ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่386 คุณสมบัติ
นายหญิงสี่สกุลซ่งยิ้มอย่างลําพองใจขึ้นมาหลายส่วน เอ่ยว่า “ใช่แล้ว! กําหนดงานแต่ง
ยังไม่ออกมา สกุลอู่ส่งจดหมายมาบอกข้าก่อนโดยเฉพาะ อยากให้ข้าเข้ามาช่วยเหลือสกุลพวก
เขาหน่อย ข้าตระหนักได้ว่าชั่วชีวิตนี้ของข้ายังไม่เคยมาเยือนเมืองหลวง จึงแบกหน้ามาสักครั้ง
หนึ่ง” นางพูดจบแล้ว ยังจิ้มแตงหวานจากจานผลไม้ใส่ปาก “แตงหวานนี้อร่อยจริงๆ หวานกว่า
ทางพวกเราเสียอีก”
อวี้ถังพูดกับนางเป็นพิธีไม่กี่ประโยค ก่อนจะรั้งนายหญิงสี่สกุลซ่งให้อยู่กินข้าวเย็นใน
เรือน
นายหญิงสี่สกุลซ่งก็ไม่เกรงใจ รับปากอย่างยินดี
อวี้ถังทําได้เพียงให้คนไปเชิญนายหญิงรองมาคุยเล่นเป็นเพื่อนแขก
นายหญิงสี่สกุลซ่งเห็นนายหญิงรองก็ดึงมือนางอย่างดีใจทันที ถามอย่างเป็นห่วง “ได้
ยินว่าคุณหนูห้าจะแต่งไปสกุลฉิน? เป็นอย่างไรบ้าง? เรื่องสินเดิมเจ้าสาวเรียบร้อยแล้วใช่
หรือไม่? วันแต่งงานกําหนดแล้วหรือยัง? มีสิ่งใดที่ข้าพอจะช่วยเหลือได้บ้าง?” ทั้งถอนหายใจ
“คาดไม่ถึงจริงๆ ตอนแรกยามที่ใต้เท้าฉินรับตําแหน่งผู้ว่าการเจ้อเจียง ข้าก็เคยพูดคุยส่วนตัว
กับนายหญิงใหญ่มาก่อน คุณชายใหญ่สกุลฉินไม่ว่าจะบุคลิกลักษณะหรือความรู้ล้วนไม่เป็น
สองรองใคร ฮูหยินฉินก็มีนิสัยอ่อนโยนใจกว้าง ไม่รู้ว่าคุณหนูของสกุลใดจะมีวาสนานี้ แต่งไป
เป็นสะใภ้ของสกุลฉิน นึกไม่ถึงว่าผู้ที่เกี่ยวดองกับสกุลฉินจะเป็นคุณหนูห้า ลูกเขยคนนี้ของเจ้า
เลือกได้ดีเสียจริงๆ!”
นี่เป็นคําพูดที่นายหญิงรองชอบฟังเป็นที่สุด
นางเอ่ยถึงเรื่องงานแต่งของเผยตันกับนายหญิงสี่สกุลซ่งอย่างนํ้าไหลไฟดับ
คุณหนูเจ็ดสกุลซ่งเดินมาอยู่ด้านข้างอวี้ถังอย่างเงียบเชียบ คลี่ยิ้มเอ่ยกับนางเสียงเบา
“นายหญิงสาม หลังจากบอกลาที่วัดเจาหมิง ก็ไม่ได้พบท่านอีกเลย ท่านยังสบายดีกระมัง?”
3068
นางมีท่าทีเขินอาย คล้ายกับลูกนกขี้ตกใจ พาให้คนสงสารเอ็นดูไม่น้อย
คาดว่านางคงกระจ่างใจจุดประสงค์ของตัวเองที่มาเมืองหลวงดี สําหรับบุตรเขยที่
ตัวเองต้องแต่งด้วย ไม่ใช่ดูที่ความรู้หรือความสามารถ แต่ต้องดูว่ามีประโยชน์ต่อสกุลซ่งหรือไม่
นางคงกําลังหวาดกลัวอยู่ในใจ!
อวี้ถังทอดถอนหายใจ อดเห็นใจคุณหนูเจ็ดสกุลซ่งขึ้นมาหลายส่วนไม่ได้ นางเอ่ยอย่าง
อ่อนโยน “ไม่ได้พบกันนานจริงๆ! คุณหนูหกยังสบายดีกระมัง?”
