ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่388 แผนร้าย
ช่วงหลายวันนี้นายหญิงรองกําลังจัดระเบียบคฤหาสน์ฟากตะวันออกของตนเองอยู่
เห็นว่าอวี้ถังมาหา จึงลากนางไปดูด้วย “เจ้าคิดว่าจัดออกมาเป็นอย่างไร? ต้องเพิ่มอะไรอีก
หรือไม่?”
หลังจากสองพี่น้องเผยเยี่ยนกับเผยเซวียนหารือกันเสร็จ ตั้งใจว่าถ้าท่านแม่เฒ่าสกุล
เผยมาถึงเมืองหลวง ก็จะให้เข้าพักที่นี่
ผนังทาสีใหม่แล้ว ดอกไม้ในสวนก็ตัดแต่งแล้ว ทั้งยังเพิ่มเครื่องเรือนที่ทําจากไม้พยุง
และแผงกั้นลมไม้มะเกลือและไม้จีชื่อ ขาดแค่แขวนผ้าม่านกับวางเบาะรองนั่ง คนก็สามารถเข้า
อยู่ได้เลย
อวี้ถังยิ้มแล้วเอ่ยว่า “พี่สะใภ้รองต้องเหน็ดเหนื่อยแล้ว ข้าเห็นว่าห้องนี้กับเรือนที่แม่
สามีพักอยู่ตกแต่งคล้ายๆ กัน แม่สามีจะต้องพอใจมากแน่เจ้าค่ะ”
นายหญิงรองถึงค่อยสบายใจขึ้น หัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ข้ากลัวว่าแม่เฒ่าจะไม่คุ้นเคย
อากาศทางเหนือกับทางใต้ยิ่งต่างกันลิบลับ”
จริงสิ ตอนที่ท่านแม่เฒ่ามาถึงเมืองหลวงคงจะเข้าหน้าหนาวพอดี
“เช่นนั้นปีนี้ต้องซื้อถ่านไม้ไว้มากหน่อย” อวี้ถังแสดงความเห็น
สองคนคุยกันเรื่องจิปาถะต่อ อวี้ถังเลยเสนอความคิดขึ้นมา
นายหญิงรองฟังแล้วก็ดีใจ หัวเราะพลางเอ่ยว่า “ข้ากลัวว่านายท่านรองมารับราชการที่
เมืองหลวง แล้วจะไปขวางเส้นทางขุนนางของพี่น้องคนอื่น บัดนี้ญาติผู้พี่มาเป็นขุนนางที่เมือง
หลวง ก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ เช่นนี้ก็ดีเหมือกัน” จากนั้นนางก็ถามเรื่องที่พักว่าจัดการ
เรียบร้อยแล้วหรือไม่ จะให้ช่วยเช่าเรือนด้านนอกหรือเปล่า “อย่างไรก็เดินทางมาตั้งไกล บาง
เรื่องอาจไม่ค่อยสะดวก”
3084
อวี้ถังยิ้มตอบว่า “สยากวงบอกว่าครอบครัวเขาทางนั้นจะมาถึงก่อนสองสามวัน ส่งให้
ท่านชูไปคอยรับรองแล้ว คิดว่าพวกเราไม่จําเป็นต้องกังวลเจ้าค่ะ”
นายหญิงรองฟังแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “พวกเจ้าตั้งใจจะไปรับคนที่ทงโจวรึ?”
อวี้ถังตอบว่า “ท่านมีเรื่องอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ?”
“เปล่าหรอกๆ” นายหญิงรองหัวเราะ “ข้าแค่คิดว่าอากาศกําลังเย็นสบาย ธุระในเรือนก็
สะสางใกล้เสร็จแล้ว หากพวกเจ้าไปทงโจว ข้าก็จะตามพวกเจ้าไปพักที่คฤหาสน์หลังใหม่ด้วย
สักหลายวัน ถือว่าไปสูดอากาศ”
อวี้ถังหัวเราะฮ่าๆ “เพราะคนที่มามอบของขวัญมีมากเกินไป อารองไม่ยอมให้ท่านรับ
ไว้ ท่านกลัวว่าจะล่วงเกินคน จึงคิดหลบออกจากที่นี่ไปกระมัง?”
