าท่านผู้เฒ่าสกุลเผยทิ้งเงินไว้เท่าไร
ก่อนหน้านี้ท่านผู้เฒ่ามอบเงินให้พวกเขาไว้ไม่น้อย แต่ใครจะรังเกียจว่าเงินมากเกินไป
เล่า! อีกอย่างบุตรสาวของนางก็ใกล้จะออกเรือนแล้ว จะเพิ่มสินเดิมให้มากหน่อยไม่ดีหรือ?
แต่วาจาของเผยเซวียนลั่นไปแล้ว นางไม่อาจคัดค้านต่อหน้าธารกํานัล และคนก็จน
ปัญญาเกินกว่าจะเก็บสีหน้าไว้ได้
อวี้ถังรู้สึกประหลาดใจ
นางเคยคิดว่าเผยเซวียนเป็นคนดี แต่การกระทําเมื่อครู่ของเขา ช่างทําร้ายหัวใจนาย
หญิงรองมากเหลือเกิน
นางกับนายหญิงรองนั่งตรงข้ามกัน ทั้งเวลานี้ไม่เหมาะจะสนทนา นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง
ก่อนจะลุกไปเติมชาให้นายหญิงรองใหม่ จากนั้นก็ตบไหล่นางเบาๆ เป็นเชิงปลอบโยน
สีหน้าของนายหญิงรองแทบดูไม่ได้
สมองของกู้ซีพลันหมุนแล่นเร็วจี๋
นายหญิงรองไม่เคยเจอเรื่องซับซ้อนมาก่อน นางไม่เพียงมีนิสัยอ่อนโยนเป็นมิตร เรื่อง
เงินทองก็เป็นคนใจกว้าง ไม่เคยเก็บมาคิดเล็กคิดน้อย แต่คราวนี้กลับทําให้นางหน้าเปลี่ยนสีได้
ย่อมไม่มีทางเป็นเงินจํานวนน้อยๆ แน่
3034
สองหมื่นตําลึง สามหมื่นตําลึง หรือว่ามากกว่านั้น?
สกุลใหญ่มักไม่อนุญาตให้ใครมีทรัพสินย์ส่วนตัวมากเกินไป จากความคิดกู้ซี ต่อให้
ท่านผู้เฒ่าจะเก่งกาจเพียงใด ก็คงไม่มากเกินไปกว่านี้
นางพิจารณาพลางหันไปส่งสายตาให้เผยถง บุ้ยใบ้ให้เขาแสร้งทําปฏิเสธ
ใครจะคิดว่าเผยถงคล้ายถูกทําให้แตกตื่นไปแล้ว เป็นนานกว่าจะดึงสติคืนมาได้ กลับ
เป็นนายท่านใหญ่สกุลหยางที่กลัวว่าเผยถงกับกู้ซีจะไม่รู้ความด้วยความเยาว์ โยนเรื่องดีงาม
เช่นนี้ทิ้งไป เขารีบตอบคําเผยเซวียนว่า “จะดีรึ? แต่ความใจกว้างของท่านนี้ ช่างเหมาะกับ
ตําแหน่งรองเจ้ากรมกรมคลังเสียจริงเชียว” เอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็จงใจเบือนหน้าไปทางเผยถงกับกู้
ซี แสร้งตีหน้าลําบากใจพลางเอ่ยต่อว่า “ท่านผู้เฒ่าสกุลเผยทิ้งสมบัติส่วนตัวไว้สองแสนตําลึง
ได้กระมัง? หนึ่งในสามส่วนของท่านนี้ ก็เกือบเจ็ดหมื่นตําลึงได้ จะไม่รับเอาไว้แล้วยกให้พวก
เขาสองคน…” เขาหันไปเลิกคิ้วใส่เผยเซวียน “มีคนอย่างท่านเป็นอา นับเป็นวาสนาของพวก
เขานัก” พูดจบ ก็เหลือบไปมองทางเผยเยี่ยนต่อ
เหมือนกําลังพูดกับเผยเยี่ยนว่า เจ้าดูสิ ขนาดพี่ชายเจ้ายังสละสิทธิ์
ในมรดกของท่านผู้
เฒ่าแล้ว เจ้าที่เป็นอาเหมือนกัน ก็สมควรเรียนรู้จากเผยเซวียนเอาไว้บ้าง