พวกคุณหนูทั้งหลายในตอนแรกนั้น งานแต่งของคุณหนูอู่ได้กําหนดแล้ว ไม่ว่าลูกชาย
ของนายท่านเก้าสกุลเผิงเป็นอย่างไร ก็นับอายุไล่เลี่ยกับคุณหนูอู่ กู้ซีออกเรือนแล้ว ในสายตา
ของคนมากมาย เผยถงก็พอพูดได้ว่าเป็นบุตรเขยเต่าทองคํา ยามนี้ก็ย้ายไปตั้งสกุลเอง หาก
นางดูแลจัดการได้ดี ไม่แน่ว่าอาจจะมีอนาคตที่ดีรออยู่
คุณหนูเจ็ดสกุลซ่งสีหน้าหม่นหมองอยู่บ้าง เอ่ยว่า “พี่หกจะออกเรือนแล้ว นางแต่งไป
ไกลถึงเมืองสู่คนผู้นั้นทํากิจการขายยา ไม่กี่วันก่อนร้านขายยาของสกุลพวกเราที่ซูโจวเกิด
ปัญหาเล็กน้อย สกุลสามีของพี่หกก็ช่วยไว้ไม่น้อยเช่นกัน”
ก็หมายความว่า คุณหนูหกสกุลซ่งก็แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เพราะผลประโยชน์ของสกุล
เช่นกัน
อวี้ถังทําได้เพียงปลอบใจนาง “นั่นก็ดีไม่น้อย อย่างไรก็ทํากิจการด้วยกัน รู้จักพื้นเพ
นิสัยใจคอกัน”
คุณหนูเจ็ดสกุลซ่งกลับยิ้มขมขื่น เอ่ยเสียงเบาว่า “เพราะเรื่องของร้านขายยา สกุลพวก
เราและสกุลสามีพี่หกกลับมีเรื่องจนไม่ค่อยรื่นรมย์นัก พี่หกแต่งไปสกุลพวกเขา นับว่าเป็นการ
ชดเชยให้กับพวกเขา…สกุลพวกเขาไม่ทํากิจการในแถบซูโจวเจ้อเจียงอีกแล้ว เปลี่ยนไปทําที่
เจียงซี หูเป่ ยและหูหนานแทน”
หรือสกุลซ่งทําผิดต่อสกุลอื่น?
3069
ช่วงเวลาสั้นๆ อวี้ถังไม่อาจถามมากได้ กลับเป็นคุณหนูเจ็ดสกุลซ่ง ทําท่าราวกับกําลัง
คิดอะไรอยู่ เหมือนว่าคําพูดมากมายเก็บกดไว้ในใจท้ายที่สุดก็มีโอกาสระบายออกมา เอ่ยขึ้น
อย่างไม่สนใจอะไรอยู่บ้าง “ก่อนหน้านี้สามีพี่หกเคยแต่งสะใภ้คนหนึ่ง ให้กําเนิดลูกชายสามคน
ลูกสาวคนหนึ่ง พี่หกไม่อยากแต่ง แต่คนในสกุลกล่าวว่า พี่หกนั้นนิสัยแย่ รั้งเอาไว้กลับจะ
กลายเป็นศัตรู มิสู้แต่งออกไปเช่นนี้…”
ยามที่นางพูดขอบตาก็รื้นชื้นขึ้นมา มองอวี้ถังตรงๆ ราวกับเรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไร
บางอย่างกับนางเสียอย่างนั้น
อวี้ถังตกตะลึง อยากถามนางว่าหมายความอย่างไร จู่ๆ ก็ถูกนายหญิงรองคว้าแขน
ก่อนเสียงแผ่วเบาของนางจะดังขึ้นข้างหู “หลักๆ คือพวกเราอยู่ห่างจากสกุลเจียงไม่น้อย
คุณชายใหญ่เพิ่งย้ายไป ยังมีของบางอย่างที่เหลือในเรือนไม่ได้จัดเก็บให้เรียบร้อย หากไม่มี
เรื่องแยกสกุล พวกเราส่งคนไปบอกเขาก็เพียงพอแล้ว แต่ยามนี้แยกสกุล พวกเราไปบอกให้เขา
ทราบ อาจจะคิดว่าพวกเราอยากตกแต่งเรือนให้ท่านอยู่ หากไม่บอกเขา ยังจะคิดว่าพวกเขาหา
ข้ออ้างไล่พวกเขาให้ย้ายของออกไปเร็วหน่อย ล้วนแล้วแต่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทั้งสิ้น!”
