องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 219 รูปลักษณ์ที่น่าตกตะลึงของเฮ่อเหลียนเวยเวย
“ข้าว่า องค์หญิงคนนั้นจะต้องรู้สึกอิจฉาอย่างแน่นอน ใช่หรือไม่เล่า” มีคนหัวเราะและจับใบหน้าของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์อย่างสนิทสนม “บอกข้าหน่อยสิว่าทำไมเจ้าถึงเกิดมาพร้อมรูปลักษณ์ที่งดงามขนาดนี้ จนไม่มีผู้หญิงคนใดบนโลกงดงามมากกว่าเจ้าอีกแล้ว”
“ท่านป้าเฉินล้อเจียวเอ๋อร์เล่นอีกแล้ว” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์หลบตาอย่างเขินอาย แต่มุมปากของนางกลับยกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์พูดขึ้น “คุณหนูจิตใจดี และช่างถ่อมตัวยิ่งนักเจ้าค่ะ เห็นได้ชัดว่าคุณหนูงดงามที่สุดแล้ว”
แต่เมื่อนางพูดจบ กลับมีใครบางคนเดินมาหานางอย่างไม่คาดคิด คนๆ นั้นดูราวกับเพิ่งจะตื่นนอน
มือซ้ายของนางที่ดูราวกับเป็นหยกสีเขียวนั้นกำลังถือร่มไม้ไผ่อยู่ ภายใต้ร่มนั้น นางกำลังสวมชุดขนนกสีแดง คนๆ นั้นราวกับว่าถูกแกะสลักมาจากหินหยก นางเดินอย่างเฉยชา และแทบไม่สนใจว่าเรียวขาของตนเองนั้นจะโผล่ออกมาให้เห็นด้านนอก ผมยาวของนางถูกปล่อยสยายไปทั้งสองข้าง ผมของนางมีสีดำและหยักศกเป็นลอนสวย ใบหน้ารูปไข่ที่ขาวราวกับหิมะนั้นไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางใดๆ ริมฝีปากซีดเผือดของนางดูงดงามอย่างมาก และตรงมุมปากของนางก็มีไฝหนึ่งเม็ด
ชุดคลุมนั้นเผยผิวขาวราวกับหิมะของนาง ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นเปล่งประกายและดูงดงาม หางตาของนางยกขึ้น และผมลอนหนาของนางก็ทัดไว้ด้านหลังใบหู ริมฝีปากของนางเผยให้เห็นเสน่ห์ที่สามารถสะกดจิตผู้คนได้ ชุดคลุมสีแดงนั้นทำให้นางยิ่งดูน่าตื่นตะลึงมากขึ้น
แม้ว่านางจะสวมใส่ชุดคลุมของผู้ชายก็จริง แต่คนที่สวมชุดนี้มีท่าทีไม่แยแสอย่างมาก จนดูราวกับเป็นเทพเซียน นอกจากนี้ มองเพียงปราดเดียว ก็รู้ได้ว่าจริงๆ แล้วนางเป็นผู้หญิง
ในตอนนั้น แทบทุกคนต่างก็อ้าปากค้าง
พวกเขาไม่สามารถละสายตาได้เลย และทำได้เพียงจ้องตรงไปที่เทพธิดาคนนี้ที่เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้น สีหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นความประหลาดใจอย่างไม่อาจบรรยายได้
คนๆ นั้นไม่ได้สังเกตเห็นสายตาจากผู้คนรอบข้างเลย นางถือร่มที่พับเอาไว้ด้วยท่าทีที่เรียบเฉย
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์กำมือทั้งสองข้างของตนเองแน่น การที่ทุกๆ คนหันไปให้ความสนใจกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนั้น ทำให้นางไม่พอใจอย่างแน่นอน และยิ่งได้เห็นใบหน้าของคนๆ นั้นอย่างชัดเจนขึ้น นางก็รู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
“นางคือคนบ้านนอกคนนั้นไม่ใช่หรือเจ้าคะ” สาวใช้คนนั้นพูดโพล่งออกมา ทำให้ฮูหยินซูเลิกคิ้ว และมองไปทางนั้น
“คนบ้านนอกอะไรหรือ” ฮูหยินซูมองไปทางคนๆ นั้นที่อยู่ไกลออกไป และรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด แต่ในเมื่อพวกเขาอยู่ที่เมืองหลวงมานานแล้ว นางก็ไม่เคยรู้จักเด็กสาวคนใดที่เหมือนกับคนๆ นี้เลย นางน่าจะมีอายุใกล้เคียงกับลูกสาวสุดที่รักของนาง เมื่อสาวใช้เห็นว่าคุณหนูของตนเองไม่ได้พูดอะไร นางจึงพูดขึ้น “นางคือเทพธิดาที่เป็นข่าวลือในเมืองหลวงเมื่อไม่นานมานี้เจ้าค่ะ”
