ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่385 กลายเป็ นป่ า
เผยเยี่ยนและอวี้ถังสองสามีภรรยาหยอกล้อเรื่องเงินส่วนตัวกันอยู่พักใหญ่ เผย
เยี่ยนคิดว่าไปทงโจวจําเป็นต้องค้างคืน พาอวี้ถังไปด้วยก็ดีเช่นกัน สามารถพาอวี้ถังไปเที่ยวเล่น
รอบๆ ได้ด้วย เขาตัดสินใจปรึกษากับอวี้ถังให้รู้แล้วรู้รอดไป วางแผนจะค้างที่ทงโจวสักสองสาม
วัน
ออกไปเที่ยวเล่นได้ ย่อมเป็นเรื่องดี
อวี้ถังตอบรับอย่างดีใจ
ชั่วขณะนั้นทั้งสองคนก็ทําราวกับไปเที่ยวเล่นกินข้าวกลางวันกันนอกบ้าน วันที่ออก
เดินทางยังให้พ่อครัวทําอาหารของว่างไปกินระหว่างทาง
อวี้หย่วนพลอยได้ผลประโยชน์ตาม กินขนมเปี๊ยะเบญจมาศไปไม่กี่คํา ก่อนจะออก
ความเห็น “ขนมสาลี่ของสกุลพวกเรายังอร่อยกว่าเสียอีก” พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็อดนึกถึงเซียง
ซื่อไม่ได้ “ข้าไม่อยู่เรือน นางกําลังตั้งท้อง ทั้งต้องดูแลลูก ก็ไม่รู้ว่ายามนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” ก่อน
จะขอบคุณอวี้ถังอีกครั้ง “แต่ไหนแต่ไรนางก็ชอบดอกไม้ผ้าที่เจ้าทําให้ เห็นกล่องดอกไม้นั้น
ย่อมต้องดีใจเป็นแน่”
อวี้ถังเม้มปากแย้มยิ้ม
นางว่างจนไม่มีอะไรทําจึงทําดอกไม้ผ้า ส่งให้คนพวกนั้น
นอกจากเซียงซื่อ นางยังนําของกิน ของเล่นส่งให้หม่าซิ่วเหนียงและลูกด้วย
ด้านกู้ซีฉวยโอกาสที่อวี้ถังไม่อยู่ในเรือน ย้ายของทั้งหมดไปยังเรือนเก่าที่เผยโย่ว
จัดเตรียมไว้ก่อนหน้านี้
กู้ฉ่างยังคงมาเยี่ยมเยียนอยู่บ่อยๆ ถามเผยถงว่า “กําหนดวันฉลองเรือนใหม่แล้วหรือ
ยัง?”
3060
วันนั้นเขาไปสกุลเผย กลับไม่ได้รอจนเผยถงกลับมา
นายท่านใหญ่สกุลหยางไปเรือนเก่าโดยตรง เผยถงเชิญนายท่านใหญ่สกุลหยางกิน
อาหารข้างนอกมื้อหนึ่ง กลับมาก็เกือบถึงยามห้ามออกจากเคหสถาน กู้ฉ่างรอไม่ไหวจึงไปก่อน
ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยกัน
เห็นกู้ฉ่างถาม เผยถงก็เร่งเอ่ยว่า “กําลังจะเตรียมปรึกษาฤกษ์งามยามดีกับท่าน”
ขณะที่พูด ก็เอ่ยวันที่ได้มาจากวัดไป๋ หม่าให้กู้ฉ่างเป็นคนเลือก
กู้ฉ่างไม่ได้ใส่ใจมาก “ข้าล้วนสะดวกทั้งนั้น แค่ลาก็สามารถเข้ามาได้แล้ว เจ้าไปถาม
อารองเจ้าก่อนเถิด เขาจะได้ไม่ติดธุระอันใด”
ทั้งจะทําให้พวกคนที่คิดว่าเผยถงโดนคนของสกุลเผยถูกไล่ออกจากเรือนได้เห็นว่า เผย
เซวียนยังคงยืนอยู่ข้างเผยถง มีเรื่องอะไร ก็จะช่วยเหลือจุนเจือเผยถง
เผยถงได้ยินเขาพูดเช่นนี้ จึงตัดสินใจไปจวนสกุลเผยเที่ยวหนึ่ง
กู้ฉ่างถามเขาว่า “วันนั้นนายท่านใหญ่สกุลหยางมาหาเจ้าทําไม? เขาพูดอะไรกับเจ้า
บ้าง?”