“ดูท่านว่าสิ!” นายหญิงสี่สกุลซ่งหัวเราะ เผยสีหน้าราวกับไม่ใส่ใจมาก “พวกเราเป็น
แขกของสกุลอู่ ในเจียงหนานสกุลอู่ก็เป็นสกุลที่ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหราใหญ่โต พวกเราย่อม
ต้องไปพึ่งพาอาศัยสกุลพวกเขา”
ยามนี้อวี้ถังจึงค่อยเข้าใจ ที่แท้นายหญิงสี่สกุลซ่งบอกเป็นนัยกับนายหญิงรองอ้อมๆ
ว่าอยากพักที่สกุลเผยในระหว่างที่พวกนางอยู่เมืองหลวง แต่ถูกนายหญิงรองปฏิเสธอย่าง
อ้อมๆ เช่นกัน
นางคิดว่านายหญิงรองทําถูกแล้ว
จากคําพูดของเผยเยี่ยน ไม่ช้าก็เร็วสกุลเผยและสกุลซ่งต้องแตกหักกันอยู่แล้ว ในเมื่อ
เป็นเช่นนี้ ก็ไม่จําเป็นต้องสนิทสนมกันมากเกินไป ไม่อย่างนั้นพอถึงเวลาจริงๆ จะช่วยก็ไม่ได้
ไม่ช่วยก็ไม่ได้อีก
3070
นายหญิงรองไม่รู้เรื่องพวกนี้ นางปฏิเสธนายหญิงสี่สกุลซ่ง เป็นเพราะคิดว่านายหญิงสี่
สกุลซ่งเป็นคนที่ละโมบโลภมากเท่านั้น
หลังจากส่งนายหญิงสี่สกุลซ่งและคุณหนูเจ็ดสกุลซ่งไปแล้ว นางก็เอ่ยกับอวี้ถัง “ยามที่
พูดเรื่องสกุลอู่สีหน้าแช่มชื่นเบิกบาน เช่นนั้นไปหาสกุลอู่ก็ดีแล้ว คิดจะหาผลประโยชน์จากสกุล
พวกเรากลับไม่พูดดีๆ สักประโยค นับเป็นเรื่องอันใดกัน!”
อวี้ถังยกนิ้วโป้งให้นาง เอ่ยว่า “ยังคงเป็นพี่สะใภ้รองที่คิดรอบคอบ ข้าคิดไม่ถึงว่าพวก
นางจะวางแผนเช่นนี้ แต่ว่าเปลี่ยนเป็นข้า ข้าก็คงไม่อยากให้พวกนางมาอาศัยที่เรือนข้าเช่นกัน”
นายหญิงรองพยักหน้าระรัว
หลังจากอวี้ถังแยกจากนาง ก็ไม่ได้กลับเรือนของตัวเอง แต่ไปหาเผยเยี่ยนที่ห้อง
หนังสือ
เขากําลังปรึกษาเรื่องค้าเกลือกับชูชิง
ที่นาทางเจียงซี ธัญพืชในปีนี้คงเก็บเกี่ยวได้ไม่น้อย พวกเขาวางแผนจะร่วมกับสกุลอิน
ขนส่งธัญพืชไปยังเก้าชายแดน แลกเปลี่ยนกับเกลือ
เดิมทีแผนการนี้นับว่ายอดเยี่ยมไม่น้อย น่าเสียดายที่เผยเซวียนเป็นรองเจ้ากรมการ
คลัง ไม่ว่าจะพูดจากมุมไหน สกุลเผยก็ควรทําเรื่องหลบหลีกจากตําแหน่งหน้าที่ของเผยเซวียน
การค้าเกลือของสกุลเผยนั้นนับเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก
ชูชิงแนะนําให้พวกเขานําธัญพืชกลับมาขายที่ซูโจวและเจ้อเจียงโดยตรง
พื้นที่ซูโจวและเจ้อเจียงนั้น ธัญพืชมีราคาค่อนข้างสูงมาโดยตลอด
แต่ย่อมไม่ได้กําไรดีเท่ากับการขายเกลือ
ขณะที่เผยเยี่ยนกําลังลังเลก็เห็นอวี้ถัง เขาหยุดบทสนทนาไว้ ตัดสินใจจะพูดเรื่องนี้ใน
วันพรุ่งนี้กับชูชิงแทน
3071
ชูชิงยิ้มทักทายอวี้ถังก่อนจะออกไป
เริ่มแรกอวี้ถังยังผงกศีรษะให้ชูชิงอย่างสงบเสงี่ยม รอจนเงาของชูชิงห่างจากห้อง
หนังสือ นางก็วิ่งไปด้านข้างเผยเยี่ยนทันที ดึงชายเสื้อเผยเยี่ยน เอ่ยอย่างร้อนใจ “สยากวง ข้ามี
เรื่องจะเล่าให้เจ้าฟัง คุณหนูอู่จะแต่งงานกับสกุลเผิง เรื่องนี้พวกเขาสองสกุลปิดบังอย่างแน่น
หนา หากไม่ใช่ว่าวันนี้นายหญิงสี่สกุลซ่งมาเป็นแขกในเรือน ข้าก็คงไม่รู้ เจ้าทราบเรื่องนี้
หรือไม่?”
