ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่383 สุขถ้วนหน้า
หนึ่งแสนห้าหมื่นตําลึงอย่างนั้นรึ?
กู้ซีและเผยถงล้วนจมดิ่งอยู่ในเรื่องน่าตกตะลึงนี้
มีเพียงนายท่านใหญ่สกุลหยางที่ปฏิกิริยาว่องไวที่สุด เผยเยี่ยนพูดไม่ทันจบ สมองเขา
ก็แล่นปราดขึ้นมา รอจนเผยเยี่ยนพูดออกมาแล้ว ชั่วพริบตาก็เผยสีหน้าไม่พอใจ เอ่ยแย้ง “ไม่
อาจจะพูดเช่นนี้ได้! เงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตําลึงนั้นเป็นของที่ท่านผู้เฒ่าเหลือไว้ให้ เป็นมรดกของ
พ่อเขา หากจะขอบคุณ ก็ควรขอบคุณท่านผู้เฒ่าเผยจึงจะถูก! ยังมีอารองของเขา ให้ส่วนของ
ตัวเอง…”
ช่างโลภไม่รู้จักพอ! ได้คืบจะเอาศอก!
เผยเยี่ยนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองทําถูกแล้ว เขาเอ่ยกับนายท่านใหญ่สกุลหยางอย่าง
เยือกเย็น “พี่ชายข้าไปมาหาสู่เจ้ามาโดยตลอด เช่นนั้นเขาเคยบอกเจ้าหรือไม่ เงินสองแสน
ตําลึงนั้นที่เขาส่งให้องค์ชายสาม เป็นเงินส่วนกลางของสกุล?”
นายท่านใหญ่สกุลหยาง เผยถงและกู้ซีต่างก็มองเขาอย่างตกตะลึง ไม่รู้ว่าเขา
หมายความว่าอย่างไร
สีหน้าของเผยเยี่ยนเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม เอ่ยว่า “พวกเจ้าคงไม่คิดว่าพ่อข้าเป็นผู้นํา
สกุล ก็สามารถหยิบเงินส่วนกลางสองแสนตําลึงของสกุลไปได้อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องลง
บันทึกในบัญชีหรอกกระมัง?”
พวกนายท่านใหญ่สกุลหยางขมวดคิ้วขึ้น นายท่านใหญ่สกุลหยางเอ่ยว่า “สยากวง เจ้า
หมายความว่าอย่างไร?”
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “พี่ชายข้าด่วนจาก พ่อข้าใจหนักอึ้งเป็นกังวล บางเรื่องก็ไม่ทันได้
จัดการให้ดี หลังจากข้ารับช่วงต่อ จึงพบว่าเงินสองแสนตําลึงนี้ยังไม่ได้ลงในบัญชี แต่นี่ก็สามปี
แล้ว คงไม่อาจปล่อยทิ้งไว้เช่นนี้ได้กระมัง?”
3044
นายท่านใหญ่สกุลหยาง เผยถงและกู้ซีต่างก็เผยรอยยิ้มฝืดเฝื่อนขึ้นมา คนพวกนั้นมอง
ไปยังเผยเซวียน
หากต้องการให้บ้านของเผยโย่วจัดการเรื่องบัญชี พวกเขาแบ่งเงินหนึ่งแสนห้าหมื่น
ตําลึงไปชดใช้ทั้งหมดกลับไม่พอ ยังต้องควักออกมาห้าหมื่นตําลึงเพื่อทําให้บัญชีสมดุลอีก
อย่างนั้นรึ?
หากเป็นเช่นนี้ การแบ่งทรัพย์สินนี้ยังจะมีประโยชน์อันใด?
เป็นเพราะรู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ เผยเซวียนจึงได้ยอมละทิ้งอํานาจในการรับมรดกของ
ตัวเอง
เช่นนั้นยังต้องแยกสกุล? แบ่งทรัพย์สินอะไรกันอีก?
เผยเซวียนสามารถเดินเส้นทางข้าราชการจนเป็นขุนนางระดับสาม มีวาสนาดี ทั้งยัง
ต้องมีความสามารถ พวกนายท่านใหญ่สกุลหยางมองไปยังเขา เขาก็รู้ว่าหมายความว่าอะไร
ทันที
พ่อเขาทําเรื่อง ไหนเลยจะเหลือจุดอ่อนให้คนอื่นจับได้?
