องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 195 เฮ่อเหลียนเวยเวยผู้น่าทึ่ง
ตอนที่เขาได้พบเด็กสาวคนนี้เมื่อครั้งก่อน ความประทับใจเดียวที่เขามีให้นางคือความไม่พอใจอย่างมาก
โดยทั่วไปนั้นเด็กผู้หญิงก็เป็นกันเช่นนี้ ในใจมีแต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ในเวลานั้นหัวใจของเด็กสาวคนนี้ยังยึดติดอยู่กับการหมั้นหมายระหว่างนางกับมู่หรงฉางเฟิง ทุกสิ่งที่นางทำลงไปจึงล้วนแต่เป็นเรื่องน่าขันทั้งสิ้น
แต่พอได้มาพบกับนางในวันนี้ อดีตฮ่องเต้กลับรู้สึกว่าเขาเพิ่งจะได้รู้จักกับเด็กสาวคนนี้ก็ตอนนี้นี่เอง
ทุกย่างก้าวของนางล้วนแต่สุขุมหนักแน่น ไม่มีความแตกตื่นหรือร้อนใจแม้แต่น้อย ทั้งที่นางอายุยังน้อย แต่กลับเข้าใจน้ำหนักของปัญหา และควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญที่สุดคือนางเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของความรักและความยุติธรรม หากในอนาคตเจ้าสามได้แต่งงานกับนาง ก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแน่นอน
อดีตฮ่องเต้ยังคิดอยู่เหมือนกันว่า ในเมื่อหลานชายมีอุปนิสัยเย็นชาปานน้ำแข็ง ใครเล่าจะคู่ควรได้ใช้ชีวิตร่วมกันกับเขา
หลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เด็กสาวที่มีฐานะทางตระกูลดีก็มีอยู่มากมาย
แต่คนที่จะสามารถเข้าไปทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นได้ กลับไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อดีตฮ่องเต้กังวลว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะออกนอกลู่นอกทางจนกลายเป็นผู้นำที่นิยมแต่ความรุนแรง และเอาแต่ใจ
อย่างไรนิสัยอันยากจะหยั่งถึงของเขาก็เหมาะสมกับการขึ้นเป็นฮ่องเต้ยิ่งนัก เสียอย่างเดียวที่เย็นชาเกินไป เย็นชาเสียจนทำเหมือนกับว่าทุกคนบนโลกใบนี้ไร้ซึ่งความสำคัญกับเขา
ใครๆ ก็กล่าวว่าอารมณ์ความรู้สึกไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับการเป็นฮ่องเต้
จริงอยู่ที่อารมณ์ความรู้สึกเป็นอุปสรรคสำหรับฮ่องเต้
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนเราต้องเลือดเย็นเท่านั้นถึงจะสามารถเป็นผู้ปกครองแผ่นดินได้
หากเป็นเช่นนั้น คนที่ทนทุกข์ที่สุดย่อมเป็นประชาชน
เจ้าเด็กน้ำแข็งนี่ต้องมีใครสักคนมาอยู่ข้างๆ คนที่สามารถทำให้เขาอ่อนโยนลงได้
แต่คนคนนั้นจะอาศัยแค่ความใสซื่อบริสุทธิ์เพียงอย่างเดียวไม่ได้
ภายในวังหลวงและราชสำนักมีสิ่งล่อใจมากมายนับไม่ถ้วน หากประมาทเลินเล่อแม้เพียงนิดเดียวก็อาจพลาดท่าตกหลุมพรางเอาได้
เด็กสาวคนที่ว่านี้จะต้องแข็งแกร่ง แต่ไม่แข็งกระด้าง ต้องเปี่ยมด้วยอำนาจ แต่ไม่ใช่คนโหดร้าย นางจะต้องมีสิ่งที่ช่วยให้นางยืนหยัดอยู่ได้ นางถึงจะไม่ถูกกลืนไปได้โดยง่าย
จนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งค้นพบสัญญาณของคุณสมบัติที่ว่านี้เป็นครั้งแรกจากในตัวของเด็กสาวคนนี้นี่เอง
