องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 242 ทางออกสำหรับทั้งสอง
ครืน
พายุฝนโหมกระหน่ำ ณ คฤหาสน์ผู้พิทักษ์ที่อยู่ลึกเข้าไปในเมืองหลวง
ซูเหยียนโม่ถือหวีไม้เอาไว้ในมือพลางสางเส้นผมของตัวเอง หางตาของนางเหลือบไปเห็นร่างอันอัปลักษณ์ร่างหนึ่งยืนอยู่ข้างหลัง
ซูเหยียนโม่ตกใจแทบสิ้นสติ หวีไม้ในมือของนางร่วงลงกับพื้น
ร่างนั้นค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของนาง แล้วพูดกับนางด้วยเสียงอันเบาว่า ”ข้าจัดการภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ไม่มีคนชื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป แจ้งให้พระชายารู้เสีย นางจะได้ทุ่มสมาธิไปกับการประลองยุทธ์ และการหาทางขึ้นเป็นผู้ฝึกปราณระดับสามดาวได้เสียที”
ดวงตาของซูเหยียนโม่ปรากฏร่องรอยแห่งความพึงพอใจทันทีที่นางได้ยินข่าวนี้ นางคิดไม่ถึงว่าเหล่าผู้อาวุโสจะลงมือรวดเร็วถึงเพียงนี้ ”ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าศพของเฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่ที่ใด มันอาจจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ในภายหลัง”
ร่างในชุดคลุมชะงักไป ”นางตกลงไปจากหน้าผาพร้อมกับศิษย์คนหนึ่งในสำนัก ในเวลานี้การจะค้นหาร่างนางในสภาพสมบูรณ์ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจในเรื่องที่ไม่จำเป็น เหล่าผู้อาวุโสจะจัดคนเข้าไปในการประลองยุทธ์วันพรุ่งนี้ น้ำชาที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะได้ดื่มนั้นล้วนแต่ถูกพวกข้าวางยาพิษเอาไว้แล้วทั้งสิ้น ตราบใดที่พระชายาไม่ดื่มมัน ผู้ชนะในรอบชิงชนะเลิศย่อมเป็นนาง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูเหยียนโม่ก็มีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นมาในใจ
ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มลงมือแล้วหรือ
“เหล่าผู้อาวุโสต้องการใช้โอกาสตอนที่อดีตฮ่องเต้เสด็จมาทอดพระเนตรการประลองยุทธ์เพื่อกำจัดเขาหรือ”
เงาของชายคนนั้นขยับ เผยให้เห็นเล็บสีดำที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุม เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า ”เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า จงสนใจแต่เรื่องที่เจ้าต้องรับผิดชอบก็พอ”
ดูเหมือนซูเหยียนโม่จะเกรงกลัวคนในชุดดำนั้นเป็นอย่างมาก นางไม่ถามอะไรต่อ และเพียงรอให้เขากลับไป นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ไม่อาจรอเฉยได้อีกต่อไป นางหันหน้าไปนอกห้อง แล้วเรียกสาวใช้เข้ามารับคำสั่ง ”เรียกคุณหนูรองมาที่นี่ ข้ามีบางอย่างจะคุยกับนาง”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ขอตัวออกไปตามหาคุณหนู
เวลานี้ยามค่ำคืนเริ่มเข้าสู่ช่วงดึกสงัด
ท้องฟ้าในเมืองหลวงค่อยๆ ถูกย้อมเป็นสีเขียว
เช้าวันต่อมา เสียงกลองระเบิดก้อง ผู้เข้าแข่งขันที่ยืนต่อแถวกันอยู่ต่างก็เดินเข้าสู่สนามประลอง
ชายชราในชุดสีขาวกางแขนต้อนรับทุกคน เวทียกระดับที่เดิมทีก็อยู่เหนือจากพื้นขึ้นไปหลายจั้งพลันถูกยกให้สูงขึ้นไปยิ่งกว่าเดิม!
ผู้คนที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองสามารถมองเห็นทุกการเคลื่อนไหวบนเวทีได้อย่างชัดเจน!
ทันทีที่เสียงปืนไฟดังขึ้น เสียงดังกังวานเปี่ยมไปด้วยพลังของชายชราประกาศขึ้นว่า ”เริ่มการประลองยุทธ์อย่างเป็นทางการได้ ณ บัดนี้!”
