องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 25 คาดไม่ถึงว่าจะเป็นนาง
เอ่อ…
แม้หนานกงเลี่ยจะรู้อยู่แล้วว่ามีบางอย่างผิดพลาดไป แต่เขาก็ยังคงยกยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “มิทราบว่าคุณหนูเฮ่อเหลียนอยู่ที่ไหนหรือ”
“ข้าอยู่นี่” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย แพขนตาหนาปิดบังดวงตาของนางเอาไว้ แม้ว่านางงดงาม แต่ก็ไม่ใช่คนที่พวกเขากำลังตามหาตัวอยู่
หนานกงเลี่ย “….”
ตอนที่คนในห้องหนังสือได้ยินว่าคนที่พวกเขากำลังหาตัวอยู่คือคุณหนูเฮ่อเหลียน ทุกคนต่างก็พากันคิดว่าเขากำลังพูดถึงเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ผู้มีความสามารถและงดงามผู้นี้ ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงวันเดียว นางก็กลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งสำนักไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลูกศิษย์ หรือแม้กระทั่งอาจารย์เองต่างก็พูดถึงเด็กสาวผู้นี้กันทั้งนั้น
และนั่นจึงเป็นสาเหตุของความเข้าใจผิดในครั้งนี้
หนานกงเลี่ยกัดฟันอยู่ในใจ หัวใจของเขาปวดร้าวด้วยแรงโทสะ แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงเปื้อนรอยยิ้มจนกระทั่งเดินออกไปจากห้องด้วยท่วงท่าอันสง่างาม
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดชายหนุ่มทั้งสองจึงกล่าวว่าจะมาหานาง แต่กลับออกไปโดยไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็พอใจยิ่งนักกับการได้เป็นจุดสนใจ ยิ่งตอนที่พวกเขาเดินเข้ามาหา นางพอใจเสียเหลือเกินที่ได้เห็นสายตาอิจฉาริษยาพวกนั้น
“ท่านพี่ พวกเขาชอบท่านหรือเปล่านะ” เฮ่อเหลียนเหมยเอ่ยด้วยความอิจฉา
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เองก็คิดเช่นนั้น แต่นางรู้ดีว่าที่นี่มีสายตาของผู้คนมากมายกำลังจับจ้องนางอยู่ นางจึงไม่อาจแสดงความรู้สึกของตนออกไปได้ จึงทำได้เพียงกัดริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยอย่างเขินๆ ว่า “เจ้าอย่าพูดอะไรมั่วซั่วน่า!”
แต่น้ำเสียงของนางนั้นแสดงให้เห็นว่านางมีความสุขเพียงใด
เฮ่อเหลียนเมยพูดต่อ “พวกเขาต้องชอบท่านแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มาหาท่านถึงที่นี่หรอก หลังจากที่เห็นท่าน พวกเขาคงรู้สึกว่าการกระทำของตนเองหยาบคายเกินไป ก็เลยกลับไปโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ”
“ข้าไม่พูดกับเจ้าแล้ว เดี๋ยวเจ้าจะล้อข้าเอาได้!” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เดินลงส้นเท้าด้วยความเขินอาย ก่อนจะกลับไปนั่งลงบนเตียงของตน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสุข คล้ายคนที่อยู่ในห้วงแห่งความรัก
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หนานกงเลี่ยกำลังวิ่งไล่หลังคนผู้หนึ่งอยู่ พร้อมกับตะโกนไปด้วย “มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด อาเจวี๋ย เป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด ข้าไม่เคยทำผิดพลาดเช่นนี้มาก่อน มันเป็นความผิดของคนพวกนั้นต่างหาก พวกนั้นเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ก็เลยคิดว่าคนที่ข้าหาตัวอยู่คือเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์…”
“นางไม่ได้อยู่ที่หอนั้นหรอก” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตัดบทหนานกงเลี่ยอย่างไม่ใส่ใจ พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ
หนานกงเลี่ยไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะ”
“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่านางเป็นขยะไร้ค่า” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ้มเยาะ พลางเลียริมฝีปากที่บาดเจ็บของตน เสน่ห์อันชั่วร้ายและเย็นยะเยือกลอยออกมาจากดวงตาของเขา “นางน่าจะเหมือนกับพวกเรา อยู่ในหอที่แย่ที่สุด”
หนานกงเลี่ยกลืนน้ำลายเมื่อเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย พอตั้งสติได้ก็เห็นว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยล่วงหน้าไปไกลแล้ว เขาจึงได้แต่ยืนไว้อาลัยให้กับใครคนนั้นเงียบๆ
ในเมื่ออาเจวี๋ยพูดแบบนั้น ก็หมายความว่าเขาจะเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง
อันที่จริงถ้าคนที่หา ‘เจ้าแมวน้อย’ เจอคือเขา บางทีนางก็อาจจะไม่ต้องตายอย่างทรมานนัก
แต่ถ้าอาเจวี๋ยลงมือเอง…
หนานกงเลี่ยเสียวสันหลังวาบ ขนลุกไปทั่วร่าง ริมฝีปากของเขาหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มอันชั่วร้าย การแสดงที่แท้จริงกำลังจะเริ่มแล้ว!
