องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ - บทที่ 356 ชอบกินเปรี้ยวจะได้บุตรชาย ชอบกินเผ็ดจะได้บุตรสาว
องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 356 ชอบกินเปรี้ยวจะได้บุตรชาย ชอบกินเผ็ดจะได้บุตรสาว
ฉีเฟยอวิ๋นเพิ่งจะหลับไป แล้วนางก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา
หนานกงเย่ต้องจ่ายเงินอุดหนุนกองทัพ นางเพิ่งจะได้พักผ่อน และถูกอาอวี่ปลุกให้ตื่น
หนานกงเย่ไม่สบอารมณ์:“มีอะไร?”
“ท่านอ๋องตวนมาขอพบพ่ะย่ะค่ะ พระองค์รออยู่ที่สวนดอกกล้วยไม้ ผู้น้อยไม่สามารถขว้างไว้ได้” อาอวี่ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องมารายงาน
หนานกงเย่เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋น:“กินยามากเกินไปหรือไม่?”
“ท่านอ๋อง ยาของหม่อมฉันเพิ่งจะเสร็จเพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่าอ๋องตวนต้องมีเรื่องอะไรอย่างแน่นอน นางจึงแต่งตัวให้เรียบร้อยและออกไปข้างนอก
เมื่อหนานกงเหยี่ยนเห็นฉีเฟยอวิ๋นก็กล่าวว่า:“วันนี้พระชายารองไม่สบาย ข้าจึงมาเชิญพระชายาเย่ไปตรวจอาการ ส่วนเรื่องเงิน เจ้าว่ามาได้เลย”
ฉีเฟยอวิ๋นเลิกคิ้ว อวิ๋นหลัวฉวน?
หนานกงเย่ไม่ได้พูดอะไร ฉีเฟยอวิ๋นถามว่า:“พรุ่งนี้ไม่ได้หรือ?”
“ไม่ได้ ไปเดี๋ยวนี้เถิด ข้าให้เงินค่าตรวจเพิ่มขึ้นก็ได้”
“ห้าหมื่นตำลึง” ฉีเฟยอวิ๋นพูดเสียงดัง ในเมื่อเขาร่ำรวย เช่นนั้นก็ให้เขาได้จ่ายเถอะ
หนานกงเหยี่ยนไม่ลังเล:“นี่คือตั๋วเงิน ไปกันเถอะ”
หนานกงเหยี่ยนนำตั๋วเงินออกมาจากอ้อมแขนและส่งให้หนานกงเย่
หนานกงเย่หยิบมาดู แล้วส่งให้อาอวี่:“เอาไปใส่ตู้”
อาอวี่รับตั๋วเงินและมองฉีเฟยอวิ๋นด้วยความเลื่อมใส พระชายาอยู่ที่นี่ ไม่นานจวนอ๋องเย่ของพวกเขาก็จะกลายเป็นสถานที่แห่งความมั่งคั่ง
จวนอ๋องตวนไม่ขาดแคลนเงิน แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วเงินก็คงหมด
ฉีเฟยอวิ๋นหาว นางกลับเข้าไปเอากล่องยาและออกไปข้างนอก
หลังจากขึ้นไปบนรถม้าแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็ถามหนานกงเหยี่ยนว่า:“ท่านอ๋องตวนพอจะรู้อาการของพระชายารองอวิ๋นหรือไม่เพคะ นางมีอาการอย่างไรบ้าง?”