แม้เขาจะไม่ทราบถึงเงินก้อนนี้พ่อของเขาก็ย่อมจัดการเรียบร้อยไปนานแล้ว มิเช่นนั้น
ยามที่พวกกู้ฉ่างไปตรวจสอบบัญชีที่เจียงหนาน คงจะตรวจเจอไปแล้ว
น้องชายเขาพูดเช่นนี้ ทําเช่นนี้ เพราะอยากสลัดบ้านของพี่ใหญ่ออกไปอย่างขาว
สะอาดกระมัง?
ไฉนจึงมาถึงยามที่ต้องเลือกฝั่งอีกครั้งได้!
เผยสยากวงสงบเสงี่ยมเสียหน่อยไม่ได้เลยรึ?
แม้เผยเซวียนจะหงุดหงิดใจอยู่บ้าง แต่ในใจนั้นรู้ดี ไม่ฉวยโอกาสนี้แยกเผยถงออกไป
ภายหลังย่อมมีปัญหาวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม
3045
เขาเพียงสงสารเผยถง ไม่รู้ว่าเผยเยี่ยนจะแบ่งทรัพย์สินให้เขาเท่าใด
ทั้งชีวิตนี้ของเผยถง คาดว่าคงจะได้เงินจากมือน้องชายของเขาแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว
เท่านั้น
ลําพังเผยเยี่ยนจะทําอะไรล้วนทําได้ดีทั้งนั้น เมื่อก่อนเป็นขุนนางก็เป็นขุนนางมาก
ความสามารถ ยามนี้ควบคุมดูแลเรื่องในเรือน ก็เป็นเจ้าของกิจการที่เจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง
เทียบกับเงินที่เผยเยี่ยนสามารถหาได้ในภายหลังแล้ว เงินส่วนนี้ก็เป็นแค่เศษเงิน
เท่านั้น
เผยเซวียนลอบถอนหายใจ เอ่ยทั้งยิ้มขื่น “ข้าก็ไม่รู้ว่ายังมีบัญชีนี้ แต่สกุลเผยมีกฎเช่นนี้
จริงๆ บ้านไหนโยกย้ายเงินส่วนกลางไปใช้ ต้องทบดอกเบี้ยคืน เงินสองแสนตําลึง ไม่ใช่จํานวน
น้อยๆ แม้ท่านพ่อจะคิดจัดการบัญชี ก็ต้องการโอกาสและเวลาเช่นกัน”
ท่านผู้เฒ่าสกุลเผยนั้นจากไปกะทันหันจริงๆ
แต่ให้บ้านใหญ่ของพวกเขาไปอุดรูรั่วนี้ นายท่านใหญ่สกุลหยางย่อมไม่เห็นด้วย
เผยถงและกู้ซีก็ไม่ค่อยยินดีเท่าใด
เผยเยี่ยนเห็นว่าล่อเหยื่อได้หอมปากหอมคอแล้ว ถึงเวลาต้องดึงแหขึ้นมา จึงเอ่ยว่า
“ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเจ้าเกี่ยวพันในนี้ พ่อข้าทิ้งเงินไว้ให้พี่ใหญ่ พวกเจ้าเอาไป ทั้งพี่รองให้เจ้า นั่นก็
เป็นสายสัมพันธ์ระหว่างเขาและเผยถง ข้าไม่ยุ่ง ทั้งไม่อาจยุ่งได้ ข้าทําได้เพียงกล่าวว่า เงินสอง
แสนตําลึงนั้นของพี่ใหญ่ ข้าจะหาวิธีชดใช้ พวกเจ้าไม่ต้องยุ่งแล้ว ออกจากสกุลเผยไปอย่างขาว
สะอาด นับว่าเป็นการเคารพครั้งสุดท้ายของข้าที่มีต่อพ่อเจ้าก็แล้วกัน!”
ประโยคสุดท้าย เขานั้นเอ่ยกับเผยถง
เผยถงได้ฟังก็นํ้าตารื้นขึ้นมาเล็กน้อย
หากท่านพ่อยังอยู่คงจะดีไม่น้อย!
3046
เขาจะถูกรังแกถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?