เผยถงไม่ได้ปิดบังเขา เอ่ยว่า “ถามว่าเงินของทางสกุลเผยได้ลงบัญชีแล้วหรือยัง ทั้ง
พูดคุยเรื่องยิบย่อยในเรือนกับข้าเล็กน้อย”
ส่วนเรื่องหลักๆ คืออะไร เขาไม่ได้บอกกู้ฉ่าง
ความจริงแล้ว วันนั้นนายท่านใหญ่สกุลหยางมาหาเขาเพื่อคุยเรื่องจดหมายฉบับนั้นที่
เผยโย่วทิ้งไว้ให้เขา
จากความหมายของนายท่านใหญ่สกุลหยาง ในเมื่อสกุลเผยไม่เอ่ยถึง พวกเขาก็ไม่
จําเป็นต้องวิ่งไปประจบสกุลเผย รอสกุลเผยเอ่ยปากออกมาค่อยว่ากันอีกที
เผยถงสามารถเข้าใจความหมายของลุงใหญ่ได้อย่างเลือนราง
3061
สรุปแล้วคือไม่อยากคืนให้สกุลเผย อยากจะจับจุดอ่อนนี้เอาไว้
เวลานั้นเขาไม่พอใจอยู่บ้าง เตือนนายท่านใหญ่สกุลหยางว่า “หากให้คนอื่นเอาไปหรือ
เห็นเข้า ย่อมเป็นปัญหาแน่”
นายท่านใหญ่สกุลหยางไม่เอ่ยรับประกัน เพียงกล่าวว่าให้เขาไม่ต้องกังวล ย่อมไม่อาจ
ให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
เผยถงเกรงว่าจดหมายฉบับนี้คงจะเอากลับมาไม่ได้อีกแล้ว
ภายหลังนายท่านใหญ่สกุลหยางปรึกษากับเขาอีกครั้ง อยากรอมารดามาเมืองหลวง
ก่อนค่อยจัดงานฉลองเรือนใหม่ ยังพูดอะไรนะว่า ‘เรื่องดีย่อมคุ้มค่าแก่การรอคอย เช่นนี้จึงจะ
นับว่าครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา รักใคร่กลมเกลียว’
หากเป็นเมื่อก่อน แม้เขาจะคิดมากก็จะหาวิธีกดความคิดลงไปเท่านั้น แต่ยามนี้ เขาได้
ยินนายท่านใหญ่สกุลหยางพูดเช่นนี้ ทําได้เพียงเดาว่าเขาคิดจะวางแผนอะไรบางอย่างกับสกุล
ตนอีกครั้ง
บางทีอาจเป็นหลังจากที่เขาตัดสินใจไม่เชื่อสกุลมารดา ไม่ว่าคนของสกุลมารดาทํา
อะไรเขาล้วนเผื่อทางรอดให้ตัวเองเสมอ?
ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงไม่คิดจะเชื่อนายท่านใหญ่สกุลหยาง
เขาตัดสินใจว่าเมื่อจัดแต่งของในเรือนแล้วก็จะเชิญญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมยินดี
ทั้งนับว่าเป็นการบอกคนที่ทราบว่าพวกเขาแยกสกุล ตั้งแต่นี้ไปเขามีสกุลเป็นของตัวเองแล้ว
เรือนหลังนี้มีเขาเป็นผู้ดูแล ป้องกันไม่ให้หลังจากมารดามาแล้วทําตัวเจ้ากี้เจ้าการ คนอื่นยังคิด
ว่าเขาเป็นเด็กอมมือพึ่งพาแต่มารดา มีเรื่องอะไรก็ต้องปรึกษากับมารดาก่อน มารดาเขาต้องไป
ถามความเห็นพวกลุงใหญ่อีกที เห็นเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น
ไม้ต้นเดียวย่อมยากจะกลายเป็นป่ า
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
3062
อย่างเช่นกู้ฉ่าง พี่ชายภรรยาของเขา
เขาคิดว่ามักจะดีกว่าขอร้องสกุลหยาง
เพียงแต่จดหมายของบิดาเขาเป็นเรื่องใหญ่อย่างยิ่ง ช่วงเวลาสั้นๆ เขาไม่อาจตัดสินใจ
ได้ว่าควรจะบอกกู้ฉ่างดีหรือไม่ ยามนี้จึงปิดบังบทสนทนาที่พูดกับนายท่านใหญ่สกุลหยางส่วน
หนึ่ง ทั้งกู้ซียิ่งไม่อาจบอกเรื่องเผยโย่วกับกู้ฉ่าง กู้ฉ่างรู้สึกได้ว่าน้องสาวและน้องเขยมีเรื่องปิดบัง
เขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ค่อยพอใจเท่าใด ตั้งใจรั้งตัวอยู่กินข้าวเย็นในเรือนเผยถง แต่ก็ยังไม่อาจ
ทําให้เผยถงหลุดพูดออกมาได้ เห็นได้ชัดว่าเผยถงยังคงสนิทชิดเชื้อกับคนของสกุลหยาง
มากกว่า
ยามที่กู้ฉ่างไป แม้จะกล่าวว่าไม่ได้สะบัดชายเสื้ออย่างฉุนเฉียว ทว่าสีหน้ากลับดูไม่ได้
อย่างยิ่ง
เผยถงรับรู้ได้อย่างเลือนราง จึงนั่งตรึกตรองในห้องหนังสือเนิ่นนาน ท้ายที่สุดก็ยัง
ตัดสินใจไม่ได้ ตระหนักได้ว่าในเรือนยังมีเรื่องกองใหญ่อยู่ ยังไม่จําเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับกู้ฉ่าง
ในเวลานี้ จึงลากยาวมาจนถึงวันฉลองเรือนใหม่
สกุลหยางย่อมไม่ยินดี
นายหญิงใหญ่สกุลเผยยังไม่มาเมืองหลวง
แต่เทียบเชิญของเผยถงส่งออกไปแล้ว พวกเขาจะไม่มาก็ไม่ได้
นายหญิงใหญ่สกุลหยางส่งเครื่องเรือนไม้ต่างๆ มาให้สองสามีภรรยาเผยถง นายหญิง
รองสกุลหยางและนายหญิงสามสกุลหยางต่างก็ไม่มีกะจิตกะใจ คนหนึ่งส่งเครื่องชา อีกคนส่ง
เครื่องถ้วยชามให้หนึ่งชุด
ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยางทราบจึงไม่สบอารมณ์ ไม่รอให้กลับเรือนก็นั่งอยู่ในศาลาสวน
ดอกไม้ด้านหลังของเรือนเผยถง เริ่มตําหนิสะใภ้ใหญ่อย่างนายหญิงใหญ่สกุลหยางขึ้นมา “ก็
แค่เส้นทางขุนนางไม่ราบรื่นชั่วครู่เท่านั้น ไม่ถึงขั้นที่ตกตํ่าเสียหน่อย พวกนางไม่รู้ความ เจ้าก็ไม่
3063
รู้ความด้วยอย่างนั้นรึ? เจ้าดูนายหญิงรองสกุลเผยเถิด ส่งภาพวาดตัวอักษรของราชวงศ์ก่อน
สองภาพ นายหญิงสามส่งของโบราณหายาก หากเจ้าให้สกุลอินและสกุลกู้ทราบ จะมองพวก
เราอย่างไรกัน?”
