องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 206 ถ้าองค์ชายไม่ได้ ก็ไม่ต้องมีใครได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยใช้มือซ้ายคว้ากระบอกเซียมซีขึ้นมา แล้วเขย่ามันอย่างไม่คิดจะใส่ใจนัก
การเคลื่อนไหวของนางไม่ได้ดูแตกต่างจากเด็กสาวคนอื่น แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความสง่างามเหนือคำบรรยาย
ขันทีซุนถอนหายใจ แล้วพึมพำขึ้นมาเบาๆ ว่า ”ทำไมท่าทางของนางถึงไม่เหมือนคนที่กำลังเสี่ยงเซียมซีเลย แต่กลับดูเหมือนว่านางกำลังเขย่าลูกเต๋าอยู่มากกว่า”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็เงยหน้ามอง ในดวงตาอันเฉยชาของเขามีประกายแสงปรากฏขึ้น แต่มันก็จางมากเสียจนแทบสังเกตไม่เห็น
อันที่จริงนั้นการเขย่าเซียมซีพวกนี้ทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง นางจึงนำท่าทางตอนที่เข้าบ่อนพนันมาปรับใช้แทน นางเขย่าได้สองสามครั้ง หลังจากนั้นนางก็รู้สึกว่าใช่ จึงยกมือขึ้นทันที
ไม้ไผ่เซียมซีหล่นลงกับพื้น
สามเณรที่ยืนอยู่ข้างๆ นำมันไปมอบให้กับเจ้าอาวาสฟางจ้าง
เจ้าอาวาสฟางจ้างอ่านข้อความที่อยู่บนไม้ไผ่เซียมซี และระเบิดหัวเราะดังลั่น ”ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
อดีตฮ่องเต้ส่งเสียง ’โอ้?’ ออกมาหนึ่งครั้ง หลังจากที่รับไม้ไผ่แท่งนั้นมาแล้ว คิ้วของเขาก็เลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจ
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทันใดนั้นนางก็หันหน้าไปมองเฮ่อเหลียนเวยเวย
และเห็นเพียงแค่ดวงตายิ้มแย้มที่กำลังมองกลับมา ก่อนนางจะเขย่ากระบอกเซียมซีอีกครั้งด้วยท่วงท่าชั่วร้ายอย่างที่สุด
แปะ!
ไม้ไผ่เซียมซีแท่งที่สองหล่นออกมา
ลำพังแค่ได้คำทำนายยอดเยี่ยมสักอันก็นับว่าน่าจับตามองมากอยู่แล้ว
แต่เวลานี้ แม้แต่สามเณรก็ยังรู้สึกลำบากใจเมื่อมองดูข้อความที่ถูกเขียนเอาไว้บนไม้ไผ่เซียมซี เขาอดที่จะมองเฮ่อเหลียนเวยเวยอีกครั้งไม่ได้
“ทั้งสองแท่งเป็นมหาโชค” เจ้าอาวาสฟางจ้างลููบเครา ”หาได้ยากยิ่งนัก”
ทั้งสองแท่งเป็นมหาโชคหรือ?!
เกิดเสียงเอะอะขึ้นภายในโถงวัด ทุกคนมองหน้ากันอย่างไม่อยากจะยอมรับ เมื่อพวกเขามองไปที่เฮ่อเหลียนเวยเวยอีกครั้ง ความอิจฉาและความชื่นชมก็พลันเพิ่มพูนขึ้น
สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ตกตะลึง นางเผลอหันไปมองใบหน้าของคุณหนูโดยไม่รู้ตัว
แน่ล่ะว่ามันต้องซีดจนไร้สีเลือด
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
สาวใช้ตัวแข็งไปทั้งร่าง เพราะในอดีตนั้นพวกนางมักจะใช้การทำนายดวงชะตาเช่นนี้มาล้อเลียนคุณหนูใหญ่อยู่เสมอ
ในเวลานั้น คุณหนูใหญ่จะไปวัดกับบรรดาคุณหนูคนอื่นๆ ทุกปี และปรี่เข้าไปข้างในวัดอย่างรวดเร็ว บรรดาคุณหนูต่างก็รังเกียจนาง แต่นางกลับไม่รู้เรื่องนั้น หากเป็นเรื่องของการทำนายดวงชะตาของตน นางจะกระตือรือร้นยิ่งกว่าใคร นางอธิษฐานอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องเนื้อคู่ฟ้าประทานเท่านั้น ทำราวกับกลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่านางหลงรักมู่หรงซื่อจื่อ แต่ทุกครั้งที่นางอธิษฐานขอพร นางก็เป็นอันต้องพบกับความอัปยศอดสูทุกครั้งไป
แต่วันนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับนังคนชั้นต่ำนี่กันแน่
ดวงชะตาของคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยหรือ
ทำไมนางถึงไม่เคยได้ยินเรื่องพรรค์นี้มาก่อน!
