ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่389 เล่นงานกลับ
เกาเหนียงจื่อภูมิใจเรื่องนี้หนักหนา พอได้ยินนายหญิงใหญ่อู่ถามถึง ก็หัวเราะได้ใจ
เหมือนคางคกขึ้นวอ “ไม่กล้ารับคําชมจากนายหญิงใหญ่เจ้าค่ะ เป็นตาเฒ่าบ้านข้าเอง เขารู้จัก
กับพี่น้องที่เป็นญาติฝั่งมารดาของนายหญิงสามสกุลเผย ถึงได้มาโดยบังเอิญเจ้าค่ะ”
นายหญิงใหญ่อู่ฟังแล้วสมองก็หมุนแล่น ใจกําลังวางแผนบางอย่าง ก่อนจะยิ้มโดยไม่
เปลี่ยนสีหน้า “นั่นก็เพราะเถ้าแก่บ้านเจ้ามีความสามารถ ข้าได้ยินคนอื่นพูดมา บอกว่าคนสกุล
เผยชอบจัดการอะไรเงียบๆ เมื่อครู่ตอนที่ข้าไปส่งเทียบเชิญที่สกุลเผย นายหญิงรองบ้านนั้นยัง
ปิดประตูไม่อยากเจอคนเลย เห็นชัดว่าข่าวลือมีมูลไม่น้อย สามารถไปมาหาสู่กับพวกเขาได้
แสดงว่าเถ้าแก่บ้านเจ้าคงมีคุณธรรมและนิสัยใจคอใช้ได้เลย”
เกาเหนียงจื่อหัวเราะจนดวงตาโค้งเป็นเส้น
นายหญิงใหญ่อู่ทําเหมือนมองไม่เห็นเถ้าแก่เกา ปล่อยให้นางประคองเดินเข้าไปด้าน
ใน ทางหนึ่งก็แสร้งเอ่ยคล้ายไม่ใส่ใจว่า “พี่น้องที่เป็นญาติฝั่งมารดาของนายหญิงสามเป็นคน
เช่นไร? ข้าได้ยินว่างานเลี้ยงหมื่นพรรษาปีหน้า พวกเขาได้ใบสั่งงานมาจํานวนหนึ่ง? ร้านเครื่อง
ลงรักของพวกเขาเป็นของชั้นดีจริงๆ รึ?”
หลังจากที่เกาเหนียงจื่อได้ติดตามเถ้าแก่เกาไปยังสถานที่ต่างๆ นางจึงพอรู้ตื้นลึกหนา
บางอยู่บ้าง ไหนเลยจะกล้าอวดเก่ง ได้ยินดังนั้นถึงรีบตอบด้วยรอยยิ้มว่า “เครื่องลงรักของ
สกุลอวี้นับเป็นสินค้าชั้นยอดในสายตาพวกเราเจ้าค่ะเพียงแต่เถ้าแก่บ้านข้าไม่ได้ค้าขายเครื่อง
ลงรัก รายละเอียดส่วนลึกไม่รู้ว่าจะวิจารณ์อย่างไร แต่ที่พวกเขาคว้าใบสั่งงานของงานเลี้ยง
หมื่นพรรษามาได้ น่าจะเกี่ยวกับสกุลเผยไม่มากก็น้อย…”
นางเล่าเรื่องที่สกุลเผิงกับสกุลเถาไม่ได้เสนอชื่อร้านขายเครื่องลงรักให้กับนายหญิง
ใหญ่อู่ฟัง
นายหญิงใหญ่อู่พอได้ฟังก็สนใจใหญ่ ถามซอกแซกไม่หยุด ทั้งยังรั้งเกาเหนียงจื่อให้
ค้างที่เรือนคืนหนึ่ง เช้าวันต่อมาเกาเหนียงจื่อถึงได้กลับบ้านของตน
3092
เถ้าแก่เการอจนร้อนใจไปหมด พอนางกลับมาก็ถามนางว่าพูดอะไรกับนายหญิงใหญ่อู่
ไปบ้าง
เกาเหนียงจื่อเล่าเรื่องที่ตนบอกกับนายหญิงใหญ่อู่ให้เขาฟัง
ดวงตาของเถ้าแก่เกากลอกไปมาอย่างไวว่อง หากมิใช่ตอนนั้นเขาหัวไว ไฉนจะเกาะ
เผิงสืออีเอาไว้ได้ หากมิใช่เพราะเขาใจกล้า ไฉนหลังจากที่สกุลเผิงเกิดเรื่อง เขาจึงกลายเป็นเถ้า
แก่ใหญ่ของสกุลเผิงได้ เห็นชัดๆ ว่าสกุลอู่คิดจะสืบเรื่องสกุลเผิงเพื่อประจบสกุลเผย บางที
โอกาสของเขาอาจจะมาถึงอีกครั้งแล้ว
เขายุยงเกาเหนียงจื่อไปโผล่หน้าให้นายหญิงใหญ่อู่เห็นบ่อยๆ
เกาเหนียงจื่อเดิมก็ชอบคบค้ากับคนสกุลใหญ่อยู่แล้ว พอได้ฟังคํานี้จากเถ้าแก่เกา นาง
ก็เหมือนกระดี่ได้นํ้า ทําหน้าปลื้มปริ่มยินดี
อวี้ถังทางนั้น ได้กําหนดแผนเดินทางว่าจะไปทงโจวพร้อมนายหญิงรอง เผยตันและเผย
หงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เผยเยี่ยนไม่ค่อยชอบใจนัก
ตอนที่อวี้ถังช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาก็บ่นขึ้นมาอย่างไม่ปิดบังว่า “พวกเจ้าเลื่อน
ออกไปสักสองวันไม่ได้รึ?”