นายหญิงใหญ่สกุลหยางน้อยใจอย่างยิ่ง เอ่ยเสียงเบาว่า “ก่อนหน้านี้ที่ข้าและพวกนาง
ปรึกษากัน พวกนางก็ไม่ได้พูดอันใด”
ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลหยางรู้สึกขายหน้าเหลือทน ไม่ยอมเลิกรา เอ่ยว่า “พวกนางพูดอะไรก็
หมายความว่าอย่างนั้นรึ? เจ้ากําลังทําอะไรอยู่? อีกอย่าง พวกเรายังหวังให้สกุลเผยช่วยดึงเจ้า
รองและเจ้าสามกลับมาเร็วหน่อย พวกเจ้าทําเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นการตบหน้าสกุลเผยหรอกรึ? จะ
ให้พวกเราเอ่ยปากขอร้องพวกเขาได้อย่างไร?”
ยามที่นายท่านรองและนายท่านสามสกุลหยางทําความผิด ก็ใช้เงินไปไม่น้อย เวลานั้น
ตระหนักเพียงจะช่วยคน จึงไม่ได้คิดเกี่ยงแบ่งแยกอะไร ยามนี้เรื่องได้สิ้นสุดแล้ว เงินในมือของ
บ้านรองและบ้านสามล้วนว่างเปล่า ฮูหยินผู้เฒ่าและท่านผู้เฒ่าก็ไม่ได้ให้เงินช่วยเหลือทั้งสอง
คน คงไม่อาจให้นางควักเงินสินเดิมของตัวเองออกมาช่วยเหลือบ้านรองกับบ้านสามได้หรอก
กระมัง?
นายหญิงใหญ่สกุลหยางก้มหน้าปิดปากเงียบ
เผยเยี่ยนและอวี้ถังเที่ยวเล่นที่ทงโจวอยู่สองวัน ยังซื้อคฤหาสน์เล็กๆ สามส่วนริมนํ้าไว้
ที่ทงโจวแห่งหนึ่ง อวี้ถังชอบที่ตั้งของคฤหาสน์หลังนั้นอย่างยิ่ง พาชิงหยวนไปตกแต่งเรือนอยู่
หลายวัน ยังขบคิดว่าไม่รู้ว่าปีหน้าพวกเขาจะอยู่ที่เมืองหลวงหรือไม่ นางอยากปลูกต้นทับทิมที่
เรือนนี้เสียหน่อย ไม่รู้ว่าจะไหว้วานใครดี? หรือมีแม่นม ผู้ดูแลเก่าแก่คนใดของสกุลเผยที่
ต้องการดูแลใส่ใจเป็นพิเศษ ก็สามารถส่งไปอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ได้ ถือโอกาสให้ช่วยดูแลเรือน
ภายหลังพวกเขามาเมืองหลวง ก็ไม่จําเป็นต้องเช่าโรงเตี๊ยมในทงโจวอีกแล้ว ทั้งอวี้หย่วน ญาติ
ผู้พี่ของนางหากหลังจากนี้ต้องมาเมืองหลวงบ่อยๆ สินค้าที่จะส่งผ่านแม่นํ้าล้วนอยู่ที่ทงโจว
3064
เรือนนั้นของนางก็สามารถช่วยเป็นที่พักของได้ เดิมทีก็ไม่ได้สนใจว่า สกุลหยางส่งของอะไรให้
เผยถงในยามฉลองเรือนใหม่
นายหญิงรองเอาแต่คิดเรื่องจัดการสินเดิมของเผยตันทั้งวัน รอจนถึงปลายฤดูร้อน
คุณชายใหญ่สกุลฉินก็ได้รับคําสั่งจากบิดาให้กลับเรือนเก่าเข้าร่วมการสอบเคอจวี่ นายหญิง
รองยังขบคิดว่าต้องตัดเย็บเสื้อผ้าให้ลูกเขยของสกุลพวกเขาเสียหน่อย จัดการหาพู่กันตลับหมึก
ชั้นดีส่งไปให้เขาอยู่หลายอัน ไหนเลยจะมีเวลามาใส่ใจเรื่องเผยถง