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์จิกมือตัวเอง นางจำเป็นต้องฝืนปั้นยิ้มออกมาแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
ตรงกันข้าม เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับไม่คิดที่จะอ้อมค้อม ตอนที่นางเดินสวนกับเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ จู่ๆ นางก็โน้มตัวลง และใช้มือของตนปัดฝุ่นที่อยู่บนไหล่ เสียงนั้นไม่มีสูงไม่มีต่ำ ราวกับว่านางไม่สนใจว่าคนอื่นจะได้ยินคำพูดของนางหรือไม่ นางเอ่ยขึ้นอย่างชัดเจนว่า ”น้องสาว เป็นอะไรหรือ เจ้าปวดแก้มหรือเปล่า”
คำพูดกำกวมนั้นทำให้คนที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ งุนงงเล็กน้อย
แต่เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์กลับเข้าใจได้เป็นอย่างดี ใบหน้าเล็กๆ นั้นถึงกับแข็งกระด้าง รอยยิ้มที่นางฝืนปั้นออกมาพลันหายไปจากมุมปากของนาง คิ้วอันงดงามเมื่อครู่ของนางกลับดูชั่วร้ายยิ่งนัก
เฮ่อเหลียนเวยเวยย่อมไม่สนใจว่านางจะทำอย่างไร นางหันหลังแล้วเดินกลับไปยืนที่ตำแหน่งเดิมของตัวเองด้วยท่าทางสุขุมเยือกเย็นเหมือนก่อนหน้านี้ ท่าทางยังคงดูเฉื่อยชาและเกียจคร้านยิ่งนัก
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์กำผ้าเช็ดหน้าแน่น นางทำหน้าเหมือนอยากจับเฮ่อเหลียนเวยเวยกินเข้าไปทั้งตัว
หากไม่มีคนพูดอะไร แล้วเฮ่อเหลียนเวยเวยเสี่ยงเซียมซีได้มหาโชคถึงสองใบ บางทีเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็คงไม่ต้องรู้สึกอับอายขายหน้าขนาดนี้
ตั้งแต่เมื่อครู่ คนที่ฉลาดมากพอก็คงมองออกอย่างชัดเจนแล้วว่าเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์อยากเห็นเฮ่อเหลียนเวยเวยต้องอับอายขายหน้า
แต่สุดท้าย คนที่อับอายกลับไม่ใช่เฮ่อเหลียนเวยเวย มิหนำซ้ำนางยังเสี่ยงเซียมซีจากกระบอกได้มหาโชคอีกด้วย เรื่องนี้ดีกว่าเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เป็นไหนๆ
ส่วนเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์นั้น เดิมทีหัวใจของนางก็แทบจะหลั่งเลือดออกมาเพราะความโกรธอยู่แล้ว แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยยังมาถามนางอีกว่านางปวดแก้มหรือเปล่า
จังหวะนั้นทำเอานางโมโหจนแทบจะกระอักเลือดตาย!
เจ้าอาวาสฟางจ้างมองภาพนี้ แล้วหันไปมองทางไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอย่างเบิกบาน สายตาเหมือนต้องการสื่อว่า [คนที่เจ้าโปรดปรานเหมือนเจ้าถึงเพียงนี้ได้อย่างไร หากนางไม่เปิดปากพูด นางก็จะไม่พูด แต่หากนางพูดขึ้นมาเมื่อใด นางก็สามารถทำให้คนฟังกระอักเลือดตายได้เลย!]
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยส่งสายตากลับไปอย่างไม่แยแส [อะไร เจ้ามีปัญหาหรือ]
เจ้าอาวาสฟางจ้างมองท้องฟ้าเงียบๆ เขาจะมีปัญหาได้อย่างไร เขาเพียงอยากถามอีกฝ่ายต่างหากว่าเขาไปเจอเด็กสาวคนนี้จากที่ไหน!
ใต้ผืนฟ้าแห่งนี้ การจะหาใครสักคนที่ปากร้ายให้ได้เท่ากับองค์ชายสามนั้นหาใช่เรื่องง่ายไม่!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้มองเจ้าอาวาสฟางจ้างอีก มีเพียงดวงตาหนักแน่นของเขาเท่านั้นที่ไร้ซึ่งร่องรอยยิ้ม
เจ้าอาวาสมองตามสายตาของเขาไป และเห็นเพียงภาพเฮ่อเหลียนเวยเวยที่กำลังเอียงศีรษะคุยกับเฮยเจ๋ออยู่ ไม่มีใครได้ยินว่านางพูดอะไร
แต่เฮยเจ๋อกลับยิ้มแย้มแจ่มใสยามที่หันไปมองนาง ท่าทางดูเหมือนอดที่จะเอ็นดูและตามอกตามใจนางไม่ได้
กร็อบ
เจ้าอาวาสฟางจ้างได้ยินเสียงพระพุทธรูปองค์เล็กๆ ที่วางอยู่ข้างมือของเขาเต็มไปด้วยรอยร้าว คิ้วขาวของเขาขมวดเข้าหากันแน่น ดูเหมือนก่อนหน้านี้เขาจะคิดว่าเรื่องนี้ง่ายดายเกินไป
ไม่ ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว
แต่น่าจะเป็นพวกเขามากกว่า พวกเขาคิดมาตลอดว่าถ้าหากมีคนเช่นนี้อยู่ข้างองค์ชาย ก็คงเหมาะสมเป็นที่สุด
แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบางทีคนคนนั้นอาจจะไม่ยินยอม
แต่ด้วยนิสัยขององค์ชายนั้น อะไรที่เขาอยากได้ เขาก็ต้องได้ ยิ่งกว่านั้นเขาจะต้องได้มันมาครอบครองเป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียวอีกด้วย!
