องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 241 คืนส่งตัว
เท้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยสัมผัสกับพื้นดิน นางมองชายชราที่มีสภาพราวกับเทียนที่ใกล้จะมอดดับนั้น ทั้งเปราะบางและไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
“หุบเขาจิ้งจอกใกล้จะปิดแล้ว เจ้าต้องออกไปให้เร็วที่สุด เมื่อเจ้ามีพลังวิญญาณของอาตมาอยู่ด้วย ตลอดเส้นทางการเดินทางของเจ้าย่อมง่ายดายขึ้นมาก ทันทีที่เจ้าออกไปจากหุบเขาจิ้งจอก ให้เดินเข้าไปในถ้ำ แล้วเดินต่อไปจนสุดทาง จากนั้นเจ้าจะไปถึงเมืองหลวงได้ อาตมาขอให้เจ้าสามารถไปถึงได้ทันเวลา”
หลังจากที่ชายชราพูดจบ ศีรษะของเขาก็พับลง ร่างของเขาดูราวกับคนขาดน้ำ แล้วกลายเป็นผงสีขาวสว่างไสว สิ่งเดียวที่เหลืออยู่จากร่างของเขาคือเถ้ากระดูกเท่านั้น
“เก็บเถ้ากระดูกไว้”
นึกไม่ถึงว่าในเวลานี้ หยวนหมิงจะส่งเสียงขึ้นมาจากในมิติสวรรค์
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว ”ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นอะไรไปหรือ”
“ผู้ที่จากไปเมื่อครู่นี้เป็นพระภิกษุรูปเดียวที่อยู่มามากกว่าหนึ่งร้อยปี ดูจากความสามารถของข้าในปัจจุบัน หากต้องเผชิญหน้ากับพระที่มีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจึงทำได้เพียงแค่หลบซ่อนตัวอยู่ในมิติสวรรค์เท่านั้น มิฉะนั้นข้าก็มีแต่จะทำให้เจ้าต้องตกอยู่ในอันตราย” หยวนหมิงอธิบาย ”ตอนนี้เมื่อเขาจากไปแล้ว และทิ้งเถ้ากระดูกนี้เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายไว้ให้เจ้า เถ้ากระดูกของพระที่มีชื่อเสียนั้นมีค่ายิ่งกว่าน้ำอมฤตเสียอีก หลังจากที่เจ้ากินมันเข้าไป พลังปราณของเจ้าจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาลแน่นอน”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเอ่ยเบาๆ ”ไม่ล่ะ ข้าไม่อยากกิน”
“แม่นาง เจ้านี่ประหลาดยิ่งนัก เจ้ามักจะใช้วิธีการอันไร้ซึ่งมนุษยธรรมเพื่อจัดการสิ่งต่างๆ แท้ๆ แต่กลับยืนกรานกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านี้” ริมฝีปากของหยวนหมิงกระตุกขึ้นอย่างชั่วร้าย
เฮ่อเหลียนเวยเวยก้มตัวลงหยิบเถ้ากระดูกอันนั้น แล้วเก็บมันไว้กับตัว ”ไปเถอะ พวกเราไปหาทางออกกันดีกว่า”
คนสองคนเดินเคียงกันอยู่ในความมืด โชคดีที่ทั้งสองมีฝีมือพอตัว ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่สามารถเดินออกจากหุบเขาจิ้งจอกได้ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม แต่ใช่ว่าการออกจากหุบเขาจิ้งจอกได้จะหมายความว่าทุกอย่างจะจบลงแล้ว พวกเขายังต้องเดินหน้าต่อไปอีกยาวไกล ไกลมากทีเดียว หากพวกเขาเดินตามเส้นทางนี้ไปเรื่อยๆ มันก็จะยิ่งมืดขึ้น ชายชราบอกว่าเส้นทางนี้จะนำพวกเขาไปสู่เมืองหลวง แต่เขาไม่ได้บอกตำแหน่งที่แน่ชัดว่าคือตรงไหน
ถ้ำแห่งนี้ดูเหมือนจะยาวออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันมืดเสียจนมองไม่เห็นแม้กระทั่งมือของตัวเองด้วยซ้ำ รอบด้านเต็มไปด้วยพืชพรรณที่ไม่รู้จักชื่อและก้อนหินรูปร่างแปลกประหลาดหน้าตาน่ากลัวที่มีอยู่ทุกหนแห่ง มันมีลักษณะเหมือนใบหน้าของปีศาจ เขี้ยวของหมาป่าโลหิต และกระดูกที่หักเป็นชิ้นของเทพปีศาจ หินเหล่านี้มีมุมไม่เท่ากัน กล่าวได้ว่าหินพวกนี้มีลักษณะเหมือนกับหนาม เป็นหนามหินได้เลยทีเดียว!