เผยถงก้มหน้าไม่ปริปากพูดอันใด
ยามนี้นายท่านใหญ่สกุลหยางจึงค่อยเข้าใจว่าเหตุใดเผยเยี่ยนจึงพูดประโยคที่ว่า
‘นับว่าพวกเราที่เป็นอาทั้งสองส่งให้เจ้าแล้วกัน’
หากเป็นเรื่องจริง เงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตําลึงนับว่าเป็นเงินที่เผยเยี่ยนและเผยเซวียนม
อบให้เผยถงจริงๆ
นายท่านใหญ่สกุลหยางไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องโกหก ประการแรกอย่างมากที่สุดท่านผู้
เฒ่าเผยก็คงมีทรัพย์สินส่วนตัวเท่านี้ ประการที่สอง เงินสองแสนตําลึงไม่ใช่จํานวนน้อยเลย
จริงๆ หากอยากจะจัดการ จําเป็นต้องใช้เวลาและกําลังไม่น้อย
เช่นนั้นก็เอาแค่พอเหมาะพอควรเถิด!
นายท่านใหญ่สกุลหยางขบคิดในใจ กลัวว่าเผยเยี่ยนและเผยเซวียนจะเปลี่ยนความคิด
ตระหนักว่ามีเงินในกระเป๋ าน่าจะสบายใจที่สุด
“เด็กยังอายุน้อย ย่อมไม่อาจขาดการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ได้” เขาหัวเราะ ไม่เอ่ยถึงเงิน
สองแสนตําลึงนั้นอีก กล่าวขอบคุณสองพี่น้องสกุลเผยตรงๆ “ข้าคงไม่พูดมากกว่านี้แล้ว เช่นนั้น
ก็เอาตามความต้องการของเจ้าทั้งสอง เผยถงพามารดา น้องชายและกู้ซีแยกออกไปอยู่ตาม
ลําพัง ภายหลังทุกคนก็ไปมาหาสู่กันเหมือนเป็นญาติ ไม่เซ่นไหว้บรรพบุรุษร่วมกันแล้ว ส่วน
หลุมศพของพ่ออาถง ในความคิดข้า มิสู้ย้ายมาที่เมืองหลวง ภายหลังพวกอาถงมาเซ่นไหว้ก็จะ
สะดวกหน่อย”
อาศัยในเมืองหลวงย่อมใช้ชีวิตยากลําบากอยู่บ้าง
ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นขุนนางใหญ่ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้
ไม่มีเรือกสวนไร่นาให้ผลิตผล ขุนนางที่ลาออกไม่มีทรัพย์สินกิจการ ย่อมไม่มีรายได้
3047
เผยถงอดลังเลอยู่บ้างไม่ได้
นายท่านใหญ่สกุลหยางมองเผยเยี่ยนที่ไม่พูดอันใด
เผยเยี่ยนก็ไม่ได้บอกปัดอะไร เอ่ยอย่างสบายๆ “ได้! สองวันนี้ข้าจะลองดูว่า สามารถ
ให้ใครเอาที่นาออกมาได้บ้าง”
นายท่านใหญ่สกุลหยางและกู้ซีถอนหายใจอย่างโล่งอกโดยพร้อมเพรียงกัน
เรื่องนี้จึงจบลงไปเช่นนี้
มีเรือน มีที่นาไร่สวน ค่อยหาวิธีย้ายทะเบียนบ้านเข้ามา พวกเขาก็จะสามารถใช้ชีวิตที่
เมืองหลวงได้แล้ว ห่างไกลจากสกุลเผย และสําหรับสกุลกู้ สิ่งที่สําคัญที่สุดคือ นางไม่
จําเป็นต้องเห็นหน้าอวี้ถังทุกเวลา เรียกอวี้ถังว่า ‘อาสะใภ้’ ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ น้อมทักทาย
นางอีกแล้ว
กู้ซีคล้ายยกภูเขาออกจากอก คิดว่าตัวเองราวกับหงส์ที่เข้าสู่นิพพาน ได้รับชีวิตใหม่อีก
ครั้ง
มุมปากของนางเผยรอยยิ้มอย่างจริงใจ
กู้ฉ่างกลับขมวดคิ้วถามเด็กรับใช้ที่ถือโคมไฟนําทางอยู่เบื้องหน้าเป็นครั้งที่สาม “เจ้าคง
ไม่ได้พามาผิดทางกระมัง?”
