องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 220 สาวใช้ถูกตบ
เกิดลมกระโชกขึ้นบริเวณรอบตัวนาง ราวกับว่ามันมีชีวิต ลมพัดผมของนางให้ลอยขึ้นและกระพือเสื้อคลุมของนางให้ยกขึ้น ดูเหมือนสาวใช้คนนั้นจะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหมุนตัวกลับมาอย่างกะทันหัน นางจึงสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นจึงยืดหลังตรง ก่อนจะควบคุมสติอีกครั้ง แม้ว่านางจะยังเด็กมาก แต่ก็เรียนรู้ความเย่อหยิ่งจากเจ้านายของตัวเองมาได้ถึงเจ็ดแปดส่วน
“แม่นาง คนๆ นี้คือสาวใช้ที่อยู่ข้างน้องสาวเจ้าไม่ใช่หรือ ทำไมนางถึงเดินตามเจ้ามาเล่า” หยวนหมิงยิ้มเยาะมาจากด้านในมิติสวรรค์ เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้ตอบ เพียงแค่ถือร่มเอาไว้ และนางก็ดูงดงามขณะที่ดอกอิงฮวากำลังร่วงหล่น
แม้ว่าเรื่องนี้จะทำให้สาวใช้รู้สึกไม่สบายใจนัก แต่นางก็ไม่ลืมสิ่งที่คุณหนูของตนเองสั่งเอาไว้ นางจึงก้าวไปข้างหน้า และพูดกับเฮ่อเหลียนเวยเวยว่า “คุณหนูคนนี้ เจ้ามาจากหอใดหรือ”
“มาจากหอใดเช่นนั้นหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยถามซ้ำ พร้อมกับจ้องไปที่สาวใช้อย่างเย็นชา
โชคร้ายที่สาวใช้คนนี้อาจจะคุ้นเคยกับความสะดวกสบายและความฟุ้งเฟ้อจากการอยู่เคียงข้างเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ ทำให้นางดูถูกคนอื่นๆ แล้วนับประสาอะไรกับนางโลมเล่า “หากเจ้าไม่อยากบอก ข้าก็ไม่บังคับ” สาวใช้คนนั้นพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ตอนนี้ ข้ามีเงินหนึ่งหมื่นตำลึง และคุณหนูของข้าบอกว่าจะให้เงินนี้กับเจ้า หากเจ้าเผยเคล็ดลับผิวสวยของเจ้ามา”
“อ้อ ที่แท้มีคนจะเอาเงินมาฟาดหัวเจ้า แม่นาง มูลค่าทางการตลาดของเจ้านั้นไปได้สวยทีเดียว” หยวนหมิงพูดไปหัวเราะไป
เฮ่อเหลียนเวยเวยเหลือบมองตั๋วเงินเหล่านั้น “หนึ่งหมื่นตำลึงเช่นนั้นหรือ”
สาวใช้คนนั้นคิดว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยคงไม่เคยเห็นเงินจำนวนมากมายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต จึงเชิดหน้า และพูดจาอย่างหยิ่งผยอง “ใช่แล้ว” แต่นางไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ คือเฮ่อเหลียนเวยเวยจะหัวเราะอย่างขบขัน “หนึ่งหมื่นตำลึงนั้นช่างเป็นเงินจำนวนน้อยยิ่งนัก ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณหนูของเจ้าจะเสนอเงินแค่นี้มาให้ แต่มันอาจจะเพียงพอกับการซื้อตัวสาวใช้อย่างเจ้าก็เป็นได้”