“อาเจวี๋ย เราไปพังประตูห้องพวกนางทีละคนกันเลยดีไหม”
“ทำไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ถ้าเจ้าอยากไป ก็ไปคนเดียวแล้วกัน ข้าจะไปอาบน้ำ”
“อาบน้ำอีกแล้วหรือ ยังไม่ถึงวันดี เจ้าก็อาบน้ำไปตั้งห้าครั้งแล้วนะ ไม่คิดว่ามันมากเกินไปหรือ” หนานกงเลี่ยแค่นหัวเราะ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยปล่อยให้คนที่อยู่ด้านหลังพูดต่อไป เขาถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก ประกายชั่วร้ายฉายวาบขึ้นในดวงตาสีเข้มของเขา
ในเมื่อรู้แล้วว่านางอยู่ที่ไหน ยังจะต้องรีบร้อนไปทำไม
คราวนี้เขาอยากรู้นักว่าแมวน้อยที่ขาหักจะวิ่งหนีไปได้อย่างไร…
“ฮัดเช้ย!”
สายลมยามค่ำคืนพัดเข้ามา เฮ่อเหลียนเวยเวยที่ถือขันอาบน้ำเอาไว้ในมือจามออกมาเสียงดัง ก่อนจะยกมือขึ้นลูบปลายจมูกของตน
สำนักไท่ไป๋แห่งนี้ดีไปเสียทุกอย่าง เว้นก็แต่ความจริงว่าที่นี่เองก็มีปัญหาเดียวกันกับที่ทุกสำนักภายใต้ผืนฟ้าแห่งนี้ต้องเผชิญ นั่นก็คือ การอาบน้ำที่ไม่มีความสะดวกเลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่ว่าห้องจะกว้างขวางหรือสะดวกสบายเพียงใด แต่พวกเขาก็ไม่ได้สร้างห้องอาบน้ำเอาไว้ในหอพัก
แน่นอนว่าการอาบน้ำในยุคโบราณก็คงไม่ได้น่าอภิรมย์เหมือนดังเช่นในยุคปัจจุบัน
แค่มีถังไม้ใบใหญ่ๆ สักใบ เอาน้ำใส่ในถัง แล้วก็โรยกลีบดอกไม้ตามลงไป จากนั้นก็แช่ตัวสักพัก แค่นั้นก็เรียกว่าการอาบน้ำแล้ว
แต่สำนักไท่ไป๋ก็ถือว่ายังดีกว่าที่อื่นมาก เพราะที่นี่มีน้ำพุร้อนจากภูเขาหลายลูก จึงสามารถสร้างห้องอาบน้ำที่กั้นด้วยประตูไม้ไผ่ได้อย่างเป็นกิจลักษณะ ทั้งยังแยกสำหรับชายหญิงเอาไว้ด้วย
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้กังวลอะไรมากนัก นางถือผ้าขนหนูสีขาวกับกลีบดอกไม้แห้งไว้ในมือ แล้วดึงประตูไม้ไผ่ทางด้านซ้ายมือออกอย่างแรง!
สายตาสองคู่สบกัน
ทันใดนั้นสายตาของนางก็ประสานเข้ากับดวงตาเรียวรีสีดำสนิทคู่หนึ่ง…
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านางมีรูปร่างที่ทำให้บรรดาสาวๆ คลั่งไคล้จนแทบสิ้นสติ ช่วงขาเรียวยาว เอวคอด ไหล่กว้าง ทั้งยังมีกล้ามท้องเป็นลอน เหมือนพระเจ้าตั้งใจแกะสลักชายผู้นี้ขึ้นมาอย่างประณีต บนร่างของเขาไม่มีจุดบกพร่องให้เห็นแม้แต่จุดเดียว
ชายหนุ่มน่าจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เส้นผมนุ่มๆ ระหน้าผากอันเปียกชื้นของเขาถูกมือข้างหนึ่งเสยขึ้นไปเหนือศีรษะ เผยให้เห็นแหวนบนนิ้วก้อยของเขา เพชรเม็ดงามบนแหวนนั้นสะท้อนแสงระยิบระยับ เมื่อบวกกับกลิ่นอายชั่วร้าย และหยิ่งผยองที่มีมาแต่กำเนิดของเขา ก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มดูเหมือนกับราชาที่ตรวจตราอาณาเขตของตน ความกดดันที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืนได้แม้แต่คนเดียว!