สองพี่สะใภ้น้องสะใภ้ต่างก็วุ่นอยู่กับเรื่องของตัวเอง จู่ๆ นายหญิงสี่สกุลซ่งก็มาเมือง
หลวง
อวี้ถังกําลังอยู่ที่เรือนเก่าของเผยถงกับชิงหยวน พูดคุยกับพวกสาวใช้เรื่องจะปลูก
ต้นไม้อะไรทดแทนดอกมู่ตานพวกนั้นที่ถูกขุดออกไป ยามที่หญิงรับใช้ซึ่งเข้าเวรมารายงาน ก็ชี้
ที่ตัวเองอย่างตกตะลึง เอ่ยว่า “นายหญิงสี่สกุลซ่งอยากพบข้า?”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ” หญิงรับใช้ผู้นั้นติดตามมาจากเรือนที่หลินอัน นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นาย
หญิงผู้ดูแลสกุลซ่งมาเยี่ยมเยียนสกุลพวกเรา ท่านย่อมต้องเป็นคนไปพบเจ้าค่ะ ข้าจึงมา
รายงานท่านโดยตรง”
อวี้ถังได้ฟังก็อดเหงื่อตกไม่ได้อยู่บ้าง
หลายวันมานี้นางเอาแต่สนใจแค่เรื่องเที่ยวเล่น แทบไม่ได้รับผิดชอบหน้าที่ของนาย
หญิงโดยสิ้นเชิง
นางรีบไปหวีผมแต่งตัวใหม่ ก่อนจะไปโถงบุปผา
นายหญิงสี่สกุลซ่งไม่ได้มาคนเดียว นางยังพาคุณหนูเจ็ดสกุลซ่งมาด้วย
ทั้งสองฝ่ ายคํานับแก่กัน แบ่งที่นั่งระหว่างแขกและเจ้าบ้าน รอเด็กรับใช้ยกชาขึ้นโต๊ะ
แล้ว หญิงรับใช้ของนายหญิงสี่สกุลซ่งก็ส่งใบรายการให้
3065
“ระยะทางยาวไกลมิใช่น้อย ของบางอย่างก็ไม่อาจเอามาได้” นายหญิงสี่สกุลซ่งกล่า
วอย่างเกรงใจ “ตระหนักว่าพวกเจ้าพักอยู่ในเมืองหลวงระยะหนึ่งแล้ว จึงนําของฝากท้องถิ่น
จากในเรือนมาให้พวกเจ้าหายคิดถึง”
ชิงหยวนที่ยืนอยู่ด้านหลังอวี้ถังรับใบรายการเอาไว้ อวี้ถังเผยยิ้มกล่าวเป็นมารยาทกับ
นาง “ขอบคุณท่านอย่างยิ่ง เมืองหลวงอะไรก็ดีทั้งนั้น มีแค่เพียงของกินที่ไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง ท่าน
มาก็นับว่าเป็นลาภปากของพวกเราแล้ว”
นายหญิงสี่สกุลซ่งหัวเราะ ก่อนจะคุยเล่นกับอวี้ถังสองสามคํา ยามนี้อวี้ถังจึงค่อยรู้ว่า
เดิมทีนายหญิงสี่สกุลซ่งมาก็เพื่อเข้าร่วมงานแต่งของคุณหนูสกุลอู่
อวี้ถังอดแปลกใจอยู่บ้างไม่ได้
คนเจียงหนานที่อาศัยในเมืองหลวงอย่างนางล้วนไม่ทราบถึงงานแต่งของคุณหนูสกุลอู่
แต่ผู้ที่อยู่ไกลถึงเจียงซูอย่างนายหญิงสี่สกุลซ่ง นอกจากจะทราบแล้ว ยังวิ่งมาเข้าร่วมงานแต่ง
ของคุณหนูสกุลอู่ถึงที่นี่…นางอดถามขึ้นมาไม่ได้ว่าคุณหนูสกุลอู่แต่งให้สกุลใด
นายหญิงสี่สกุลซ่งได้ฟังก็หัวเราะ เอ่ยว่า “ช่วงนี้ท่านกําลังทําอะไรอยู่กัน? เรื่องเช่นนี้
ท่านกลับไม่รู้เสียแล้ว? คุณหนูสกุลอู่แต่งไปสกุลเผิง เป็นสะใภ้คนรองของนายท่านเก้าสกุลเผิง”
สกุลเผิงอย่างนั้นรึ?