“เจ้า!” สาวใช้โกรธจัด นางไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้จะกล้าขึ้นเสียงกับนางที่เป็นสาวใช้จากคฤหาสน์ผู้พิทักษ์ นางจึงเยาะเย้ย “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ดูเหมือนว่าเจ้าอยากจะหาเรื่องใส่ตัวเสียแล้ว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเหลือบมองสาวใช้ที่กำลังเอะอะโวยวายอย่างเรียบเฉย คำขู่ของสาวใช้นั้นไม่มีผลใดๆ เลย เมื่อเทียบกับเสียงหัวเราะเย้ยหยันของเฮ่อเหลียนเวยเวย มันก็กลับกลายเป็นการส่งเสียงดังโดยไม่จำเป็น และเมื่อเห็นเช่นนั้น สาวใช้ก็ตะโกนเสียงดัง โดยไม่สนใจถึงผลที่จะตามมา “เจ้าคิดว่าตัวเจ้ามีค่าเท่าไหร่หรือ เจ้าก็แค่นางโลมคนหนึ่งเท่านั้น ข้าพูดกับเจ้าอยู่ แต่เจ้ากลับทำราวกับว่าไม่ได้ยินที่ข้าพูด”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองนาง และทันใดนั้น นางก็ยิ้ม และตามด้วย เพี๊ยะ! ตบหน้านางไปหนึ่งครั้ง
สาวใช้ตัวสั่นด้วยความโกรธเคือง และปิดหน้าของตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความแค้นเคือง ดวงตาของนางจ้องไปด้านหน้า และกรีดร้อง “แกกล้าตบข้าหรือ กล้าตบขาเช่นนั้นหรือ นังแพศยา!”
เพี๊ยะ!
เฮ่อเหลียนเวยเวยยกมือตบอีกครั้ง นางยิ้มอย่างเย็นชา และมีเสน่ห์ “ข้าตบเจ้า แล้วทำไมหรือ”
“เจ้า! ข้าจะฆ่าเจ้า” สาวใช้เสียสติไปโดยสิ้นเชิง นางพุ่งตัวเข้าใส่เฮ่อเหลียนเวยเวยพร้อมกับขบฟันกรอด ราวกับว่านางจะไม่หยุดจนกว่าอีกฝ่ายจะตาย
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม สายตาของนางค่อยๆ เผยให้เห็นถึงความเย็นยะเยือกที่นางซ่อนเอาไว้มาตลอด และดวงตาที่ปกติแล้วจะสดใส ตอนนี้กลับดูเย็นชาและเยือกเย็นอย่างไร้การควบคุม ทันใดนั้น นิ้วมือของนางก็เคลื่อนไปในอากาศ ราวกับผีเสื้อเต้นระบำที่วาดลวดลายตัดผ่านอากาศ
ขวับ!
นิ้วมืออันแหลมคมของนางกดเข้าที่คอของสาวใช้แน่น การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วจนสาวใช้ตอบสนองไม่ทัน และเมื่อสาวใช้กลับมาได้สติ ก็มีเลือดหยดมาจากบาดแผลตรงคอที่โดนบาด “เพียงแค่ข้าใช้กำลังเล็กน้อย ก็สามารถตัดหลอดเลือดของเจ้าได้แล้ว” เฮ่อเหลียนเวยเวยถือร่มด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่มืออีกข้าง กำลังถือมีดสีเงินจ่อตรงคอของสาวใช้ ในขณะที่ลมพัดผ่าน ทำให้ผมของนางปลิวขึ้น และนางก็ยิ้มออกมาราวกับปีศาจ “เมื่อถึงตอนนั้น ก็จะไม่ได้มีแค่ใบหน้าของเจ้าที่ได้รับบาดเจ็บ แต่เลือดของเจ้าก็จะกระจายไปทั่ว เจ้าอยากลองหรือไม่เล่า ฟังให้ดี หากเจ้ายังกล้าเรียกข้าว่านังแพศยาอีก ข้ารับประกันเลยว่าเจ้าจะตายอย่างรวดเร็ว”
สาวใช้คนนั้นไม่กล้าตะโกนร้องอีกต่อไป ขาของนางสั่นเทา และกลายเป็นอัมพาตไปด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของนางซีดเผือด ก่อนที่จะทรุดตัวลงกับพื้น
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองนางอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะใช้นิ้วเรียวยาวฉีกตั๋วเงินเหล่านั้น “กลับไปบอกคุณหนูของเจ้าว่าข้าหน้าตาดีมาแต่กำเนิด และนางไม่สามารถเลียนแบบได้ ส่วนเรื่องเงินนั้น อย่าคิดว่านางเป็นเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ที่มีเงินและมีอำนาจ แล้วจะสามารถใช้มือเดียวปิดแผ่นฟ้า ได้ นางควรสั่งสอนสาวใช้ของตนเองให้ดีกว่านี้ มิเช่นนั้น พวกนางจะถูกตบตลอดเวลา”