กินข้าวเย็นแล้ว สองพี่น้องสกุลเผยก็นั่งเป็นเพื่อนเขาอยู่สักพัก เผยเยี่ยนยังมอบ
หนังสือที่มีเพียงเล่มเดียวให้เขา เขาดีใจอย่างคาดไม่ถึง แต่ก็ไม่ได้ลืมจุดประสงค์ที่มาสกุลเผย
ในวันนี้ พลิกดูไม่กี่หน้า ก็พลิกต่อไปไม่ได้อยู่บ้าง ไม่รู้ว่าสองพี่น้องสกุลเผยพูดอะไรกับเผยถงไป
บ้าง เขาดื่มชาไปสองถ้วยแล้วก็ยังไม่เชิญเขาไปพูดคุยแต่อย่างใดจึงอดร้อนใจไม่ได้ หยัดกาย
ขึ้นเพื่อกล่าวถาม ใครจะรู้ว่าเท้าเขาเพิ่งจะก้าวข้ามธรณีประตู ก็เผชิญหน้ากับเด็กรับใช้ที่มา
รายงานข่าวเสียก่อน กล่าวว่าได้รับคําสั่งของเผยเยี่ยนให้พาเขาเข้าไปพูดคุย
เขาก็ไม่ได้คิดมาก ถือหนังสือตามเด็กรับใช้คนนั้นไปยังเรือนใน
3048
เพียงแต่เด็กรับใช้ผู้นี้เดินอ้อมข้างหินปะการังปลอมมาสามครั้งแล้ว ก็ยังไม่อาจพาเขา
ไปถึงจุดมายที่บอก นี่จึงทําให้เขาเกิดความสงสัยขึ้นมา
เด็กรับใช้คนนั้นได้ฟัง ก็ตกใจจนตัวสั่นเทา แทบจะทําโคมไฟในมือร่วงลงพื้น
“ข้า ข้าเพิ่งถูกย้ายมารับใช้ที่เรือนในขอรับ” เขาเอ่ยกระอึกกระอัก “ทั้งยามนี้เย็นแล้ว
จึงไม่รู้ว่าทิศไหนเป็นทิศไหนอยู่บ้าง”
จริงๆ เลย!
กู้ฉ่างตําหนิอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมาก ถามว่าโถงบุปผานั้นอยู่ตําแหน่งไหน ก่อนเขา
จะเงยหน้ามองทิศจากดวงดาว เดินนําหน้าเด็กรับใช้ไป
เด็กรับใช้ไม่กล้าพูด ยกโคมไฟให้สูงขึ้นส่องทางให้เขา
ไม่นาน เด็กรับใช้ก็เห็นโคมไฟทาสีนํ้ามันที่แขวนบนต้นแปะก๊วยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก
ของนายท่านสาม
เขาลอบถอนหายใจ รู้ว่าภารกิจของตัวเองสําเร็จแล้ว ฝีเท้าก็เปลี่ยนเป็นผ่อนคลาย
ขึ้นมา
รอจนเด็กรับใช้นํากู้ฉ่างเข้ามาในโถงบุปผา เห็นนายท่านใหญ่สกุลหยางและคนของ
สกุลเผยพูดคุยกันอย่างสุขล้น ก็อดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้
สกุลเผยไม่ใช่ให้เขามาเป็นพยานหรอกรึ? หรือนายท่านใหญ่สกุลหยางไม่ได้ก่อเรื่อง
อะไร?
กู้ฉ่างพกใจที่เปี่ยมความสงสัยเข้ามาคารวะกับคนที่นั่งในห้อง แววตากลับหยุดอยู่ที่
ร่างอวี้ถังอย่างควบคุมไม่ได้
อวี้ซื่อนับวันก็ยิ่งงดงามขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะภายใต้แสงไฟเช่นนี้
3049
ผิวขาวดุจหิมะ แววตาใสกระจ่าง มีชีวิตชีวา ราวกับดอกอวี้จานที่อยู่ใต้แสงจันทร์ ผลิ
บานสะพรั่ง สดใสอย่างยิ่ง พาให้คนที่เห็นรู้สึกสบายอารมณ์ขึ้นมา
เผยเยี่ยนเห็นก็หยัดกายขึ้นอย่างเงียบเชียบ บังอยู่ด้านหน้าอวี้ถัง ก่อนจะเรียกสาวใช้
เข้ามายกชา ลากเก้าอี้ออกมาขวางที่นั่งของอวี้ถัง
กู้ฉ่างขยับคิ้วเล็กน้อย
เป็นอย่างที่เขาคิดหรือไม่?