เขาถูกผู้เฒ่าจางลากตัวไปพบพระอาจารย์ชั้นสูงที่เขาเซียงซานด้วย เพื่อเสี่ยงทายดวง
ชะตาให้สกุลจาง
ช่วงนี้ตอนกลางวันจะร้อนอบอ้าว ตกคํ่าถึงค่อยมีลมเย็นพัดมาบ้าง เผยเยี่ยนคล้าย
วิญญาญเพิ่งคืนชีพ ก่อกวนอวี้ถังจนไม่ได้หลับนอน วันนี้พอตื่นเช้าขึ้นมา จึงรู้สึกปวดท้องน้อย
เบาๆ
3093
นางคิดว่านางจะไม่ตามใจเผยเยี่ยนเช่นนี้อีกแล้ว ต้องรีบฉวยโอกาสนี้กําจัดเขาออกไป
พอให้ตนได้อยู่อย่างสงบสักสองวัน จึงเอ่ยออกไปว่า “ท่านเคยบอกว่าเลื่อมใสในศาสนาเต๋า?
ศาสนาเต๋าสอนเรื่องการรักษาสุขภาพ ท่านต้องคอยเรียนรู้จากผู้เฒ่าจางถึงจะถูก”
เผยเยี่ยนไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าเก่า บีบแก้มนางแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า “ไม่รู้ไปเรียน
วิชาพิสดารพวกนี้มาจากไหน พวกเจ้าจะไปก็ไปเถอะ แต่อย่าวิ่งเล่นไปทั่ว อย่างไรทางนั้นก็เป็น
ท่าเรือ คนสามลัทธิเก้าอาชีพปะปนกันมั่วไปหมด พวกเจ้าเป็นหยกทอง พวกเขาเป็นก้อนอิฐ
หากไปปะทะกับพวกนั้นเข้า มีแต่พวกเราที่จะเสียหาย”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” อวี้ถังกุลีกุจอรับคํา
ยิ่งใช้ชีวิตร่วมกับเผยเยี่ยนนานเท่าไร นางก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความ ‘รักตัวกลัวตาย’ ของ
เผยเยี่ยน ปกติแค่นางจะออกไปข้างนอก เขาก็ต้องกําชับโน่นนี่อยู่หลายคํา นับประสาอะไรกับ
การเดินทางไปทงโจว
นางรับปากว่า “พวกเราจะไม่ออกไปข้างนอก แต่ถ้าออกไป ก็จะเดินเล่นเฉพาะร้านค้า
ที่คุ้นเคยเท่านั้น อีกอย่างเผยตันก็ไปกับพวกเราด้วย”
จะทําให้ชื่อเสียงของเผยตันมัวหมองไม่ได้เป็นอันขาด
หลังจากนั้น เผยเยี่ยนก็พิรี้พิไรกับนางอยู่ครึ่งวันกว่าจะยอมปล่อยคนออกมา
รอจนอวี้ถังกับนายหญิงรองเข้าพักที่คฤหาสน์หลังน้อยในทงโจวของพวกเขาแล้ว เผย
เยี่ยนถึงได้ออกเดินทางไปเขาเซียงซาน
เผยตันกับเผยหงพอผ่านเข้าเรือนไปก็เห็นลูกสุนัขสีนํ้าตาลสองตัว พลันทิ้งอวี้ถังกับ
นายหญิงรองอย่างไม่ไยดี วิ่งเฮโลไปล้อมหน้าล้อมหลัง บ่าวรับใช้ข้างกายพวกเขาจึงยกโขยงวิ่ง
ตามไปด้วย
นายหญิงรองเห็นแล้วก็ส่ายหน้า ร้องเรียกเผยตันให้เข้าห้อง
3094
อวี้ถังกล่อมนายหญิงรองว่า “นางจะสดใสร่าเริงเช่นนี้ได้อีกสักกี่ปี ปล่อยนางไปเถอะ
เจ้าค่ะ!”