ลึกเข้าไปภายในโพรงถ้ำที่ซ่อนอยู่คือเฮ่อเหลียนเวยเวยที่เดินทางมาตลอดทั้งคืน นางเงี่ยหูฟังอะไรบางอย่าง ดวงตาของนางเป็นประกาย ”เหมือนจะมีอะไรเคลื่อนไหว มันเป็นเสียงของน้ำนี่นา!”
ถ้าพวกนางสามารถได้ยินเสียงน้ำไหลจากที่นี่ได้ ย่อมหมายความว่าพวกนางน่าจะอยู่ไม่ไกลจากทางออกมากนัก
แต่ยิ่งพวกนางเดินเท่าไหร่ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
มันใช้เวลานานเกินไป
เฮ่อเหลียนเวยเวยหยุดเดิน แล้วก้าวเข้าไปสำรวจสัญลักษณ์รูปวงกลมที่อยู่บนผนัง
รอยพวกนี้คือสัญลักษณ์ที่นางใช้มีดสั้นทำไปตอนที่นางได้ยินเสียงน้ำ
หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ พวกนางเดินกลับมาที่เดิม!
เวลาผ่านไปทีละน้อย
อีกทั้งภายนอกก็สว่างขึ้นเรื่อยๆ แล้วด้วย
จากจุดที่อดีตฮ่องเต้ยืนอยู่ เขามองเห็นอะไรไม่ได้มากนัก แต่เขาก็สามารถเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีได้อย่างชัดเจน
ที่ด้านหลังของเขานั้นคือลูกน้องที่เขาเชื่อใจ คนคนนั้นเป็นเสนาบดีระดับสูงของราชวงศ์
เพียงแต่ในเวลานี้ อดีตฮ่องเต้คงมีความสุขยิ่งนักหากได้นั่งอยู่บนเก้าอี้ทั้งวัน
เครื่องดื่มบำรุงกำลังสำหรับอดีตฮ่องเต้ที่วางอยู่บนโต๊ะตัวนั้นเป็นสิ่งที่พวกขันทีซุนเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าหลายวัน เครื่องดื่มแต่ละชนิดได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน แล้วจึงส่งมาให้กับอดีตฮ่องเต้
แม้กระทั่งบรรดาผู้เข้าแข่งขันในการประลองยุทธ์ก็ยังได้รับน้ำชาเพื่อรักษาเรี่ยวแรงจากหอเฟิ่งหวงโดยไม่ต้องจ่ายเงินสักแดงเดียวอีกด้วย
ปกติแล้วเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์โปรดปรานชาของหอเฟิ่งหวงมากทีเดียว แต่วันนี้นางกลับพกกาน้ำชาใบเล็กติดตัวมาด้วย นางสวมเพียงชุดสีพื้น และเครื่องประดับที่ราคาไม่สูงมากนัก แต่ส่วนเว้าโค้งบนร่างของนางกลับโดดเด่นสะดุดตาอย่างยิ่ง รูปร่างของนางงดงามและดูนิ่มนวลราวกับดอกบัว คนที่เห็นภาพนี้แทบจะควบคุมความต้องการอยากครอบครองตัวนางเอาไว้ไม่ไหว
นางยืนอยู่บนเวที แล้วกล่าวว่า ”มาเริ่มกันเถอะ”
ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่นาง
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ดูจะพอใจกับสายตาที่นางได้รับ นางเชิดคางสวยของตนขึ้นเล็กน้อย ความพอใจปรากฏขึ้นที่มุมปาก ตอนที่นางหันไปมองคู่ต่อสู้ นางก็ยิ้มกลับไปให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร ทุกคนล้วนแต่คิดว่านางช่างเป็นคนที่จิตใจอ่อนโยนนัก
“คุณหนูรอง เช่นนั้นข้าจะไม่ขอออมมือ” คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ฝีมือกระจอก ตั้งแต่อายุยังน้อย เขาก็สามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นธาตุไม้ระดับแปดได้อย่างง่ายดาย บางทีหากฝึกฝนอีกสักนิด เขาก็น่าจะทะลวงปราณกลายเป็นธาตุทองได้
แต่แล้วในตอนที่คู่ต่อสู้กำลังเริ่มรวบรวมพลังปราณ เขาก็สัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์สบโอกาส นางใช้ดาบใหญ่ในมือวาดตรงเข้าไปที่ลำคอของเขา
ชายคนนั้นชะงัก พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ”ข้าแพ้แล้ว” แต่… เขาคิดไปเองหรือ ทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บหน้าอกตอนที่รวบรวมพลังปราณล่ะ
“เป็นการประลองที่ดีทีเดียว”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เก็บดาบใหญ่ของตน ชายคนนั้นเดินลงจากเวที ใบหน้าของเขาฉาบไปด้วยความอับอาย
เป็นที่แน่ชัดว่าผลของการประลองครั้งนี้ย่อมเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของทุกคน อย่างไรเสียความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ก็ไม่ได้แตกต่างจากเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์มากนัก
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ทะลวงปราณขึ้นไปได้อีกครั้งแล้วหรือ
หากมิได้เป็นเช่นนั้น นางจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่ฝีมือสูสีกับตัวเองด้วยดาบเดียวได้อย่างไร!