ใกล้จะถึงวันไหว้พระจันทร์แล้ว เผยเซวียนต้องตรวจสอบเรื่องใบอนุญาตค้าเกลือ แม้
เผยเยี่ยนจะพูดชัดเจนว่าไม่คุยเรื่องงานในเรือน แต่เพราะสกุลเผยมีประวัติอยู่ในเจียงหนาน
นานถึงร้อยกว่าปี มิตรสหายมีนับไม่ถ้วน แค่ระยะนี้ แขกที่มาเยือนสกุลเผยก็มากจนแทบจะ
เหยียบธรณีประตูทรุดแล้ว
นายหญิงรองฉีกยิ้มสว่างไสว
อวี้ถังเอ่ยอย่างสนอกสนใจว่า “ข้าลองไปปรึกษาสยากวงดีหรือไม่ พวกเราจะได้ไปทง
โจวเร็วขึ้นสักสองสามวัน?”
นายหญิงรองหัวเราะ “ถึงเวลานั้นข้าจะพาอาตันกับอาหงไปด้วย”
อวี้ถังรับคําอย่างรวดเร็ว แล้วส่งผู้ดูแลไปจัดการธุระที่ทงโจวล่วงหน้าก่อน
นายหญิงสี่สกุลซ่งพานายหญิงใหญ่อู่มาเยี่ยมเยียนอวี้ถัง
ตอนที่อวี้ถังได้รับเทียบเชิญยังหันไปถามเด็กรับใช้อย่างไม่อยากเชื่อว่า “เจ้าฟังชัดดี
แล้วรึ? นายหญิงสี่สกุลซ่งมาพบข้า?”
3085
ช่วงนี้ส่วนใหญ่มักจะมาพบนายหญิงรองทั้งนั้น
เด็กรับใช้ตอบกลับอย่างนอบน้อมว่า “ข้าน้อยถามดีแล้วขอรับ บอกว่ามามอบเทียบ
เชิญให้ท่านกับนายหญิงรอง”
อวี้ถังมึนงง
ระยะนี้นางเอาแต่วุ่นเรื่องจิปาถะในเรือน จนลืมเรื่องงานแต่งของคุณหนูอู่ไปเสียสนิท
นางเชิญนายหญิงสี่สกุลซ่งเข้ามา
คุณหนูอู่ไม่ใช่บุตรสาวของบ้านใหญ่ แต่คนที่มาเมืองหลวงเพื่อจัดการงานพิธีเป็นนาย
หญิงบ้านหลัก ซึ่งก็คือมารดาแท้ๆ ของนายหญิงน้อยสกุลเจียง นายหญิงใหญ่สกุลอู่
ผู้ที่ให้กําเนิดโฉมงามอย่างนายหญิงน้อยสกุลเจียงได้ นายหญิงใหญ่อู่ย่อมมีรูปงาม
เลิศไม่แพ้กัน นายหญิงสี่สกุลซ่งแนะนํานายหญิงใหญ่อู่ให้อวี้ถังได้รู้จัก
นายหญิงใหญ่อู่ชมเปาะว่าอวี้ถังสวยพริ้มเพรา และไม่ได้วางตัวเพิกเฉยต่อนางเพียง
เพราะตนมีอายุพอๆ กับมารดาของอวี้ถัง เห็นชัดว่าเป็นสตรีที่รู้จักวางตัวอย่างมาก
สองคนต่างคารวะตอบกันอย่างเกรงใจ หลังจากแยกย้ายไปนั่งตามตําแหน่งเจ้าบ้าน
และแขกแล้ว นายหญิงใหญ่อู่จึงส่งเทียบเชิญให้อวี้ถังด้วยตนเอง
นางหญิงใหญ่สี่สกุลซ่งพูดยกยอยู่ข้างๆ “ข้าบอกว่าจะมาส่งเทียบเชิญเอง ถือว่าแวะมา