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าตอนที่อดีตฮ่องเต้มองเฮ่อเหลียนเวยเวยก็ดูผ่อนคลายลงอย่างมาก
สายตานี้ทำเอาเฮ่อเหลียนเวยเวยถึงกับทำอะไรไม่ถูก ทันใดนั้นนางก็ลูบสันจมูกของตนเบาๆ ด้วยความสับสน ความพอใจที่อยู่ในสายตาที่อธิบายได้ยากของอดีตฮ่องเต้หมายความว่าอย่างไรกัน
ต้องบอกว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยเกิดมาพร้อมกับดวงตาที่ทำให้ผู้คนรักใคร่ แม้ใบหน้าของนางจะดำไปเล็กน้อย แต่ดวงตาคู่นั้นก็ส่องประกายระยิบระยับทุกครั้งที่นางเผยความเฉลียวฉลาดและสดใสออกมา แม้แต่ในยามที่นางงุนงงหรือตกใจ นางก็ดูน่ารักน่าชังยิ่งนัก
ยิ่งอดีตฮ่องเต้มอง เขาก็ยิ่งรู้สึกชอบใจ ในใจนั้น เขาจัดให้เฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่ในคนประเภทตรงไปตรงมาและชาญฉลาดเป็นที่เรียบร้อย เขาละสายตาออกจากนาง แล้วหันไปมองเสิ่นเวินหว่าน ”ข้าจะถามเจ้าเป็นคำถามสุดท้าย สิ่งที่เจ้ากล่าวมาทั้งหมดเป็นความจริงใช่หรือไม่”
“ใช่แล้วเพคะ!” เสิ่นเวินหว่านกัดริมฝีปากบางของตน สิ่งเดียวที่นางรับรู้ได้คือเรี่ยวแรงที่เหือดหายไปจากร่าง นางคุกเข่าลงคำนับกับพื้น โดยไม่เงยหน้าขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว ”ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็นฝีมือหม่อมฉันแต่เพียงผู้เดียวเพคะ ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใดทั้งสิ้น”
สีหน้าของอดีตฮ่องเต้เฉยเมยเย็นชา ”สั่งให้คนเข้ามาคุมตัวนางออกไปขังคุกให้ข้า กลับถึงเมืองหลวงเมื่อใดจึงค่อยตัดสินความผิดของนาง”
“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์เงาขานรับคำสั่ง
อดีตฮ่องเต้พูดต่อ ”เขียนจดหมายถึงฮ่องเต้ บอกให้เขาเอาตัวเสิ่นฮุยออกจากราชสำนัก ส่งทั้งตระกูลเขากลับไปที่บ้านเกิด และห้ามไม่ให้เข้าเมืองหลวงเป็นเวลาเจ็ดปี”
ดวงตาของเสิ่นเวินหว่านที่เดิมทีเคยหมดสิ้นเรี่ยวแรงกลับเสมองไปรอบๆ ทันทีที่นางได้ยินคำพูดนั้น ”อดีตฮ่องเต้เพคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านพ่อ แต่พระองค์ต้องการจะลงโทษเขาหรือเพคะ!”
“ท่านพ่อของเจ้าได้รับตำแหน่งปัจจุบันของตนมาอย่างไร” เมื่ออดีตฮ่องเต้กล่าวเช่นนี้ออกมา สายตาของเขาก็หันไปมองแผ่นหลังของฮูหยินซู ”ข้ารู้อยู่แก่ใจว่าความจงรักภักดีของท่านพ่อเจ้าก็เป็นสิ่งที่สมควรต้องถูกตั้งคำถามเหมือนกัน”
เสิ่นเวินหว่านตัวแข็ง พร้อมกันนั้นนางก็หันไปทางซูเหยียนโม่ด้วยดวงตาสั่นไหว เห็นได้ชัดว่านางต้องการให้อีกฝ่ายร้องขอความเมตตาแทนตระกูลเสิ่น
ซูเหยียนโม่ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว นางไม่แม้แต่จะปรายตามองเสิ่นเวินหว่านเลยด้วยซ้ำ ดวงตาของนางยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่กะพริบ
ในขณะนั้น เสิ่นเวินหว่านก็พยายามที่จะตะโกนอะไรบางอย่างออกมา แต่แล้วนางก็พบว่าลำคอของนางไม่อาจเปล่งเสียงใดๆ ออกมาได้
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?!