นายหญิงรองเริ่มมอบธุระในเรือนให้เผยตันไปดูแลส่วนหนึ่งแล้ว เผยตันนับว่าทําได้ไม่
เลว
นางฟังแล้วก็ถอนหายใจยิ้มๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องพร้อมอวี้ถังไป
สาวใช้และหญิงรับใช้ช่วยกันจัดสัมภาระ หญิงผู้ดูแลที่นี่ชั่วคราวอายุได้สี่สิบกว่าปีแล้ว
เมื่อเห็นพวกอวี้ถังมาถึง จึงมาคารวะนางเป็นพิเศษ จากนั้นก็แนะนําสถานที่ชื่อดังให้กับอวี้ถัง
และนายหญิงรอง “ห่างจากที่นี่ไม่ไกลเจ้าค่ะ ชื่อว่าวัดชิงเจิน เป็นวัดของชนเผ่าหุย มีเจย์ดีสีขาว
น่าสนใจอย่างยิ่ง พอออกจากวัด ข้างๆ จะมีร้านอาหารเนื้อแพะ ผัดแพะหวานของร้านนั้นนับว่า
เด็ดที่สุด นายหญิงทั้งสองหากไม่ได้ลองชิมคงน่าเสียดายยิ่งเจ้าค่ะ”
ครั้งก่อนตอนที่อวี้ถังมาส่งอวี้หย่วน ได้แค่เดินเล่นในตลาดเท่านั้น ตอนนั้นเผยเยี่ยนก็
พูดถึงวัดชิงเจินอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ภายหลังนางมาถูกใจคฤหาสน์หลังนี้เข้า อยากจะซื้อเก็บ
เอาไว้ คิดว่าที่พักมีพร้อมแล้ว ยังกลัวจะไม่ได้มาบ่อยๆ อีกหรือ? ถึงได้ลืมเรื่องนี้ไปสนิท ตอนนี้
พอได้ยินหญิงผู้ดูแลพูดขึ้นมา คิดว่าดีชั่วตนก็นับเป็นเจ้าบ้าน จึงตั้งใจว่าจะไปชมดูสักหน่อย
นางถามหญิงผู้ดูแลว่า “ที่นั่นคนพลุกพล่านหรือไม่?”
หญิงผู้ดูแลรู้ว่าตนถูกจ้างงานชั่วคราว ใจอยากจะรั้งตัวอยู่ที่นี่ นางจึงพยายามทําให้อวี้
ถังพอใจด้วยการรีบตอบว่า “นายหญิงทั้งสองมาได้จังหวะพอดี หากว่าช้ากว่านี้สองสามวัน ก็
จะถึงช่วงที่คนพลุกพล่านแล้ว ผู้คนเริ่มมุ่งหน้าขึ้นเหนือ จึงมีคนจํานวนมากแวะไปเที่ยวที่วัด แต่
สองวันนี้คนยังวุ่นวายกับการเตรียมฉลองวันไหว้พระจันทร์อยู่ จึงเป็นช่วงที่คนบางตาพอดีเจ้า
ค่ะ”
อวี้ถังหันไปมองนายหญิงรอง
3095
ยากนักที่จะหาจังหวะซึ่งเผยเซวียนไม่อยู่ข้างกาย นางไม่ต้องคอยดูแลผู้อื่น ใจก็เริ่ม
หวั่นไหว จึงเอ่ยกับอวี้ถังว่า “เช่นนั้น พวกเราก็ไปเที่ยวชมสักหน่อยเถอะ?”