ดูเหมือนว่าคนที่จะชนะเลิศในครั้งนี้ก็คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากนาง
ทุกคนเต็มไปด้วยความเลื่อมใสต่อเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ขณะที่มองนาง
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ยิ้ม และเชิดหน้าสูงขึ้น
“พี่รอง ท่านช่างยอดเยี่ยมทีเดียวเชียว!” เฮ่อเหลียนเหมยคว้าแขนเสื้อยาวของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ”ท่านคงไม่เห็นละสิว่าคนพวกนั้นมองท่านด้วยความเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก สายตาเหมือนกับที่พวกเขาใช้มองเทพยดาไม่มีผิด! ถ้านังแพศยานั่นอยู่ที่นี่ก็คงจะดี เช่นนั้นนางก็จะได้เห็นภาพนี้ แล้วเข้าใจได้เสียทีว่าความแข็งแกร่งจริงๆ นั้นเป็นเช่นใด คนอย่างนางไม่คู่ควรกับลูกเตะสักลูกของท่านด้วยซ้ำ”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ดวงตาของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็แปรเปลี่ยนเป็นชั่วร้าย นางพูดอย่างมีเลศนัยว่า ”นางคงไม่มีโอกาสได้เห็นภาพนี้อีกแล้ว”
“ทำไมล่ะ” เฮ่อเหลียนเหมยถาม พร้อมกับยื่นมือออกไปหยิบถ้วยชาที่สาวใช้ส่งมาให้
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์มองเฮ่อเหลียนเหมย แล้วขมวดคิ้ว ”ท่านแม่ไม่ได้บอกให้เจ้าเตรียมกาน้ำชามาหรือ”
“นางบอกข้าแล้ว แต่ท่านพี่ ท่านไม่คิดหรือว่าในเมื่อพวกเราอุตส่าห์เดินทางมาก็ตั้งไกล หากไม่ได้จิบชาที่หอเฟิ่งหวงจัดเอาไว้ให้ฟรีๆ เช่นนั้นก็คงน่าเสียดายแย่” เฮ่อเหลียนเหมยเป่าควันของชาร้อนในมือ
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ไม่ตอบ ราวกับกำลังรู้สึกลังเลอยู่
เฮ่อเหลียนเหมยช้อนตาขึ้น แล้วปรับสายตาของนางใหม่ ”พี่รอง หลังจากวันนี้ไปหากข้ามีปัญหาอะไร ขอให้ท่านช่วยข้าเรื่องการเงินด้วยได้หรือไม่ หากท่านชนะการประลองยุทธ์ครั้งนี้ อนาคตของท่านก็จะรุ่งเรือง ข้าจะไม่ขอเรื่องอื่นอีก แต่ข้าหวังว่าท่านจะช่วยอนุเคราะห์ให้ฮว๋ายหนานเข้าไปทำงานเป็นเวลาสั้นๆ ภายในราชสำนักได้บ้าง”
“ข้าจะช่วยหาทางให้” น้ำเสียงของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ราบเรียบในตอนที่นางให้สัญญากับน้องสาว มุมปากของนางเผยความเย้ยหยันออกมา
เฮ่อเหลียนเหมยที่กำลังคิดหาวิธีขอความช่วยเหลือจากว่าที่พระชายาขององค์ชายสามในอนาคตอยู่ไม่ทันสังเกตเลยว่าคำพูดของอีกฝ่ายแฝงไปด้วยความรำคาญใจ…