เสิ่นเวินหว่านทำทุกอย่างที่นางทำได้เพื่อโน้มตัวไปข้างหน้า ระหว่างนั้นนางก็นึกขึ้นได้ว่าสิ่งเดียวที่นางทำคือการสัมผัสตัวฮูหยินซูเมื่อครู่ นางพลันเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที ใบหน้าเล็กๆ พลันบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง สีหน้าของนางดูเหมือนกับอยากจะจับฮูหยินซูมาเคี้ยวเป็นชิ้นๆ แล้วกลืนลงท้องไปเสีย!
นางเชื่อสุดใจว่าตราบใดที่นางไม่สารภาพความจริงออกไป นางจะสามารถช่วยตระกูลเสิ่นเอาไว้ได้!
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าตั้งแต่แรก ทุกอย่างที่ผู้หญิงโหดร้ายอำมหิตคนนี้ต้องการทำก็คือการฆ่านางเพื่อปิดปาก!
เสิ่นเวินหว่านรู้สึกได้ว่าเส้นเลือดของนางปวดร้าวไปทั่วทั้งร่าง มันเจ็บเสียจนนางไม่สามารถส่งเสียงประท้วงออกมาได้ในระหว่างที่ถูกบรรดาองครักษ์เงาพาตัวออกไป
เมื่อซูเหยียนโม่เห็นว่าบุคคลเพียงคนเดียวที่สามารถข่มขู่นางได้กลายเป็นหลักฐานที่ตายไปแล้ว ความปั่นป่วนภายในใจของนางก็ค่อยๆ สงบลง เมื่อนางหันไปมองอดีตฮ่องเต้อีกครั้ง นางก็ดูมีสีหน้าผ่อนคลายลงอย่างมาก ”อดีตฮ่องเต้ทรงพระปรีชายิ่งนักเพคะ!”
แต่นึกไม่ถึงเลยว่าอดีตฮ่องเต้จะทำเพียงชำเลืองมองนางด้วยสายตาเฉยเมย ความยิ่งใหญ่ของเขาไม่ได้น้อยลงแต่ประการใด ”ส่วนเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ ในฐานะที่นางเป็นศิษย์ของหอชั้นเลิศ แต่กลับมีความประพฤติขาดศีลธรรม ไม่สามารถแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ อีกทั้งยังเพิ่งจะใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น วันพรุ่งนี้ก็ให้นางไปอยู่ในห้องเก็บฟืนของวัดหลิงอิ่นเสีย ให้นางทบทวนตัวเองให้ดีว่านางทำอะไรผิด เมื่อไหร่ที่นางคิดได้แล้วจึงค่อยกลับเมืองหลวง”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็ตกใจจนตัวสั่นไปทั้งตัว นางหันไปมองฮูหยินซูทันที!
นางจะอยู่ที่นี่ไม่ได้!
ที่นี่เป็นวัด ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานอย่างนางจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หากข่าวนี้แพร่ออกไป ชื่อเสียงของนางจะเป็นเช่นใด!
ในอนาคตจะยังมีใครอยากแต่งงานกับนางอยู่อีกหรือ
ยิ่งกว่านั้น เวลาที่บอกว่า ’เมื่อนางคิดได้’ มันคือเมื่อใดกันเล่า
การประลองยุทธ์กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า ผู้ชนะจะกลายเป็นพระชายาขององค์ชายสาม นี่เป็นคำมั่นสัญญาที่อดีตฮ่องเต้สัญญาต่อหน้าพยานนับพันในเวลานั้น รับสั่งของฮ่องเต้มีค่าดั่งทองหยก ย่อมมิอาจบิดพลิ้วได้!
