องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 199 ความลำเอียงขององค์ชาย
สรุปแล้วก็คือ เขาเห็นคนคนนั้นเป็นสัตว์เลี้ยง มิหนำซ้ำยังคิดที่จะลักพาตัวนางมาอีกด้วย!
ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะไม่ยินยอม!
เจ้าอาวาสฟางจ้างแสร้งทำเป็นกระแอมไอออกมาสองครั้ง ”ทางที่ดีเจ้าอย่าทำเช่นนั้นเลยดีกว่า”
“หืม” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเงยหน้า แล้วหรี่ตามองเจ้าอาวาสฟางจ้าง สีหน้าของเขาราวกับกำลังถามว่า ทำไมล่ะ
เจ้าอาวาสฟางจ้างวางพู่กันในมือลง ”ก่อนอื่น คนที่เจ้าชอบเป็นมนุษย์ใช่หรือไม่ เราทุกคนต่างก็มีความรู้สึกนึกคิด เจ้าลองคิดแบบนี้ดูสิ ถ้าเกิดว่ามีคนมาลักพาตัวเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร แน่นอนว่าเจ้าย่อมรู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว ถูกไหม!”
“ใช่ว่าข้าจะไม่พอใจ ที่ข้าต้องทำก็แค่ฆ่าคนพวกนั้นทิ้งเสีย ทำไมข้าจะต้องไม่พอใจด้วย” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจิบชาอย่างสงบ ริมฝีปากของเขาหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด
เจ้าอาวาสฟางจ้างนึกอยากจะกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นมาแล้วตะคอกใส่ว่า เจ้าคิดว่าทุกคนบนโลกใบนี้เขามีนิสัยผิดปกติเหมือนเจ้าหรือ!!!
“แต่เจ้าพูดถูก ข้าลักพาตัวนางมาไม่ได้” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขมวดคิ้วยาวของตน พลางทำหน้าราวกับว่าเรื่องนี้สร้างความปวดหัวให้กับเขายิ่งนัก
เจ้าอาวาสฟางจ้างถึงกับตกตะลึง ระหว่างที่เขากำลังคิดว่าจู่ๆ เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ก็หูตาสว่างขึ้นมาได้อย่างไร เขาก็ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า ”คงจะน่าเสียดายน่าดู หากเขี้ยวเล็บของนางถูกถอดออกแบบนั้น แต่ตราบใดที่นางยอมอยู่ข้างกายข้าแต่โดยดี ข้าก็ไม่จำเป็นต้องมัดตัวนางหรอกกระมัง”
“แค่กๆ เหตุผลอะไรของเจ้ากันนี่…” เจ้าอาวาสฟางจ้างมักรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะถูกล้างสมองเข้าให้แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าคำพูดของเจ้าเด็กตัวเหม็นนี่จะทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออกเช่นนี้!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชำเลืองมองเขา ส่วนโค้งบริเวณลำคอของเขาสง่างามอย่างไร้ที่ติ แต่ทันใดนั้น น้ำเสียงของเขาก็พลันเย็นชาลง ”ที่น่าเสียดายที่สุดคือนางไม่รู้จักอยู่นิ่งๆ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมาอย่างจริงจัง น้ำเสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก แต่กลับไร้ซึ่งความอบอุ่น เสียงนั้นดังก้องไปทั่วห้อง แม้แต่อากาศที่อยู่รอบตัวก็ดูจะถูกดูดหายไปด้วยฝีมือของเขา
ทันใดนั้นเจ้าอาวาสฟางจ้างก็รู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว ”เช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอย่างไร”
“จับนางขังเอาไว้” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเปลี่ยนท่านั่ง ท่าท่างของเขายังคงสง่างามเหมือนเคย ”หลังจากผ่านไปสักสองสามวัน นางจะได้กลายเป็นของข้าโดยสมบูรณ์”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเจ้าอาวาสฟางจ้างก็ถึงกับเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ”เจ้ากำลังพูดถึงบุตรสาวคนโตของตระกูลเฮ่อเหลียนอยู่หรือ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตอบรับเสียงเบาว่า ’อือฮึ’
เจ้าอาวาสฟางจ้างไอออกมาอย่างรุนแรงยิ่งกว่าทุกครั้ง มารดาเจ้าสิ เจ้ากำลังเลือกพระชายาอยู่จริงๆ หรือเปล่า มันเหมือนเจ้ากำลังเลือกคนมาทรมานชัดๆ!
บุตรสาวคนโตตระกูลเฮ่อเหลียนไปยั่วโมโหราชานรกอย่างเจ้าหมอนี่ได้อย่างไรกัน ทำไมถึงทำให้เขาอยากจะทรมานนางได้ถึงเพียงนี้!