เยี่ยมเจ้าด้วย แต่นายหญิงใหญ่อู่คิดว่าเสียมารยาท ดึงดันจะมาด้วยตนเองให้ได้ ข้าคิดว่าต่อไป
ทุกคนคงได้เห็นหน้าค่าตากันบ่อยๆ มารู้จักกันไว้ก็ดี จึงมาเป็นเพื่อนนางด้วย”
อวี้ถังเห็นว่างานแต่งของคุณหนูอู่กําหนดไว้วันที่ยี่สิบสองเดือนเก้า จึงเอ่ยกับนายหญิง
ใหญ่อู่ว่า “ยินดีด้วยเจ้าค่ะ” แล้วค่อยตอบความนายหญิงสี่สกุลซ่งว่า “ขอบคุณท่านมาก ข้าเพิ่ง
มาอยู่เมืองหลวงได้ไม่กี่เดือน ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับที่นี่นัก แต่การจัดการในเรือนยังพอปรับตัว
ไหว พวกท่านมีอะไรให้ข้าช่วยเหลือ ก็ส่งคนมาบอกกล่าวได้ ข้าจะให้ผู้ดูแลที่สกุลไปช่วยอีกแรง
เจ้าค่ะ”
3086
ถ้าจะให้นางไปช่วยเองนั้นคงเป็นไปไม่ได้
ไม่รู้ว่านายหญิงใหญ่อู่ฟังความนัยของนางออกหรือไม่ นางยิ้มหวานด้วยความซาบซึ้ง
แล้วถามเรื่องเผยถงขึ้นมาว่า “ฟังว่าย้ายออกไปแล้ว พวกข้าไม่ค่อยคุ้นเคยกับที่นี่ ไม่รู้แน่ว่าย้าย
ไปอยู่ตรงไหน ข้ากลัวว่าตัวเองจะหาไม่พบ เลยส่งผู้ดูแลไปมอบเทียบเชิญให้แทน”
จะไม่รู้ว่าย้ายไปอยู่ไหนได้อย่างไร?
นายหญิงใหญ่อู่พูดเช่นนี้ ก็แค่ต้องการถามอวี้ถังอย่างอ้อมค้อมว่า เผยถงกับสกุลเผย
นั้น ต่อไปยังนับเป็นคนสกุลเดียวกันหรือไม่ หากว่าเป็นคนสกุลเดียวกัน เช่นนั้นสกุลอู่มอบ
เทียบเชิญให้สกุลเผยเพียงหนึ่งเล่มก็พอแล้ว หากว่าแยกเป็นสองสกุล พวกเขาจะได้ส่งคนไป
มอบเทียบเชิญให้เผยถงอีกเล่ม ทว่า เผยถงออกจากสกุลเผยไปแล้ว ถือเป็นครอบครัวบัณฑิต
ธรรมดาทั่วไป นายหญิงใหญ่อู่ไม่มีทางไปมอบเทียบเชิญให้เขาด้วยตนเองอยู่แล้ว
อวี้ถังนึกถึงสิ่งที่เผยโย่วเคยทํา คิดถึงเจตนาที่เผยเยี่ยนให้เผยถงแยกสกุลออกไป นาง
จึงถือโอกาสนี้อธิบายให้พวกที่ชอบซุบซิบนินทาอยู่ข้างหลังฟังว่า
“พวกเขาย้ายไปอยู่คฤหาสน์หลังเก่าเจ้าค่ะ” อวี้ถังยิ้ม “ข้าก็ไม่ได้เจอพวกเขามาพัก
หนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าถึงเวลานั้นพวกเขาจะมีแผนอื่นหรือไม่ หากว่าผู้ดูแลสกุลท่านไม่ว่าง เช่นนั้นข้า