“กินอาหารไม่ได้ อาเจียน”
“น่าแปลก ไม่ใช่ว่ากินยาแก้แพ้ท้องไปแล้วหรือเพคะ?” ฉีเฟยอวิ๋นรู้สถานการณ์ก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติ
อ๋องตวนไม่ตอบ และฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเขามาถึงจวนอ๋องตวน ตงเอ๋อร์ก็รออยู่ที่หน้าประตูแล้ว เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นลงจากรถม้า นางก็รีบเข้ามาหาฉีเฟยอวิ๋น
“คารวะท่านอ๋องเย่ พระชายาเย่ ท่านอ๋อง”
“อืม”
หนานกงเหยี่ยนกล่าวว่า:“เข้าไปก่อนเถอะ”
เมื่อทุกคนเข้าไป ตงเอ๋อร์ก็บอกว่าตอนนี้อวิ๋นหลัวฉวนกินอะไรไม่ลง นางบอกว่ารู้สึกสะอิดสะเอียน ตงเอ๋อร์กล่าวว่า:“สองวันมานี้อาการรุนแรงมาก เมื่อวานเสวยข้าวต้มไปได้นิดหน่อย แต่วันนี้เสวยอะไรไม่ได้เลย เห็นอะไรก็สะอิดสะเอียน”
“……ข้าไปตรวจดูก่อน แล้วค่อยว่ากัน” ฉีเฟยอวิ๋นไปดูอวิ๋นหลัวฉวนที่สวนหลังจวน เมื่อเข้าไปแล้วก็วางกล่องยาและนั่งลง
ในขณะนี้อวิ๋นหลัวฉวนกำลังนอนอยู่ ใบหน้าของนางซีดเซียว
“ท่านพี่เสียนเฟย” อวิ๋นหลัวฉวนเรียกนาง
“ไม่เป็นไร ข้าอยู่ที่นั่นแล้ว เจ้าจะต้องดีขึ้น” ฉีเฟยอวิ๋นเริ่มใช้สมาธิตรวจดู ร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติ แค่เป็นอาการของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์เท่านั้น
ฉีเฟยอวิ๋นเปิดกล่องยาและหยิบวิตามินบีออกมาหนึ่งขวด ครั้งนี้นางกลับไปและนำวิตามินบีกลับมาด้วย เดิมทีนางเตรียมมาเพื่อใช้เอง แต่โชคดีที่มีมากพอ
ฉีเฟยอวิ๋นเปิดฝาแล้วหยิบออกมาให้อวิ๋นหลัวฉวนหนึ่งเม็ด:“วันละครั้ง ครั้งละหนึ่งเม็ด กินแล้วไม่เพียงแต่จะดีสำหรับลูกเท่านั้น แต่ยังดีสำหรับเจ้าด้วย
เจ้าเตรียมบ๊วยเปรี้ยวพกติดตัวไว้ หากรู้สึกว่าอยากอาเจียน เจ้าก็กินมันลงไป
ตอนนี้เจ้าต้องการวิตามินบีให้การบำรุง อาการรุนแรงเช่นนี้จะทำให้ให้ลูกของเจ้าขาดอาหารไปหล่อเลี้ยงได้”
อวิ๋นหลัวฉวนไม่รู้สึกขมและกลืนกินลงไป
เมื่อได้ยินว่ากินบ๊วยเปรี้ยว หนานกงเหยี่ยนก็สั่งในทันทีว่า:“ไปเตรียมบ๊วยเปรี้ยวเดี๋ยวนี้”
ตงเอ๋อร์จึงออกไปเตรียม แต่กลางคืนเช่นนี้ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหน แต่จะไม่ทำอะไรก็ไม่ได้
หนานกงเหยี่ยนก็คิดเช่นกันว่าการหาบ๊วยเปรี้ยวในเวลานี้นั้นไม่ง่ายเลย
เขาออกไปสั่งคนว่าไม่ว่าจะต้องใช้เงินจะมากเท่าไหร่ ภายในเช้าวันพรุ่งนี้จะต้องหาบ๊วยเปรี้ยวมาให้มากพอ
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งลงเป็นเพื่อนอวิ๋นหลัวฉวน กินยาแล้วไม่ดีขึ้นเร็วขนาดนั้น แต่นางก็มีวิธีที่จะทำให้อวิ๋นหลัวฉวนกินอะไรได้บ้าง
“มีผลไม้สด ๆ บ้างหรือไม่ ไปเอามาหน่อย?”