อวี้ถังเรียกผู้ดูแลที่ติดตามมาด้วยให้เข้ามา สั่งให้พวกเขาไปเตรียมการเรื่องนี้
เผยตันกับเผยหงรู้เรื่องก็ตื่นเต้นดีใจใหญ่
นายหญิงรองบอกเผยหงให้เขียนการบ้านที่เผยเซวียนสั่งไว้ให้เสร็จก่อน จึงจะพาไป
ด้วย
แม้เผยหงจะงอแงเล็กน้อย แต่ก็ตกปากรับคําอย่างรวดเร็ว
เห็นชัดว่าทุกคนอยากออกไปเที่ยวเล่นเต็มแก่
ผ่านไปหนึ่งวัน ผู้ดูแลก็เตรียมการเสร็จสรรพ พวกเขาออกเดินทางอย่างเงียบๆ มุ่งหน้า
สู่วัดชิงเจินพร้อมผู้คุ้มกันเจ็ดแปดคน
ด้านในวัดไม่เปิดรับรองพวกนาง แต่สามารถชมดูได้จากด้านนอก
วัดของชนเผ่าหุยต่างจากวัดปกติที่พวกนางเคยเห็น ทุกคนเหมือนได้มาเปิดหูเปิดตา
เดินชมอยู่ด้านนอกเป็นค่อนวัน จากนั้นก็ไปกินข้าวที่ร้านอาหารเนื้อแพะ ซึ่งเป็นร้านที่หญิง
ผู้ดูแลเคยแนะนําไว้
แม้จะจองเอาไว้ล่วงหน้า ทั้งช่วงเที่ยงจะปิดร้านเพื่อต้อนรับพวกนางเพียงโต๊ะเดียว แต่
ทันทีที่ก้าวขาเข้าร้านไปก็ได้กลิ่นสาบแตะจมูกอย่างแรง จนพวกนางแทบทนไม่ไหว
เถ้าแก่ที่เปิดร้านคงเห็นอาการเช่นนี้จนชินตา ถึงได้จัดให้พวกนางไปกินข้าวที่เรือน
ด้านหลัง ทั้งยังชี้ทิวทัศน์ให้พวกนางดูพร้อมรอยยิ้มว่า “พวกท่านดูสิ งดงามหรือไม่?”
เรือนด้านหลังนี้ออกจะอยู่เหนือความคาดหมายของพวกอวี้ถังไปมาก
เรือนด้านหลังของร้านเป็นผืนป่ าเล็กๆ สีเขียวชอุ่ม มันเชื่อมกับด้านหลังของวัดชิงเจิน
เถ้าแก่ร้านสร้างศาลาไว้ที่นั้นหลังหนึ่ง และจัดโต๊ะไว้ในศาลาหลังนั้น
3096
ลมอ่อนๆ พัดผ่าน ใบไม้ส่งเสียงพริ้วไหว หอบเอาไอร้อนให้กระจายหายไป ทําให้คน
สบายตัวยิ่งนัก บวกกับผัดแพะหวานที่นุ่มลิ้น รสชาติถูกปากอวี้ถังมาก ทั้งอาหารพวกแป้งก็ทํา
ได้ไม่เลว อวี้ถังกับนายหญิงรองจึงกินอย่างเอร็ดอร่อย
ตอนที่เก็บโต๊ะและยกนํ้าชาเข้ามาให้ พวกนางจึงตกรางวัลให้เถ้าแก่ร้านเป็นพิเศษ
เถ้าแก่ร้านเอ่ยขอบคุณซํ้าๆ ไม่หยุด
แต่คิดไม่ถึงว่าพวกนางยังไม่ทันออกจากร้าน ก็บังเอิญเจอนายหญิงใหญ่อู่ที่พาเกา
เหนียงจื่อมาเที่ยววัดชิงเจินเข้าพอดี ทั้งยังตั้งใจจะแวะพักกินอาหารที่นี่ด้วย เพราะว่าพวกอวี้ถัง
ทําการจองไว้ล่วงหน้า แม้จะกินเสร็จแล้วแต่ยังไม่ลุกกลับ เถ้าแก่ร้านจึงไม่ยอมรับแขกต่อ บอก
ให้นายหญิงใหญ่อู่รอไปก่อน ไม่อย่างนั้นก็ให้ไปกินร้านอื่น
นายหญิงใหญ่อู่นั้นไม่ติดใจอะไร แต่เกาเหนียงจื่อจําหญิงรับใช้ที่ติดตามอวี้ถังได้ รีบชี้
นิ้วให้นายหญิงใหญ่อู่ดู
คราวนี้นายหญิงใหญ่อู่ย่อมไม่ยอมจากไปโดยดีแน่
นางให้คนไปแจ้งต่ออวี้ถัง บอกว่านับเป็นวาสนาที่ทุกคนได้มาพบหน้า