เผยเยี่ยนเหนือความคาดหมายอย่างเห็นได้ชัด กล่าวทั้งขมวดคิ้ว “ข้ารู้ว่าสกุลอู่กําลัง
หาคู่แต่งงาน คาดไม่ถึงว่าสกุลเผิงจะรับปาก ยามนี้นายหญิงสี่สกุลซ่งมาถึงเมืองหลวง เช่นนั้น
เรื่องนี้คงจะวางแผนมานานแล้ว”
ใจของอวี้ถังเด้งขึ้นมาทันที เอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าได้ยินข่าวลืออะไรหรือไม่?”
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินว่าสกุลอู่ตั้งใจจะเกี่ยวดองกับสกุลหลี แต่สกุลหลี
ไม่มีลูกหลานที่อายุเหมาะสม”
ดังนั้นจึงเลือกสกุลเผิง
อวี้ถังเอ่ยอย่างลังเล “ไม่ถูกสิ! ควรจะเป็นคนอื่นเลือกสกุลอู่ ไม่ใช่สกุลอู่เลือกสกุลอื่น?”
เหตุใดสกุลเผิงจึงรับปากแต่งคุณหนูอู่เข้าสกุล?
อวี้ถังคาดเดา “เป็นเพราะสินเดิมเจ้าสาวของสกุลอู่นั้นมหาศาล?”
เผยเยี่ยนเห็นนางมีท่าทีหวาดหวั่น ก็คิดหยอกล้อ อดบีบจมูกอวี้ถังไม่ได้ เอ่ยว่า “ก็ไม่ใช่
เรื่องสินเดิมเสียทีเดียว เป็นไปได้ว่าอาจจะร่วมมือกันทําอะไรสักอย่าง”
อวี้ถังมีเรื่องในใจ จึงไม่ได้สนใจเล่นกับเผยเยี่ยน เอ่ยอย่างร้อนใจ “สองสกุลเกี่ยวดอง
เชื่อมสัมพันธ์ ย่อมมีการร่วมมืออะไรกัน ข้ากลัวว่าจะมีผลกระทบกับสกุลพวกเรา ใต้เท้าเจียง
ไม่ลงรอยกับเจ้า ยามนี้สกุลอู่ก็เกี่ยวดองกับสกุลเผิงอีก”
3072
นางยังจําเรื่องที่พวกเขาใช้ภาพตกปลาใต้ต้นสนริมแม่นํ้าขัดขวางเส้นทางเศรษฐีของ
สกุลเผิงได้เป็นอย่างดี
เผยเยี่ยนกลับไม่ใส่ใจนัก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนี้ไม่ใช่ว่าจะยิ่งดีหรอกรึ! เหมือนดั่งยาม
นี้ พวกเราและสกุลเผิงบาดหมางกันอย่างเปิดเผย หากยังต้องแสร้งสนิทสนมกัน คงทําให้คน
รําคาญใจไม่น้อย”
นี่ก็ถูก
อวี้ถังเอ่ยเตือนเผยเยี่ยน “เจ้าระวังเสียหน่อย! ข้ามักมีลางสังหรณ์ไม่ดี”
“เจ้าวางใจเถิด!” เผยเยี่ยนกอดอวี้ถังด้วยรอยยิ้ม “ยามนี้ข้ามีครอบครัวมีภรรยาแล้ว
ย่อมไม่ทําอะไรส่งเดช ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเป็นอย่างไรกัน!”
อวี้ถังใบหน้าร้อนฉ่า รู้สึกวาบหวามในใจ คิดว่าพูดอะไรก็ล้วนแต่ทําลายบรรยากาศ
ทั้งนั้น ทว่าความรู้สึกกลับยิ่งซัดกระเพื่อมขึ้นมา เรี่ยวแรงทั้งหมดไม่รู้ว่าเหือดหายไปไหน
นางพยายามกอดเอวเผยเยี่ยนเอาไว้…
ไม่เกินสองวัน การเกี่ยวดองของสกุลเผิงและสกุลอู่ก็เลื่องลือกันไปทั่วเมืองหลวง
ยามที่อวี้ถังไปเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดครบร้อยวันของลูกชายคนโตสวีเซวียนที่สกุลอิน
คนไม่น้อยก็ดึงตัวนางไปสืบข่าว “สกุลอู่ที่แต่งคุณหนูไปสกุลเจียงอย่างนั้นรึ?”