อวี้ถังนึกถึงเผิงอวี่และนายท่านเก้าสกุลเผิงที่เป็นพี่น้องกัน ทั้งคุณหนูสกุลซุนก็แต่งไป
สกุลเผิงเช่นกัน
ยังมีสะใภ้ใหญ่ของเจียงหวา เป็นคุณหนูใหญ่ของสกุลอู่เช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ สกุลเจียงและสกุลเผิงก็นับว่าเป็นญาติที่เกี่ยวดองทางการแต่งงาน
อวี้ถังคิดสับสนวุ่นวายในใจ
3066
“ข้าอยู่ในเรือนแทบไม่ได้ออกไปไหน จึงไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้จริงๆ” อวี้ถังพูดกับนาย
หญิงสี่สกุลซ่งอย่างใจลอยอยู่บ้าง “สกุลอู่จะมาเป็นคุณหนูที่เมืองหลวงอย่างนั้นรึ? ท่านมาไกล
ขนาดนี้ ก็เพื่อจะมาส่งคุณหนูสกุลอู่เข้าเรือนหอ?”
“ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว” นายหญิงสี่สกุลซ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม มองคุณหนูเจ็ดสกุลซ่งไปทีหนึ่ง
เอ่ยว่า ยามนี้คุณหนูในเรือนก็เติบใหญ่แล้ว พวกเราเอาแต่เก็บตัวอยู่ในซูโจว เทียวไปเทียวมา
พูดเรื่องแต่งงานกับสกุลไม่กี่สกุลพวกนั้น จึงเห็นว่าควรจะเดินออกมาเปิดหูเปิดตาข้างนอกเสีย
บ้าง
ก็หมายความว่าสกุลอู่ทําให้สกุลซ่งได้เห็นความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง สกุลซ่งวางแผนจะ
เลียนแบบสกุลอู่ ใช้งานแต่งของลูกหลานช่วงชิงผลประโยชน์ให้สกุลตัวเอง
เรื่องเช่นนี้อวี้ถังไม่อาจพูดได้ ยามนี้นางเพียงอยากเจอเผยเยี่ยนให้เร็วที่สุด บอกเรื่องนี้
ให้เขาทราบ
นางแสร้งทําเป็นไม่รู้เรื่อง เอ่ยอย่างขอไปที “เดินออกมาเปิดหูเปิดตาข้างนอกเป็นเรื่อง
ที่ถูกแล้ว แม้ว่าทิวทัศน์ของเจียงหนานจะเป็นอันดับหนึ่งของใต้หล้า แต่เมืองหลวงก็มีข้อดีของ
เมืองหลวง” ทั้งเอ่ยว่า “เรื่องที่สกุลอู่จะเชื่อมสัมพันธ์กับสกุลเผิงยังไม่ได้เผยแพร่ออกมากระมัง?
พวกเราล้วนยังไม่ได้รับเทียบเชิญ ไม่รู้ว่าทั้งสองสกุลกําหนดงานแต่งกันเมื่อใด?”