“ทำเช่นนี้คงไม่ดีนัก” เจ้าอาวาสฟางจ้างจิบชา พร้อมกับเอ่ยอย่างลองใจว่า ”เด็กสาวคนนั้นเคยถูกยกเลิกการหมั้นมาก่อน แค่เรื่องนั้นก็น่าสงสารพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้เจ้ากลับต้องการที่จะจับนางไปขังไว้อีก นางไปยั่วโมโหอะไรเจ้าหรือ ทำไมเจ้าถึงต้องปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ด้วย”
นิ้วของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชะงักไป เขาขยับริมฝีปากบาง น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาอย่างที่ตัวเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ”ข้าไม่มีตัวตนในสายตานาง”
“อะไรนะ” เจ้าอาวาสฟางจ้างได้ยินไม่ชัด เขาเงี่ยหูฟังและเอ่ยอีกครั้งว่า ”ถ้าเจ้าไม่อยากตอบก็ช่างมันเถอะ แต่มันเป็นการทำบาป เป็นการทำบาปอย่างมหันต์” เจ้าอาวาสฟางจ้างพนมมือเข้าหากัน แล้วพึมพำว่า ’อมิตาพุทธ’
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหัวเราะ มุมปากของเขาโค้งขึ้นอย่างมีเสน่ห์ ”บาปหรือ ข้าเคยบอกไว้มากจนเกินพอแล้วว่า ไม่ว่าข้าจะต้องการสิ่งใด หากมีคนมาขวาง ข้าก็จะสังหารคนคนนั้น หากพระพุทธองค์มาขวาง ข้าก็จะสังหารพระพุทธองค์ เคยมีข้อยกเว้นด้วยหรือ ถ้าจะโทษอะไรล่ะก็ โทษที่นางไม่ควรมายั่วยุข้าก็แล้วกัน หลังจากยั่วโมโหข้าแล้ว นางยังคิดที่จะหนีอีกด้วย บนโลกใบนี้จะมีเรื่องง่ายดายเช่นนั้นอยู่ได้อย่างไร”
“เจ้า… เจ้าคิดที่จะทำลายนางหรือ” น้ำเสียงของเจ้าอาวาสฟางจ้างสั่นสะท้านไปทั้งประโยค เขาไม่รู้ว่าตนเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า แต่ในเวลานี้ ดูเหมือนว่าเขาจะได้เห็นอุปนิสัยของปีศาจที่อยู่ในตัวไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเข้าเสียแล้ว แต่อุปนิสัยของปีศาจประเภทนี้กลับสมบูรณ์แบบเกินไป ราวกับเทพที่ยืนอยู่ในเงามืด เมื่อเขาร่วงสู่สวรรค์อันไร้รูปร่าง เสน่ห์เยี่ยงปีศาจของเขาก็พลันทำให้ทุกคนต่างพากันลุ่มหลง และ… หวาดกลัว
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเผยรอยยิ้มชวนหลงใหลออกมา ”ไม่ล่ะ ทำไมข้าต้องอยากทำลายนางด้วย เหยื่อตัวนี้ เพียงแค่ได้ยินชื่อนางข้าก็รู้สึกร้อนรุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า ข้าเพียงอยากกดนางไว้ใต้ร่างของข้า และต้องการนาง… อย่างรุนแรง”
ทันทีที่เขาพูดสองคำสุดท้ายออกมา ริมฝีปากของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็กระตุกขึ้น สีหน้าสะกดอารมณ์ปรารถนาของตนที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้านั้นแฝงไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนจนสามารถทำให้ทั้งชายและหญิงลุ่มหลงมัวเมาได้เลยทีเดียว
“เจ้าต้องล้อเล่นแน่!” ทันใดนั้นเจ้าอาวาสฟางจ้างก็ผุดลุกขึ้นมาทันที ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง สวรรค์ นี่มันเป็นอาการของเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะมีความรักเป็นครั้งแรกมิใช่หรือ
เพิ่งมีรักแรกหรือ
เจ้าอาวาสฟางจ้างชำเลืองมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ย คำสี่คำนั้นช่างไม่เหมาะกับองค์ชายสามเอาเสียเลย
ยิ่งกว่านั้น ใครจะไปเริ่มต้นรักแรกด้วยความป่าเถื่อนเช่นนี้?!
ลักพาตัวนางมาขังไว้อะไรกัน พอเถอะ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้นอีกครั้ง ”แต่ดูเหมือนว่านางคงไม่อยากให้ข้าทำเช่นนั้น”
“เจ้าต้องปฏิบัติกับผู้หญิงให้นุ่มนวลกว่านี้อีกหน่อย” หลังจากเจ้าอาวาสฟางจ้างพูดจบ เขาก็รู้สึกอับจนปัญญายิ่งนัก ทำไมพระสงฆ์อย่างเขากับองค์ชายถึงต้องมาคุยเรื่องแบบนี้กันในวัดด้วย!
เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ไม่มีสาวใช้อุ่นเตียงคอยปรนนิบัติรับใช้หรือ! เจ้าพวกองครักษ์เงาของวังหลวงเป็นไม้ตายซากหรืออย่างไร ทำไมถึงไม่รู้จักหาเด็กสาวสักคนมาให้เจ้านายของตน แล้วให้เขาได้เรียนรู้เรื่องพวกนี้ให้ดีเสียก่อน!
แต่เขาเองก็คิดมาตลอดว่าเจ้าเด็กตัวเหม็นคนนี้คงไม่มีความต้องการอย่างว่าจริงๆ
อย่างไรเขาก็เคยได้ยินมาว่ามีหญิงสาวจำนวนไม่น้อยที่ถูกโยนออกมาจากเตียงในตำหนักของเขา หากไม่ใช่สิบ ก็น่าจะเป็นเก้า
ทุกคนล้วนแต่ถูกโยนออกมาราวกับขยะที่ถูกทิ้งขว้างชิ้นหนึ่ง
หลังจากที่อดีตฮ่องเต้ใช้วิธีการเช่นนี้ส่งหญิงสาวไปอยู่ข้างกายเจ้าตัวเหม็นนี่หลายครั้ง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้นอีก
เพราะเขากลัวว่าถ้าหากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป อาจจะมีคนพูดกันว่าองค์ชายสามทำเรื่องอย่างว่าไม่เป็น!
เจ้าอาวาสฟางจ้างถอนหายใจยาว เขาเองก็เคยเห็นอยู่ว่าเจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ปฏิบัติกับผู้หญิงเช่นใด เขาสุภาพยิ่งนัก สุภาพมากเลยทีเดียว แต่ก็ยังห่างเหินและค่อนข้างเฉยเมยจนไร้หัวจิตหัวใจ ไร้ซึ่งความปรารถนาอย่างแท้จริง ไม่มีความต้องการเหมือนคนถือศีลภาวนายิ่งกว่าพระสงฆ์อย่างเขาเสียอีก!
เฮ้อ ตอนนี้เมื่อเขามาคิดดูอีกที เรื่องไร้ความต้องการอะไรนั่นล้วนแต่ไร้สาระทั้งเพ!
เจ้าอาวาสฟางจ้างยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก และเริ่มรู้สึกปวดหัวกับเรื่องนี้ สรุปแล้วเรื่องนี้มันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่
เรื่องดีก็คือในที่สุดเจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ก็เริ่มมีร่องรอยอารมณ์ความเป็นมนุษย์กับเขาบ้างเสียที
ส่วนเรื่องไม่ดีน่ะหรือ ความต้องการอยากครอบครองของเขามันรุนแรงเกินไปหน่อยหรือเปล่า
ยิ่งกว่านั้น เขายังเห็นว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นเหยื่ออีกต่างหาก…
“ประเด็นไม่ได้อยู่ที่นุ่มนวลหรือไม่นุ่มนวล แต่นางขัดขืนข้า” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอ่ยอย่างใจลอย ขัดจังหวะสิ่งที่เจ้าอาวาสฟางจ้างกำลังคิดอยู่ในหัว แสงในดวงตาของเขาดิ่งวูบ
“เจ้าลองพยายามแล้วหรือ” เจ้าอาวาสฟางจ้างตาโตเป็นลูกองุ่น เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่คงไม่ได้ถือโอกาสใช้การเดินทางครั้งนี้ทำอะไรใครสักคนหรอกใช่ไหม
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเงยหน้าขึ้นอย่างเกียจคร้าน ”เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยหรือ””
“ไม่เกี่ยว แต่ข้ากำลังช่วยเจ้าวิเคราะห์สถานการณ์อยู่ไม่ใช่หรือไร” เจ้าอาวาสฟางจ้างเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าสัตย์จริง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยืนขึ้นอย่างไม่ยี่หระ ”ไม่จำเป็น”
เจ้าอาวาสฟางจ้าง: … นี่มันจะนับว่าเป็นการสนทนาได้อย่างไรกันเล่า คุยกันแค่นี้ก็แทบจะทำให้ใครสักคนตายเพราะหายใจไม่ออกแล้ว เข้าใจไหม?!!!
“บางทีที่นางต่อต้านเจ้า อาจเป็นเพราะนางมีคนอื่นอยู่ในใจแล้วก็เป็นได้” เจ้าอาวาสฟางจ้างเชื่ออย่างนั้นจริงๆ อย่างไรเสียส่วนมากแล้วผู้หญิงก็มักจะอยากเก็บความบริสุทธิ์ของตนเอาไว้ให้กับคนพิเศษ ยิ่งกว่านั้น การหมั้นหมายของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็เพิ่งจะถูกยกเลิกได้ไม่นานนัก ในเวลานี้นางคงยังไม่สามารถลืมมู่หรงฉางเฟิงอะไรนั่นได้ ความเป็นไปได้นี้มีไม่น้อยเลยทีเดียว…