แต่เพียงผู้เดียว หรือพูดอีกอย่างก็คือของชิ้นนั้นจะต้องสะอาดไร้มลทิน
ไม่ว่าตอนนี้เขาจะเห็นเฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นแค่เหยื่อ หรืออาจจะแค่รู้สึกสนใจนางอยู่เล็กน้อย
แต่ถ้าหากเฮ่อเหลียนเวยเวยมีความสัมพันธ์กับชายอื่นละก็
เขากลัวยิ่งนักว่าองค์ชายสามจะทำอะไรลงไป อย่างเช่น.. ทำลายเฮ่อเหลียนเวยเวยเสีย!
ยิ่งเจ้าอาวาสฟางจ้างครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เขาชำเลืองมองไปด้านข้างและสบตากับอดีตฮ่องเต้
เป็นอย่างที่คิด อดีตฮ่องเต้เองก็กำลังคิดเช่นเดียวกันกับเขา เพราะเพียงแค่มองใบหน้าของอีกฝ่าย เขาก็แทบจะสามารถรู้สึกได้ถึงความอับจนปัญญาแล้ว
เจ้าอาวาสฟางจ้างนึกภาพออกเลยว่าหากไม่มีคนอยู่รอบตัว อดีตฮ่องเต้จะต้องยกมือขึ้นนวดหน้าผากตัวเองแล้วเป็นแน่
ประเด็นก็คือองค์ชายต่างหาก คนคนนี้ไม่เคยใส่ใจใครมาก่อน ไม่เคยสนใจอะไรจนถึงขั้นที่ไม่สนใจตัวเองด้วยซ้ำไป
ไม่ว่าเขาอยากได้อะไร เขาก็ต้องได้ ยิ่งกว่านั้นยังไม่สนใจด้วยว่าจะต้องใช้วิธีใด
ยิ่งของชิ้นนั้นได้มายากมากเพียงใด เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าสนใจ
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้อดีตฮ่องเต้กับเจ้าอาวาสฟางจ้างรู้สึกปวดหัวมากขึ้นอีกขั้น เพราะจากสถานการณ์ที่เห็นในปัจจุบัน พวกเขาก็รู้แล้วว่าไม่มีทางที่จะหยุดอีกฝ่ายได้
เฉยชา สง่างาม สงบนิ่ง ของพวกนั้นมันเป็นเพียงแค่หน้ากากของเขาเท่านั้น
มีเพียงตอนที่หน้ากากนั้นถูกกระชากออก เขาถึงจะเปิดเผยอำนาจทำลายล้างที่ไม่มีใครคาดถึงออกมา!
เหมือนกับตอนที่เกิดเหตุการไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปีนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเขาสังหารผู้คนไปมากมายเพียงใด
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่สร้างความหนักใจและอยู่ในใจของอดีตฮ่องเต้มานานหลายปี
ทั้งเขาและอดีตฮ่องเต้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายรอดตายจากเหตุการเพลิงไหม้ครั้งใหญ่นั่นมาได้อย่างไรทั้งที่เขายังไม่ทันโต แต่เมื่อพวกเขาเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของเด็กชายที่ยังไม่ทันโตเต็มที่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ โดยมีซากศพจำนวนนับไม่ถ้วนกองเป็นพะเนินอยู่ด้านหลังและใต้ฝ่าเท้า นอกจากความยินดีแล้ว พวกเขาต่างก็รู้สึกได้ถึงความกลัวที่ปะทุขึ้นมาในอก
ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาอดีตฮ่องเต้ก็เป็นกังวลว่าองค์ชายจะเลือกเดินในเส้นทางแห่งความชั่วร้าย
สิ่งที่เขาดีใจก็คือในตอนที่องค์ชายฟื้นคืนสติกลับมา ทุกอย่างยังคงสงบสุข และดูเหมือนจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย จะมีก็แต่เพียงนิสัยของเขาที่เย็นชาและห่างเหินขึ้นเรื่อยๆ การปิดบังอารมณ์ของตนไม่ให้เล็ดลอดออกมานั้นทำให้ทุกคนคิดว่าเขาหล่อเหลาไร้พิษสง แต่คนพวกนั้นแค่ไม่เคยเห็นสีหน้าตอนที่เขายกมือขึ้นสังหารใครสักคนพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มนั้นต่างหาก…