เสื้อผ้าที่เฮ่อเหลียนเวยเวยสวมมาตลอดทางขาดเป็นริ้วจากหินอันแหลมคมนั้น นางไม่สนใจ และทำเพียงจับมือของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอาไว้ แล้วเดินหน้าต่อไป ด้วยกลัวว่าเขาจะถูกบาดเอาได้
แต่เสียงนั้นกลับปลุกสัตว์หากินกลางคืนบางประเภทเข้า เสียงกระพือปีกดังลั่น พร้อมกับจุดสีแดงเลือดที่ขยับไปมาอย่างรวดเร็วเพราะได้กลิ่นอันหอมหวานของเลือด พวกมันอยู่เงียบๆ มานานและตอนนี้ก็เริ่มที่จะอดใจไว้ไม่อยู่แล้ว ดวงตาสีแดงเลือดคู่นั้นจ้องมองผู้บุกรุก พร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่พวกเขาและดูดกินเลือดให้แห้งจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
มันคือค้างคาวดูดเลือด!
เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตา มีดสีเงินเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของนางทันที นางเตรียมพร้อมที่จะสู้ ”ไปยืนข้างหลังข้า”
“ได้” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก้าวถอยหลัง เขาไม่ได้ก้มหน้าลง แต่กลับจ้องมองเด็กสาวที่ยืนอยู่หน้าตนอย่างลึกล้ำ แววตาหยอกเย้าปรากฏขึ้นภายในรอยยิ้มของเขา พร้อมกับแสงสว่างเล็กๆ ที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน สภาพโดยรอบไม่อาจส่งผลกระทบต่อความมืดและความเย็นชาของเขาได้เลย ในเวลานี้ชุดสีขาวและเสื้อคลุมสีเขียวดูเหมือนจะถูกย้อมเป็นสีดำ ห่อหุ้มร่างเพรียวสมบูรณ์แบบของเขา ทำให้เขาดูสูงขึ้นกว่าเดิม และดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
เงาสูงใหญ่อันไร้ที่ตินั้นสูงชะลูดขึ้นไปถึงโพรงถ้ำ ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาดุจน้ำแข็งไร้ซึ่งอารมณ์ ดวงตาคู่นั้นเย็นชาราวกับรัตติกาล ว่างเปล่าไร้ความรู้สึก และดึงดูดความสนใจของบรรดาค้างคาวดูดเลือดได้ในทันที ดวงตารีของเขาที่อยู่ภายในผ้าขาวเผยความรู้สึกอันยากเกินต้านทาน ดูเหมือนความบ้าคลั่งอันไร้การควบคุมที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
ดูเหมือนค้างคาวดูดเลือดพวกนั้นจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จู่ๆ พวกมันก็สงบลง และไม่กล้าที่จะบินเข้ามา…
ระหว่างที่เฮ่อเหลียนเวยเวยยังตกอยู่ในความสงสัย ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็เอ่ยว่า ”หรือพลังวิญญาณที่ไต้ซือรูปนั้นส่งให้กับเจ้าจะเกิดผลแล้วกระมัง พวกมันก็เลยกลัวจนไม่กล้าขยับ”
“น่าจะนะ…” เฮ่อเหลียนเวยเวยยังไม่เชื่อนัก พลังวิญญาณมีผลเช่นนี้ด้วยหรือ
เสียงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแผ่วเบา ”ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกันเถอะ ไม่รู้ว่าถ้าพลังวิญญาณพวกนั้นหายไป แล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีก”
“ได้” นิ้วของเฮ่อเหลียนเวยเวยกำแน่นขึ้น แล้วสาวเท้าออกเดินไปข้างหน้า ”พวกเราต้องรีบออกไปแล้ว หากข้าไปไม่ทันการประลองยุทธ์ในวันพรุ่งนี้ องค์ชายบางองค์คงได้ฆ่าข้าแน่”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชะงัก แล้วเลิกคิ้วขึ้น ”ฆ่าเจ้าหรือ ทำไมล่ะ”