ก็จะให้ผู้ดูแลของข้าทางนี้วิ่งไปแจ้งให้แทนเจ้าค่ะ”
เสียงนางยังไม่ทันจบดี นายหญิงใหญ่อู่กับนายหญิงสี่สกุลซ่งก็สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
นายหญิงใหญ่อู่เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มจืดเจื่อนว่า “พวกเขาต้องทํางานพวกนี้อยู่แล้ว จะลําบาก
ให้ผู้ดูแลเจ้าไปวิ่งงานแทนได้อย่างไร? ในเมื่อรู้ว่าพวกเขาย้ายไปอยู่ตรงไหนแล้ว ข้าให้ผู้ดูแลไป
ส่งให้ก็สิ้นเรื่อง”
อวี้ถังพยักหน้ายิ้มตาหยี คุยสัพเพเหระกับคนทั้งสองอยู่พักใหญ่ สุดท้ายยังรั้งคนให้กิน
มื้อเที่ยงด้วยกัน
3087
สองคนไม่รู้ว่ายุ่งจริงหรือยุ่งหลอก อ้างว่ายังต้องไปส่งเทียบเชิญให้สกุลจางกับสกุลหลี
จึงปฏิเสธอาหารเที่ยงอย่างละมุนละม่อม ก่อนนัดกับอวี้ถังว่าหากมีเวลาจะแวะมาเยี่ยมใหม่
อวี้ถังไม่ได้รบเร้า เดินไปส่งพวกนางที่ประตูด้วยตนเอง
เพียงแต่ระหว่างทาง ทุกคนก็บังเอิญเจอนายหญิงรองที่กําลังมาหาอวี้ถังพอดี
นายหญิงสี่สกุลซ่งดีใจใหญ่ รีบแนะนํานายหญิงใหญ่อู่ให้นายหญิงรองรู้จัก
ระยะนี้นายหญิงรองเจอใครก็มักถูกขอร้องให้ช่วยตลอด เลยอดจะตั้งป้อมรอไม่ได้ นาง
ทักทายนายหญิงใหญ่อู่สองสามคําอย่างขอไปที แต่พอรู้ว่านางมาส่งเทียบเชิญ ก็รับปากเป็น
มั่นเหมาะว่าจะไปร่วมงานพร้อมกับอวี้ถัง จากนั้นก็เดินไปส่งพวกนางเป็นเพื่อนอวี้ถังด้วย
อวี้ถังเห็นท่าทีเหมือนกําลังรับศึกใหญ่ของนายหญิงรองแล้วอดจะรู้สึกขันไม่ได้
นายหญิงรองพลันโอดครวญกับนางว่า “เจ้าไม่รู้หรอกว่าของที่พวกนั้นส่งมาทําให้ข้า
ลําบากขนาดไหน…เมื่อวานข้าได้รับขนมไหว้พระจันทร์กล่องหนึ่ง บอกว่ามาจากกว่างโจว ข้า
ไม่ได้คิดมาก ตั้งใจว่าจะหยิบมาให้เจ้าลองชิม แต่พอเปิดออกดูกลับเป็นตั๋วเงินทั้งกล่อง ทําเอา
ข้าตกใจแทบตาย รีบนําไปให้อารองเจ้าจัดการ เฮ้อ ไม่รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้จะจบลงเมื่อไร!”