ขณะที่เศษตั๋วเงินร่วงหล่นลงพื้น สาวใช้ก็มองดูแผ่นหลังของเฮ่อเหลียนเวยเวยที่เดินหายตัวไปไกลขึ้นเรื่อยๆ นิ้วของนางสัมผัสรอยแผลตรงคอของตนเอง และยังคงรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวที่แล่นไปทั่วร่างกาย นางไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้ นางไม่ได้ใช้อาวุธใดๆ เลยด้วยซ้ำ แต่ยังสามารถเอาชนะนางได้ ในฐานะที่นางเป็นสาวใช้ส่วนตัวของเฮ๋อเหลียนเจียวเอ๋อร์และยังฝึกฝนพลังปราณ แต่เมื่อครู่นี้ นางกลับไม่สามารถเอาชนะคนที่ไม่มีพลังปราณได้เลย ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่
นางวิ่งไปตามตรอกยาวด้วยใบหน้าซีดเผือดและหวาดกลัว มือของนางยังคงจับตรงคอของตนเอง โดยไม่กล้าที่จะปล่อยมือ
“คุณหนูเจ้าคะ”
เมื่อเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์หันกลับมาและเห็นเสื้อผ้าของสาวใช้คนนี้เปื้อนเลือดและดูเลอะเทอะ ก่อนที่จะมีใครสังเกตเห็น นางก็รีบดึงตัวอีกฝ่ายไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว นางขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น”
สาวใช้เล่ารายละเอียดทุกอย่างของเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแค้น “บ่าวไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ร้ายกาจเช่นนี้มาก่อนเลยเจ้าค่ะ”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไร แต่เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกโกรธเคืองอย่างมาก นางพยายามระงับความโกรธ แต่สุดท้าย นางก็ระเบิดอารมณ์ออกมา และเตะสาวใช้เข้าที่หน้าอกอย่างโหดเหี้ยม “ช่างไร้ประโยชน์ยิ่งนัก”
สาวใช้ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้วนั้น ทรุดตัวลงกับพื้นหลังจากโดนแรงเตะที่ทารุณ นางบิดตัวด้วยความเจ็บปวดอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์หมุนตัว นางก็กลับมาสู่ท่าทีสงบเรียบร้อย และไร้เดียงสาตามปกติของตนเอง ก่อนจะเดินเข้าไปในฝูงชนราวกับเป็นคุณหนูผู้โดดเด่นและมีมารยาทดี แต่ในใจของนางกำลังคิดหาวิธีเป็นร้อยเป็นพันที่จะตามหาผู้หญิงคนนั้นแล้วฉีกร่างของนางออกเป็นชิ้นๆ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาที่ไม่สามารถซ่อนไว้ได้
ในฐานะที่ฮูหยินซูเป็นแม่ นางจึงรับรู้ได้ว่าตนเองต้องก้าวเข้ามาช่วย นางส่งคนไปพาสาวใช้คนนั้นออกไป และเดินมาหาเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ ก่อนจะแตะมือของนางอย่างแผ่วเบา และพูดขึ้น “ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการประลองยุทธ์ ทำไมเจ้าถึงต้องไปสนใจเด็กสาวบ้านนาคนหนึ่งด้วย รอก่อนเถอะ ทันทีที่เปิดการประมูลแล้ว ทุกคนก็จะรู้เองว่าเจ้าคือคนที่สมควรได้รับความสนใจเพียงคนเดียวเท่านั้น!”