ในตอนนั้น ฮูหยินซูอยู่ในคฤหาสน์ผู้พิทักษ์ ดังนั้น นางจึงเคยได้ยินข่าวลือเรื่องนี้มาบ้างแล้ว
แต่นางก็ไม่เคยใส่ใจกับมันมาก่อน
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ถูกเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงมมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาบำรุงผมหรือเครื่องประทินผิว ก็ล้วนทำมาจากผงไข่มุกทั้งสิ้น ทำให้นางเติบโตมาอย่างงดงามจนไม่มีใครเทียบได้ นางเคยเข้าไปในวังหลายครั้ง และได้เห็นเหล่าลูกสาวของขุนนางชั้นสูงมาแล้วหลายคน แต่ก็ยังไม่มีใครที่โดดเด่นเท่าเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ของนางเลย
นางจึงไม่เชื่อถือข่าวลือที่แพร่สะพัดในตลาด
แต่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างในเมืองหลวงแห่งนี้ที่นางยังไม่รู้
ฮูหยินซูขมวดคิ้วเรียวงามพร้อมกับรู้สึกว่าเรื่องนี้อยู่เหนือการควบคุมของตนเอง นางไม่พอใจอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น คือแม้จะรู้เช่นนี้แล้ว แต่นางก็จะต้องพูดอะไรบางอย่าง เพื่อทำให้ลูกสาวสุดที่รักของตนเองดีกว่าคนอื่นๆ
“เด็กสาวสมัยนี้ช่างไม่รู้กฎระเบียบจริงๆ พูดก็พูดเถอะ นางมาจากที่ไหนกันถึงได้สวมใส่ชุดแบบนี้ ครั้งหน้า หากเจ้าเจอคนแบบนี้อีก ก็พาคุณหนูเจียวเอ๋อร์หลบออกไปให้ห่าง เข้าใจหรือไม่” แม้จะดูเหมือนว่าฮูหยินซูนั้นพูดกับสาวใช้ แต่ในความจริงแล้ว นางต้องการจะสื่อว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า และยังไม่สามารถเทียบกับเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ของนางได้ เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น ก็พูดต่อๆ กันไปว่า “ใช่แล้ว คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรและไม่เข้าใจโลกก็จะดูมีเสน่ห์เช่นนี้แหละ”
“ยังคงเป็นเจียวเอ๋อร์ที่ดู…” ตอนแรก คนๆ นั้นตั้งใจจะพูดว่า ‘งดงามกว่า’ แต่หลังจากที่คิดว่าการพูดจาเช่นนั้นดูเสแสร้งเกินไป เขาจึงเปลี่ยนเป็น “สดใสและบริสุทธิ์กว่า”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ยังคงเผยให้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ตอนนี้ ในใจของนางกลับรู้สึกขุ่นเคืองอย่างมาก นางรอจนกว่าทุกคนจะออกไป และลากตัวสาวใช้เข้ามา “ไปถามคนๆ นั้นให้ข้าหน่อยสิว่านางเป็นใครกัน แล้วทำไมนางถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ และยิ่งไปกว่านั้น นางยังสวมชุดคลุมที่สวยงามอีกด้วย”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้คนนั้นตอบพร้อมกับตัวสั่นสะท้าน ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นใด แต่เป็นเพราะใบหน้าของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ที่ดูถมึงทึงนั่นเอง ไม่เคยมีใครในเมืองหลวงเห็นตัวตนที่แท้จริงของหญิงสาวอัจฉริยะอันดับหนึ่งในเมืองหลวง มีเพียงสาวใช้เท่านั้นที่รู้ ไม่ว่าคุณหนูคนนี้จะมีหน้าตาน่ารักเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อนางเผยความชั่วร้ายออกมาแล้ว นางก็น่ากลัวจริงๆ ทันใดนั้น สาวใช้ก็รีบตอบรับ “บ่าวคนนี้จะตามคนๆ นั้นไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