อวี้ถังกระเซ้านางว่า “คนอื่นแค่คิดยังไม่กล้า ท่านยังมานั่งกลุ้มใจอีก คนยืนพูดย่อมไม่
ปวดเอวจริงๆ ด้วย”
นายหญิงรองหัวเราะแล้วเอื้อมมือไปหยิกแก้มอวี้ถัง
สองคนหัวเราะเสียงใสกันอยู่ในเรือน
นายหญิงสี่สกุลซ่งหย่อนก้นลงบนรถม้าแล้วเอ่ยถามนายหญิงใหญ่อู่ด้วยความสงสัย
ว่า “ทําไมท่านถึงห้ามไม่ให้ข้าคุยกับนายหญิงรองเล่า? พอจบหน้าเก็บเกี่ยวก็ต้องเริ่มส่งเสบียง
ไปจิ่วโจวแล้ว พวกเราสองสกุลต่างไม่ได้ทํากิจการนี้ สกุลเผิงเองยังซื้อที่นาในเจียงหนานตาม
สกุลเผยตั้งหลายแห่ง ปีนี้คงได้ผลผลิตไม่น้อยเลย”
3088
เสบียงที่ส่งไปยังจิ่วโจวจะแลกกับใบอนุญาตค้าเกลือ ใบอนุญาตค้าเกลือที่ได้มานั้น
หากว่าอยากได้เกลือ จะต้องนําไปลงทะเบียนที่กรมคลัง
นางหญิงสี่สกุลซ่งบ่นอุบว่า “ไม่รู้ใครเป็นคนคิดอุบายนี้ ผู้บังคับการขนส่งเกลือมิ
กลายเป็นเครื่องประดับไปแล้วรึ”
นายหญิงใหญ่อู่หัวเราะ “นั่นเป็นเพราะผู้บังคับการขนส่งเกลือที่เหลี่ยงไหวเกิดเรื่อง
ขึ้นน่ะสิ ให้ไปตรวจสอบที่กรมคลังก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น ข้าสังเกตว่านายหญิงรองไม่ค่อยชอบยุ่ง
เรื่องคนอื่นเท่าไร ไม่แน่พูดไปแล้วอาจทําให้นางไม่พอใจได้ แล้วทําไมต้องหาเรื่องด้วย! สกุลเผิง
หาได้เหมือนที่เราคิดเอาไว้ พวกเขาต้องมีทางแก้ปัญหาเรื่องนี้แน่ พวกเราอย่าทําให้เรื่อง
เลวร้ายลงเลย”
แม้นางจะพูดไปเช่นนั้น แต่ความจริงนางค่อนข้างดูแคลนว่านายหญิงสี่สกุลซ่งวางตัว
ได้น่าเกลียดเกินไป
แต่ว่า หากเป็นคนอื่นอาจทําเรื่องน่าเกลียดกว่านางก็เป็นได้
ระยะนี้ที่ซูโจวมีเจียงเฉาโผล่ขึ้นมาแย่งชิงการค้าของสกุลซ่งไปไม่น้อย แต่กลับไม่รู้เลย
ว่าคนเบื้องหลังเจียงเฉาผู้นี้เป็นใคร ขนาดที่ว่าการยังแสร้งทําเป็นหลับตาข้างหนึ่งไม่สนใจ ทั้ง
สองพี่น้องสกุลเผยดันมาอยู่เมืองหลวงอีก หากไปที่สกุลเผย ก็ไม่มีคนที่ตัดสินใจได้ สกุลซ่งจึง
ต้องเลือกเข้าทางสกุลเผิงอย่างไร้หนทาง
ตอนนี้สกุลเผยคงจะรู้เรื่องแล้ว
ไม่รู้ว่าสกุลเผยจะทําเช่นไร?