“ใช่แล้ว!” อวี้ถังตอบรับด้วยรอยยิ้ม
คนที่ทราบเรื่องส่วนมากล้วนมีท่าทีไม่ใส่ใจเท่าใด เอ่ยอย่างดูถูกอยู่บ้าง “แต่งลูกสาว
ไปยังสกุลอย่างพวกเขา ก็นับว่าไม่ง่ายแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าสกุลอู่ไม่ได้ชื่อเสียงดีงามอะไรจากเรื่องนี้
3073
กระทั่งสวีเซวียนที่ถูกสตรีของสกุลอินบีบให้พักผ่อนอยู่ในเรือนก็ลอบเอ่ยเรื่องนี้กับอวี้
ถังเช่นกัน “ได้ยินว่าครั้งนี้คุณหนูอู่ใช้สินเดิมหนึ่งแสนตําลึง นายท่านเก้าสกุลเผิงเป็นคนที่ชอบ
เล่นพนัน มักจะมียามที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง คงจะมีเพียงเขาที่ตอบรับงานแต่งครั้งนี้”
ไม่ใช่เพราะว่าสกุลเผิงมีเผิงอวี่เป็นดาวจรัสแสงของวงการขุนนางหรอกรึ?
สวีเซวียนแค่นยิ้ม “คาดว่าสกุลเผิงย่อมยินดีจะแต่งคุณหนูสกุลซุนเข้ามา ดีกว่าต้องรับ
คุณหนูอู่เข้าสกุล แต่หากทําชัดเจนเกินไปก็ง่ายจะตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน”
อวี้ถังไม่รู้ว่าภายในมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ย่อมไม่อาจวิพากษ์วิจารณ์ส่งเดชได้ เปลี่ยน
ประเด็นพูดเรื่องนายหญิงสี่สกุลซ่งขึ้นมาแทน “เจ้าได้ให้เทียบเชิญนางหรือไม่?”
สวีเซวียนจําไม่ได้ ให้คนไปเรียกแม่นมผู้ดูแลเข้ามา จากนั้นก็เอ่ยกับอวี้ถัง “เทียบเชิญ
ของเจ้า คุณหนูใหญ่สกุลจางและอาตัน ข้าเป็นคนเขียนด้วยตัวเอง ส่วนคนอื่นๆ ต้องถามผู้ดูแล
สักหน่อย” เอ่ยอย่างแปลกใจว่า “เจ้าถามเรื่องนี้ทําไม?”
ในเมื่อสกุลซ่งตั้งใจจะแต่งคุณหนูเจ็ดไปยังสกุลที่ให้ผลประโยชน์กับสกุลซ่งได้ นางก็
ย่อมหาวิธีเข้ามาร่วมงานแบบนี้เช่นกัน
อวี้ถังก็ถามไปตามเรื่องตามราวเท่านั้น
นางคิดว่านางเป็นสตรีในเรือน ไม่อาจสืบเรื่องงานแต่งของสกุลอู่และสกุลเผิงได้ นับว่า
บกพร่องต่อหน้าที่อยู่บ้าง
นางจึงค่อนข้างให้ความสนใจกับสกุลซ่ง
“ไม่เห็นนางจึงถามขึ้นมาเท่านั้น” อวี้ถังไม่อาจเอ่ยเรื่องที่ตัวเองบกพร่องในหน้าที่กับสวี
เซวียนได้ จึงตอบกลับไปอย่างคลุมเครือ
ดีที่สวีเซวียนไม่ถามมาก
3074
ไม่นาน แม่นมผู้ดูแลก็เข้ามา รายงานอย่างกระวนกระวาย “ก่อนหน้านี้หลานสะใภ้
ใหญ่ไม่ได้กําชับเป็นพิเศษ พวกเราจึงไม่ได้เขียนเทียบเชิญให้พวกเขา” จากนั้นก็แก้ต่างให้
ตัวเอง “แม้สกุลซ่งจะเป็นสกุลใหญ่ของเจียงหนาน ตําแหน่งที่สูงที่สุดก็มีเพียงขุนนางขั้นสี่
เท่านั้น เรือนสกุลซ่งในเมืองหลวงก็ขายไปแล้ว ยามนี้นายหญิงสี่สกุลซ่งพักอยู่ในสกุลอู่ พวกเรา
จึงไม่ได้ส่งเทียบเชิญให้สกุลอู่เจ้าค่ะ”
ความนัยของวาจานี้คือ สกุลซ่งไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานวันเกิดครบร้อยวันของ
คุณชายใหญ่สกุลพวกเขา