เขามองสํารวจอวี้ถังและเผยเยี่ยน แต่เขาเพิ่งทอดสายตามองไป เผยเซวียนก็เล่าเรื่องที่
เผยถงต้องการแยกสกุลให้กู้ฉ่างฟังแล้ว
กู้ฉ่างตกใจอย่างยิ่ง เด้งตัวลุกจากที่นั่งทันที มองเผยถงและกู้ซีด้วยสายตาเคร่งขรึม
เอ่ยว่า “ใต้เท้าเผยพูดเรื่องจริงรึ?”
เผยถงและกู้ซีเห็นก็รู้ทันทีว่าเขาไม่เห็นด้วย เผยถงจึงอดพูดประจบไม่ได้อยู่บ้าง “ใช่
เป็นเช่นนี้จริงๆ ลุงใหญ่ก็ทราบ ทั้งเห็นด้วยแล้ว ทรัพย์สินที่ท่านปู่ เหลือไว้ อารองไม่ต้องการ จึง
แบ่งให้ข้าและอาสามเท่าๆ กัน…”
ส่วนเรื่องหนี้สินอีกห้าหมื่นตําลึงนั้น เขาคิดว่าอย่าได้บอกกู้ฉ่างจะดีกว่า
กู้ฉ่างมองไปทางนายท่านใหญ่สกุลหยาง
นายท่านใหญ่สกุลหยางกระแอมไออย่างร้อนตัวอยู่บ้าง ยามนี้ค่อยวางท่าอย่างสุภาพ
เอ่ยว่า “เรื่องนี้ค่อนข้างยาว เผยสยากวงจะแยกเผยถงออกไป ทั้งผ่านการไตร่ตรองแล้วเช่นกัน
หลังจากแยกสกุลแล้ว ไม่ใช่ว่าจะไม่นับญาติกับเผยถงเสียทีเดียว เผยถงยังสามารถพามารดา
และน้องชายกลับมาเมืองหลวงด้วยกันได้ สําหรับอาถงแล้ว ฉวยโอกาสที่ยังหนุ่ม ลองพยายาม
สักตั้งจะดีต่อเขามากกว่า”
ดีตายน่ะสิ!
3050
หากสองพี่น้องสกุลเผยไม่อยู่ที่นี่ กู้ฉ่างก็คงด่ากราดออกมาแล้ว
เขาทราบดี สกุลหยางเก่งแต่เรื่องทําให้เสียการเสียงาน
หากจะโทษ ก็ต้องโทษเขาที่ไม่ได้ให้ความสําคัญ ปล่อยให้สกุลหยางสอดมือยุ่งเกี่ยว
เรื่องภายในของสกุลน้องสาว ทําการตัดสินใจตื้นเขินเช่นนี้
หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาคงไม่ถือเรื่องมารยาท ฟังตามความต้องการของสองพี่น้อง
สกุลเผยรออยู่ข้างนอกเช่นนี้หรอก
กู้ฉ่างไม่อยากจะปรายตามองนายท่านใหญ่สกุลหยางแม้แต่น้อย ยิ่งไม่อยากพูดคุยกับ
เขา
เขาคํานับให้เผยเซวียนและเผยเยี่ยน กล่าวอย่างจริงใจว่า “ไม่แยกสกุลได้หรือไม่?
พวกเขายังอายุน้อย พ่อของอาถงก็ไม่อยู่แล้ว หากพวกเขาทําสิ่งใดผิดไป ขอให้ท่านทั้งสองได้
โปรดสั่งสอน ไม่จําเป็นต้องแยกสกุลเช่นนี้!”
เผยเซวียนสีหน้าเรียบนิ่ง ฟังจบก็เอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากดูแลอาถง เป็นเพราะการ
แยกสกุลจะดีต่ออาถงยิ่งกว่า” ทั้งเอ่ยว่า “บางเรื่อง พวกเราที่เป็นอาพูดออกมาอาจจะดูแปลกๆ
อยู่บ้าง อย่างไรรอให้อาถงบอกเจ้าก็เพียงพอแล้ว เชิญเจ้าเข้ามา ก็เพราะให้เจ้าเป็นพยาน
ทรัพย์สินที่ควรให้อาถง พวกเราทั้งสองที่เป็นอา ย่อมไม่หมกเม็ดไว้แต่แดงเดียว”