“ระหว่างเรามีข้อตกลงบางอย่างร่วมกันอยู่” เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ”ข้าต้องได้เป็นที่หนึ่งในการประลองยุทธ์”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแค่นหัวเราะ ”อย่าบอกนะว่าเจ้าอยากแต่งงานกับเขา”
เท้าข้างหนึ่งของเฮ่อเหลียนเวยเวยถึงกับลื่นพรืด
“ข้าคงเดาถูก” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดต่อพร้อมกับเดินไปด้วย ”การแต่งงานกับเขาก็ไม่ได้แย่นัก ทุกคนก็พูดมิใช่หรือว่าเขาเป็นผู้ชายอันดับหนึ่งของเมืองหลวง”
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกว่าการที่คู่หูของนางเอ่ยชมเช่นนี้นับว่าแปลกประหลาดยิ่งนัก
“อืม ข้าไม่ได้อยากแต่งงานกับเขาเพราะเรื่องนั้น” ในเมื่อไม่มีใครอยู่ที่นี่ เฮ่อเหลียนเวยเวยจึงไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก อีกอย่างการพูดคุยก็ทำให้พวกนางตื่น ไม่เผลอหลับไปเสียก่อน ดูเหมือนว่าการเดินลอดถ้ำนั้นยังต้องกินเวลาอีกนานพอสมควร พวกนางจำต้องหาเรื่องมาคุยกันเพื่อไม่ให้เบื่อ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหรี่ตาลงอย่างอันตราย ”เช่นนั้นทำไมเจ้าถึงอยากแต่งงานกับเขาล่ะ”
“เอ่อ” เฮ่อเหลียนเวยเวยหลบค้างคาวดูดเลือดตรงหน้า ”เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้หรอก”
ผ่านไปอึดใจหนึ่ง
ใบหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเย็นชา น้ำเสียงของเขายานคาง ”เจ้าไม่กลัวว่าองค์ชายสามจะรู้ว่าเจ้าแต่งงานกับเขาเพราะจุดประสงค์อื่นหรือ”
“เขารู้มาตั้งแต่แรกแล้ว” เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดโดยไม่ได้หันหน้ากลับไปมอง ”อีกอย่าง ที่เขาแต่งงานกับข้าก็เพราะเขามีแผนการของตัวเองอยู่แล้วด้วย”
“หือ” เขาอยากฟังเสียเหลือเกินว่านางคิดว่าเขาแต่งงานกับนางด้วยสาเหตุอันใด
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว ”เจ้าลืมไปแล้วหรือ ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกเจ้าแล้วนี่ว่าองค์ชายสามชอบบุรุษ แน่นอนว่าข้าเองก็ยังไม่มั่นใจนัก แต่เขาคงอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องหาชายามาเพื่อความสะดวกสบายกระมัง”
“ก็เลยใช้การแต่งงานกับเจ้าเพื่อความสะดวกนั่นน่ะหรือ” น้ำเสียงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแสดงความขบขันออกมาอย่างชัดเจน
เฮ่อเหลียนเวยเวยได้ยินความขบขันในน้ำเสียงของเขา ”อย่าดูถูกข้าไป ข้าเองก็จู้จี้ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน”
“แล้วในคืนส่งตัวของการแต่งงานล่ะ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยถามอย่างระมัดระวัง
เฮ่อเหลียนเวยเวยเม้มริมฝีปากบาง ”การแต่งงานเป็นเพียงสัญญา แน่นอนว่าย่อมไม่มีอะไรในคืนส่งตัวอยู่แล้ว ข้าสงสัยนักว่าหากไม่เมา องค์ชายสามจะมีอารมณ์กับคนอื่นได้หรือไม่ เขาดูเหมือนกับน้ำแข็งก้อนใหญ่ตั้งแต่หัวจรดเท้า”
“ข้าว่าองค์ชายสามคงคิดว่าสิ่งที่เจ้าพูดตอนนี้น่าสนใจมากทีเดียว” ไม่มีอารมณ์กับคนอื่นหรือ น้ำแข็งก้อนใหญ่หรือ
หึ ดี ดียิ่งนัก
เขาจะต้องมอบ ’คืนอันน่าจดจำ’ ให้กับนาง และเติมเต็มคืนส่งตัววันแต่งงานให้อย่างแน่นอน!