นางคือคนที่หมายตาในชัยชนะ แต่กลับต้องมาติดอยู่ที่นี่ แล้วนางจะยังเข้าร่วมการประลองได้อย่างไร!
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ตื่นตระหนก ดวงตาปริ่มน้ำใสระยิบระยับราวสายน้ำกลางฤดูใบไม้ร่วงของนางอยู่ไม่สุข ทันทีที่นางหันไปสบตากับเฮ่อเหลียนเวยเวย ความชั่วร้ายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนก็พลันพวยพุ่ง
ทั้งหมดเป็นเพราะนังคนชั้นต่ำนี่!
หากไม่ใช่เพราะนาง อดีตฮ่องเต้ก็คงไม่ตัดสินพระทัยเช่นนี้!
อดีตฮ่องเต้มักจะกล่าวชื่นชมนางอยู่เสมอ เขาชื่นชมนางเสียจนเคยพูดออกมาด้วยซ้ำว่าในใจนั้น เขาอยากให้นางเป็นพระชายาขององค์ชายสาม
แต่ตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างกลับถูกนังคนชั้นต่ำนี่ทำลายลงจนไม่เหลือชิ้นดี!
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์กัดเนื้อนุ่มในปากของตน ปลายนิ้วของนางจิกเข้าไปในฝ่ามือจนเป็นรอย
ฮูหยินซูกลัวว่าบุตรสาวสุดที่รักของตนจะทนไม่ไหว จึงยื่นมือของตนออกไปจับแขนของนางเอาไว้ และเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก น้ำเสียงของนางฟังดูทุกข์ใจ ”อดีตฮ่องเต้ตรัสถูกต้องแล้วเพคะ ครั้งนี้นางทำตัวใสซื่อจนเกินไป นางเป็นคนจิตใจดีจึงตกหลุมพรางของผู้อื่นโดยมิได้ตั้งใจ หม่อมฉันขอร้อง ให้อดีตฮ่องเต้ทรงทบทวนการตัดสินโทษของนางใหม่อีกครั้งเพื่อเห็นแก่พี่ชายของหม่อมฉันและคฤหาสน์ผู้พิทักษ์ด้วยเพคะ ไม่นานหลังจากนี้จะมีการจัดประลองยุทธ์ครั้งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้น บรรดาผู้อาวุโสได้เลือกให้เจียวเอ๋อร์เป็นตัวแทนของจักรวรรดิจ้านหลงแล้ว ดังนั้นหม่อมฉันจึงขอร้องให้อดีตฮ่องเต้ทรงใคร่ครวญให้ถี่ถ้วนอีกสักครั้งหนึ่งเถิดเพคะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยก็อดนับถือสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดของฮูหยินซูขึ้นมาไม่ได้
หากนางใช้เรื่องอื่นมากดดันอดีตฮ่องเต้ อดีตฮ่องเต้ก็มีแต่จะลงโทษเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ให้รุนแรงขึ้นไปอีกก็เท่านั้น
แต่การนำเอาเรื่องชื่อเสียงของจักรวรรดิมากล่าวอ้างเช่นนี้ แม้แต่อดีตฮ่องเต้เองก็คงจะต้องมองภาพรวม และลดโทษของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ลง มิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ต่อหน้าประชาชนได้
เป็นอย่างที่คาด คิ้วของอดีตฮ่องเต้ขมวดเข้าหากัน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังอดทนอยู่
ฮูหยินซูรู้ว่าการเดิมพันของนางได้ผลแล้ว มุมปากของนางกำลังจะกระตุกขึ้น
แต่แล้วนางก็ได้ยินคำพูดอันไร้อารมณ์ดังขึ้นเสียก่อน ”ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ให้ฮูหยินเป็นผู้รับโทษแทนบุตรสาวสุดที่รักของนางแทนก็แล้วกัน”