แม่นมเว่ยรีบไปจัดเตรียม และไม่นานก็นำผลไม้มาให้
ฉีเฟยอวิ๋นชิมดูก่อนและรู้สึกว่า นางส่งจึงให้อวิ๋นหลัวฉวน:“เจ้าลองกินดูสิ”
เป็นเพราะมันเปรี้ยว อวิ๋นหลัวฉวนจึงสามารถกินได้และไม่คลื่นไส้
หลังจากที่กินไปหนึ่งลูกแล้ว อวิ๋นหลัวฉวนก็อยากกินอีก แต่หลังจากที่กินไปสองสามลูก ฉีเฟยอวิ๋นก็ห้ามไม่ให้กินอีก
“ในตอนนี้กระเพาะของเจ้าไม่มีอะไรเลย จึงไม่สามารถกินมากเกินไปได้ พวกเราจะกลับไปก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าก่อนที่เจ้าจะกินข้าว เจ้าก็กินบ๊วยเปรี้ยวก่อน ถ้าหากไม่มีก็ให้กินของเปรี้ยว ๆ ก่อนแล้วค่อยกินโจ๊ก
หลังจากที่กินวิตามินบีไปแล้วก็คงจะดีขึ้น”
ฉีเฟยอวิ๋นอธิบายอย่างชัดเจนและรู้สึกง่วงมากแล้ว นางจึงลุกขึ้นและจากไปพร้อมกับหนานกงเย่
อวิ๋นหลัวฉวนกินอะไรไปบ้างแล้ว นางจึงล้มตัวลงนอนและหลับไป
หลังจากที่หนานกงเหยี่ยนส่งคนกลับไป อวิ๋นหลัวฉวนก็หลับไปแล้ว และหนานกงเหยี่ยนก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน เขานั่งลงสักครู่แล้ว แล้วโบกมือให้คนออกไป
แม่นมเว่ยถามว่า:“ท่ายอ๋องจะประทับอยู่ที่นี่หรือไม่เพคะ?”
“ดึกมากแล้ว ข้าไม่กลับแล้ว ข้าจะพักผ่อนสักเดี๋ยว แม่นมเว่ยออกไปก่อนเถอะ” หนานกงเหยี่ยนต้องการจะอยู่ต่อและไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด
แม่นมเว่ยเหลือบมองอวิ๋นหลัวฉวนที่กำลังหลับอยู่ นางคงจะเหนื่อย กินอะไรนิดหน่อยแล้วก็หลับไปเหมือนเด็ก ๆ
“เพคะ”
แม่นมเว่ยถอยออกไปและปิดประตู
หนานกงเหยี่ยนถอดเสื้อคลุมออก เขาเหลือบมองอวิ๋นหลัวฉวนแล้วขึ้นไปนอนบนเตียง
อากาศในห้องร้อนอบอ้าว ไม่นานหนานกงเหยี่ยนก็หลับไป แต่หลังจากที่หลับไปได้ไม่นาน เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่บนร่างกายของเขาและยังถูไปมาอีกด้วย
หนานกงเหยี่ยนลืมตา และเห็นอวิ๋นหลัวฉวนที่ยังหาที่ที่สบายไม่ได้ ในห้องอากาศร้อนอบอ้าว อวิ๋นหลัวฉวนจึงเหงื่อออก นางคงอยากจะหาที่เย็น ๆ และก็คือบนร่างกายของเขา
อันที่จริงเขาก็ร้อนมาก แต่ผิวของเขากลับเย็น ดังนั้นอวิ๋นหลัวฉวนจึงมาอยู่บนร่างกายของเขา
หนานกงเหยี่ยนนอนนิ่ง ๆ จนกระทั่งอวิ๋นหลัวฉวนไปขยับแล้ว
แต่นางมีเหงื่อออกมาก อวิ๋นหลัวฉวนจึงผลักนางออกไปและลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่าง เมื่อหน้าต่างเปิดออกแล้ว ลมเย็นก็พัดเข้ามา อวิ๋นหลัวฉวนพลิกตัวแล้วนอนหงาย นางนอนหลับเหมือนเด็กที่อายุเพียงแค่ไม่กี่ขวบ