อวี้ถังกับนายหญิงรองหันมามองหน้ากัน นายหญิงรองเอ่ยขึ้นก่อนว่า “นางมิใช่ต้อง
เตรียมงานแต่งให้คุณหนูอู่รึ? ไฉนว่างมาเที่ยวเล่นที่ทงโจวได้?” แต่จะไม่พบก็ไม่ได้อีก จึงสั่งให้
แม่นมจินไปเชิญคนเข้ามาอย่างไม่มีทางเลือก
อวี้ถังไม่ค่อยอยากพบคนเท่าไร จึงหาข้ออ้างเดินไปที่ป่ าไผ่ข้างๆ บอกว่าจะไปเดินเล่น
ย่อยอาหาร
นายหญิงรองบอกปัดไม่ได้ จึงต้องอยู่รับหน้านายหญิงใหญ่อู่คนเดียว
อวี้ถังเดินเล่นในป่ าไผ่ไปเรื่อยเปื่อย
3097
ป่ าไผ่ใบทึบบังแดดจนมิด ลมโกรกเย็นสบาย อวี้ถังพลันนึกถึงป่ าไผ่ที่อยู่ด้านหลังวัด
เจาหมิง
นางยังหัวเราะแล้วเอ่ยกับอาซิ่งว่า “ใช่หรือไม่ว่าทุกวัดจะต้องปลูกไผ่?”
อาซิ่งเม้มปากหัวเราะ “สกุลเผยก็มีป่ าไผ่เช่นกันเจ้าค่ะ”
อย่างไรนางก็เรียกสกุลเผยว่า ‘เรือนเรา’ หรือว่า ‘จวนเรา’ เหมือนบ่าวคนอื่นไม่ได้เสียที
อวี้ถังคิดถึงเรื่องเมื่อชาติก่อน ตั้งใจจะถามว่านางมีภูมิหลังความเป็นมาอย่างไรแน่
ใครจะคิดว่านางยังไม่ทันได้เปิดปาก จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อนางดังมาจากป่ า
ไผ่ข้างๆ ว่า “คุณหนูอวี้”
อวี้ถังหันไปมองด้วยความตกใจ
ท่ามกลางใบไม้ดกครึ้ม มีบุรุษในชุดเสื้อสั้นสีดํายืนอยู่ตรงนั้น
บนหน้าเขามีรอยแผลเป็นน่าเกลียด สายตาดํามืดเหมือนถํ้าลึก ดูแล้วน่าเวทนา
“เผิงสืออี!” อวี้ถังครางเสียงแผ่วออกมา
นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่
เผิงสืออีเผยอยิ้มน้อยๆ ทว่ารอยยิ้มคล้ายไม่ได้ออกมาจากใจ มันทั้งหนาวเหน็บและ
เย็นชา
“คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอท่านที่นี่?” เขาเอ่ยอย่างเชื่องช้า เดินตรงเข้ามาหาอวี้ถัง “ท่านมา
ที่นี่คนเดียวรึ? ทําไมถึงไม่เห็นเผยเยี่ยนเล่า?”
อวี้ถังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับเผยเยี่ยน แต่การที่เขาเอ่ยชื่อเผยเยี่ยนออกมา
ตรงๆ คงไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีเท่าไรแน่
3098
สัญชาตญาณของนางกรีดร้อง นางเอ่ยอย่างระแวดระวังว่า “ขอโทษด้วย ข้ามาที่นี่กับ
สาวใช้ เกรงว่าจะไม่สะดวกสนทนากับคุณชายเผิง หากว่าท่านต้องการพบนายท่านสาม มิสู้หา
วันไปเยี่ยมที่เรือน ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว” นางพูดจบ ก็หันไปส่งสายตาให้อาซิ่ง บอกให้พวก
นางรีบไป
อาซิ่งเป็นคนหัวไว รีบเข้ามาดึงแขนอวี้ถัง สองคนหมุนกายเดินหนีทันที
แต่วินาทีที่นางหมุนตัวกลับ หางตาอวี้ถังเห็นเผิงสืออีสาวเท้าตามมาด้วยสีหน้าดุร้าย