“รอก่อน” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เรียกสาวใช้คนนั้นกลับมาอีกครั้ง “ไปถามว่านางมาทำอะไร หากนางเป็นเพียงหญิงสาวจากหอนางโลม ก็ให้เงินนางสักหน่อย แล้วสั่งให้นางย้ายออกไปจากเมืองหลวงซะ”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางของจักรวาลมาเป็นเวลานาน ดังนั้น นางจึงรับไม่ได้ที่มีคนงดงามกว่านาง
ตอนที่เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์พบคนๆ นี้ครั้งแรก นางยังไม่รู้สึกถึงความกดดันมากนัก เพราะในตอนนั้น ชุดของหญิงสาวคนนั้นสกปรก นางมีเพียงหน้าตาและผิวพรรณที่ดีก็เท่านั้น
แต่ตอนนี้ เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่านางทิ้งห่างกับคนตรงหน้าไปไกล ไม่ได้ นางต้องทำให้อีกฝ่ายหายไป! …หรือไม่ก็… “ก่อนที่นางจะออกไป เจ้าให้นางบอกเคล็ดลับผิวสวยของนางมาก่อน” ดวงตาของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เต็มไปด้วยความมุ่งร้าย “ไปถามนางว่าปกติแล้ว นางกินอาหารอะไร และมันประกอบด้วยอะไรบ้าง”
สาวใช้คนนั้นเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “แล้ว… ถ้าหากนางไม่บอกล่ะเจ้าคะ”
“ถ้าเช่นนั้น ก็บอกนางว่าใครเป็นคนให้เงินนาง” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เชิดคางขึ้นและยิ้มอย่างเย็นชา “เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับคฤหาสน์ผู้พิทักษ์ หากต้องการทำให้ใครสักคนหายตัวไปจากโลกอย่างเงียบๆ”
แผ่นหลังขอสาวใช้แข็งทื่อด้วยความเย็นยะเยือกที่แล่นไปทั่วกระดูกสันหลัง ก่อนที่นางจะรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว “เจ้าค่ะ” จากนั้น สาวใช้ก็รีบวิ่งไปทางที่เฮ่อเหลียนเวยเวยเพิ่งเดินจากไปในทันที
ต้องบอกว่าความหลงตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ทำร้ายเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ หากไม่ใช่เพราะความเย่อหยิ่ง และความจองหองของนาง นางก็คงไม่สนใจเฮ่อเหลียนเวยเวย และอาจจะจำร่มที่อยู่ในมือของหญิงสาวได้ด้วยซ้ำ
เพราะมันไม่ใช่ร่มธรรมดาทั่วไป แต่เป็นร่มที่เฮ่อเหลียนเวยเวยได้รับตอนที่ชนะการแข่งขันประลองเจ้ายุทธ์ที่เมืองอู่ซิวนั่นเอง
เพียงแต่ว่านางได้ทำการปรับเปลี่ยนมันเล็กน้อย เพื่อจะทำให้มันใช้งานได้ดีมากขึ้น และยังเพิ่มเติมการใช้งานบางอย่างที่ไม่มีอาวุธชิ้นใดทำได้ด้วย
นั่นคือการล่องหน
ตราบใดที่มีอุณหภูมิพอเหมาะ บวกกับมีทิศทางลมที่เหมาะสม ร่มคันนี้ก็จะสามารถสร้างกระแสลมปลอมขึ้นมา และสามารถซ่อนตัวคนที่ถือมันได้โดยอัตโนมัติ
แต่รูปลักษณ์ของมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ครั้งนี้ เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ประมาทเกินไป นางคิดเพียงว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยนั้นเป็นหญิงสาวที่หน้าตาอัปลักษณ์ที่สุดในบรรดาหญิงสาวที่หน้าตาขี้เหร่ทุกคน
เดิมที เฮ่อเหลียนเวยเวยวางแผนว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนกลับสำนักไท่ไป๋ จากนั้นจึงค่อยทาใบหน้า และไปหาชายหนุ่มสองคน เพื่อชวนพวกเขาไปชมการประมูลอาวุธด้วย
แต่ว่าหลังจากที่เฮ่อเหลียนเวยเวยเลี้ยวโค้งตรงมุมๆ หนึ่ง นางก็พบว่ายังมีหางเล็กๆ ที่ยังสะบัดไม่หลุด
หางเล็กๆ นี้กระจอกกว่าหางก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด มันซ่อนลมหายใจของตัวเองไม่เป็นด้วยซ้ำ
แล้วจู่ๆ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็เอนตัวไปด้านข้างและหันหลังกลับอย่างกะทันหัน…