หนานกงเหยี่ยนเดินกลับไปและนั่งลง เขาจ้องมองไปที่ร่างของอวิ๋นหลัวฉวน
ใบหน้าที่ซูบผอมของนางแดงระรื่อ ขนตางอน ริมฝีปากเป็นกระจับ……
หนานกงเหยี่ยนเฝ้ามองอยู่สักพัก จากนั้นก็ลุกขึ้นมองที่หน้าต่างและยืนอยู่อย่างนั้นทั้งคืน
เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า อวิ๋นหลัวฉวนก็หิวมาก ท้องร้องจนทำให้นางตื่น
“แม่นม……ข้าหิวแล้ว”
อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกว่านางสามารถกินได้แล้ว และลุกจากเตียงเพื่อจะไปหาอะไรกิน นางเดินไปที่ประตูและนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ นางมองไปที่หน้าต่างและเห็นหนานกงเย่ยืนอยู่ตรงนั้น
“ท่านอ๋อง”
อวิ๋นหลัวฉวนถอนสายบัว หนานกงเหยี่ยนหันกลับมามองนาง:“ในเมื่อเจ้าตั้งครรภ์แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำความเคารพ ลุกขึ้นเถิด หิวแล้วไม่ใช่หรือ?ไปกินข้าวกัน”
หนานกงเหยี่ยนออกไปข้างนอกก่อน อวิ๋นหลัวฉวนยังคงรู้สึกแปลก ๆ และตามออกไปข้างนอก
แม่นมเว่ยรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว เมื่อเห็นทั้งสองคนก็รีบถอนสายบัว:“ท่านอ๋อง”
“เตรียมอาหารเช้า ข้าต้องการทานอาหารที่รสชาติอ่อน ๆ”
หนานกงเหยี่ยนสั่งและเดินออกไปที่ลานบ้าน อวิ๋นหลัวฉวนสวมชุดซับในไม่เหมาะที่จะออกไปที่ลานบ้าน นางจึงเฝ้ามองหนานกงเหยี่ยนออกไปข้างนอกอยู่ในเรือน นางคิดว่าเขาจะจากไปแล้ว และไม่คิดว่าเขาจะกลับมาทานอาหารเช้าด้วยกัน
อวิ๋นหลัวฉวนกำลังจะกินและลุกขึ้นยืน:“ท่านอ๋อง”
นางถอนสายบัวและมองไปที่หนานกงเหยี่ยน
“นั่งลงสิเพคะ”
หนานกงเหยี่ยนไปคารวะฮูหยินใหญ่กั๋วกงและเพิ่งจะกลับมา
เขานั่งลงและหยิบตะเกียบ จากนั้นก็ทานอาหารด้วยกัน
อวิ๋นหลัวฉวนจึงนั่งลงและหยิบตะเกียบขึ้นมากิน วันนี้ดีกว่าเมื่อวาน อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกหิวและสามารถกินได้
ในขณะที่ทานอาหารก็มีคนมาที่หน้าประตู เมื่อแม่นมเว่ยเห็นคนก็เดินไปหา และนำโถกระเบื้องกลับมา
“ท่านอ๋อง คนในจวนนำบ๊วยเปรี้ยวมาให้เพคะ” แม่นมเว่ยกล่าวด้วยความเคารพ
หนานกงเหยี่ยนรับมาวางไว้ให้อวิ๋นหลัวฉวน:“เวลาที่รู้สึกไม่สบายก็กินหนึ่งเม็ด ข้าเพิ่งได้ยินมาว่าหากชอบกินเปรี้ยวจะได้บุตรชาย และหากชอบกินเผ็ดจะได้บุตรสาว บางทีอาจจะเป็นบุตรชาย”
อวิ๋นหลัวฉวนจ้องมองไปที่บ๊วยเปรี้ยวและไม่สนใจคำพูดของหนานกงเหยี่ยน