แต่ไรสกุลอู่ก็ไม่เคยเก็บไข่ไก่ใส่ในตะกร้าเดียวกัน จึงตั้งใจจะเข้าทางสกุลเผยเผื่อไว้
ด้วย
นางมาส่งเทียบเชิญให้สกุลเผยเป็นเรื่องรอง แต่ต้องการอาศัยโอกาสนี้รู้จักกับนาย
หญิงสามเป็นเรื่องหลัก และที่ได้เจอนายหญิงรองสกุลเผยโดยบังเอิญก็เป็นกําไรอย่างมาก
3089
เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนที่ส่งไปหาสกุลเผยจะติดต่อสกุลเผยได้หรือยัง
นายหญิงใหญ่อู่คิดเรื่องอื่นในใจ นายหญิงสี่สกุลซ่งจึงเอ่ยออกไปด้วยใจลอยๆ ว่า
“ตอนที่สกุลเผิงมอบของหมั้น ข้าเชิญนายหญิงทั้งสองจากสกุลเผยมาเป็นเกียรติด้วย ถึงเวลา
นั้นค่อยทักทายพวกนางก็ยังไม่สาย”
นายหญิงสี่สกุลซ่งสนใจเรื่องคู่หมายที่ก่อนหน้านี้สกุลอู่แนะนําให้คุณหนูเจ็ดสกุลซ่ง
มากกว่า
แน่นอนว่าสู้สกุลเผิงไม่ได้ แต่ครอบครัวนั้นมีท่านลุงเป็นขุนนางอยู่ที่เจียงซู แม้การตาม
ตัวนายอําเภอ จะสู้เรียกหาผู้ดูแลไม่ได้ แต่นางก็ต้องกลับไปหารือกับนายท่านสี่ก่อน
สองคนกลับไปที่คฤหาสน์ในเมืองหลวงซึ่งสกุลอู่เพิ่งซื้อไว้ด้วยท่าทางครุ่นคิด
เถ้าแก่เกาสองสามีภรรยาที่สกุลเผิงส่งมาช่วยงานสกุลอู่ได้มารออยู่ที่ประตูชั้นสองแล้ว
เถ้าแก่เกายืนออกไปค่อนข้างไกล เกาเหนียงจื่อกลับเดินเข้ามาช่วยแม่นมที่ติดตามรถ
ม้าเลิกผ้าม่านขึ้น ประคองนายหญิงใหญ่อู่ลงจากรถ
สองวันนี้นายหญิงใหญ่อู่มีเกาเหนียงจื่อประจบเอาใจ บวกกับเป็นคนที่สกุลเผิงส่งมา
นางจึงรู้สึกมีหน้ามีตาอย่างมาก นางยิ้มแล้วถามเกาเหนียงจื่อว่า “มีเรื่องอะไรอย่างนั้นรึ?”
เกาเหนียงจื่อรีบตอบ “ไม่มีเจ้าค่ะ เพียงแค่มาดูว่าทางนี้มีอะไรให้พวกเราคอยรับใช้
หรือไม่”
นายหญิงใหญ่อู่เหมือนเคยได้ยินมาแว่วๆ ว่า หลังจากที่เถ้าแก่เกามาอยู่เมืองหลวง ก็
ช่วยให้สกุลเผิงได้รับใบอนุญาตค้าเกลือมาชุดหนึ่ง
สกุลอู่ก่อร่างสร้างตัวมาจากกิจการเรือ หากคว้าใบอนุญาตค้าเกลือมาได้ คงทํากําไร
ได้เยอะกว่าผู้อื่นมากโข
3090
ฝีเท้านางชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้เกาเหนียงจื่อ “พวกเจ้ามาช่วยที่สกุลข้าทุกวัน
เช่นนี้ จะไม่ทําให้งานสําคัญของพวกเจ้าล่าช้ารึ?”
เกาเหนียงจื่อเป็นคนมีวาทศิลป์ นางหัวเราะตอบว่า “ท่านทางนี้นับเป็นงานสําคัญของ
พวกเราเจ้าค่ะ!”
นายหญิงใหญ่อู่หัวเราะชอบใจ “เจ้าไม่ต้องพูดจาน่าฟังต่อหน้าข้าหรอก ข้าเคยได้ยิน
มาบ้าง ก่อนหน้านี้ที่สกุลเผิงได้ใบอนุญาตค้าเกลือมาอย่างราบรื่น ล้วนเป็นความชอบของคนผู้
นั้นบ้านเจ้า เจ้าอย่ามาแสร้งตบตาข้าเลย!”