แต่เรื่องเหล่านั้นไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นก็คือ ถึงท่านจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็ควรจะมีผ้าสักผืนปกปิดตัวเองเอาไว้บ้างสิ!
เฮ่อเหลียนเวยเวยต้องทนดื่มด่ำกับภาพของชายหนุ่มผู้น่าหลงใหลที่เพิ่งขึ้นจากอ่างอาบน้ำตรงหน้านี้อย่างจำยอม แต่ก่อนที่แก้มทั้งสองของนางจะทันได้ขึ้นสี ร่างของนางก็เกร็งขึ้นมาทันที
เดี๋ยวก่อนนะ ผู้ชายคนนี้ดูคุ้นตาอย่างไรชอบกล…
เขานั่นเอง!
ชายผู้โชคร้ายที่ถูกนางจูบเข้าโดยพละการ!
ประหนึ่งสัตว์ตัวน้อยที่กำลังเผชิญหน้ากับสัตว์อันตราย ปฏิกิริยาแรกของเฮ่อเหลียนเวยเวยหลังจากเห็นหน้าตาของชายคนนั้นคือหันหลังกลับในทันที!
แต่โชคร้ายที่สายเกินไปเสียแล้ว…
คอเสื้อด้านหลังของนางถูกคว้าเอาไว้ในมือ แม้แรงที่ใช้จะไม่ได้มากมายนัก แต่ก็เพียงพอที่จะตรึงนางไว้กับที่
ยิ่งกว่านั้น จมูกของนางยังถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นหอมเย็นๆ จากชายหนุ่มที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ จู่โจมรุนแรงราวกับจะกลืนกินนางเข้าไปทั้งตัว
ทันทีที่เฮ่อเหลียนเวยเวยเงยหน้าขึ้น นางก็ถูกดวงตาอันลึกล้ำประหนึ่งบ่อน้ำโบราณคู่นั้นดูดเข้าไป
ดวงตาคู่นั้นดูไม่เป็นมิตรกับนาง มันชั่วร้าย เย็นชา และไร้ความปรานี เหมือนดอกปี่อั้น [1] ที่เบ่งบานอยู่ในแดนอเวจี คอยล่อลวงเหล่าวิญญาณให้หลงอยู่บนถนนหวงเฉวียน [2] และทำให้คนที่ไม่ระวังจมลงไปในความงดงามอันมืดมิดของมัน!
เมื่อชายคนนั้นเห็นนาง เขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่ง ริมฝีปากของชายหนุ่มก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่แทบจะเหมือนกับปีศาจ
รอยยิ้มอันตรายนั้นทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยนึกถึงคำกล่าวที่ว่า ‘สวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป นรกไร้ประตูเจ้ากลับบุกเข้ามา [3]’
นี่ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ!
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลียริมฝีปากที่แห้งผากของนาง ดวงตาอันเฉลียวฉลาดสอดส่ายไปซ้ายทีขวาที พลางเริ่มคิดวางแผนหาทางเอาตัวรอด…
“ไม่จำเป็นต้องคิดให้เสียเวลาหรอก” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก้มลงมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า น้ำเสียงของเขาเย็นชาและเกียจคร้าน เขาขยับเข้าไปใกล้ใบหูของเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างน่าหวาดเสียว แล้วเอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าหลังจากที่ข้าอุตส่าห์ลำบากจับเจ้าได้ในที่สุด แล้วข้าจะยอมปล่อยให้เจ้าหนีไปได้ง่ายๆ หรือ หืม”
………………………………………………………………………………………………..
[1] ดอกปี่อั้น หรือดอกพลับพลึงแดง เชื่อว่าเป็นดอกไม้ที่เติบโตอยู่ในนรก
[2] ถนนหวงเฉวียนหรือทางน้ำพุเหลือง มีอีกชื่อว่าถนนยมโลก เชื่อว่าดวงวิญญาณของคนตายต้องผ่านถนนเส้นนี้เพื่อไปพบยมบาล
[3] สวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป นรกไร้ประตูเจ้ากลับบุกเข้ามา ตรงกับสำนวนไทย ‘แกว่งเท้าหาเสี้ยน’ หรือ ‘หาเหาใส่หัว’ หมายถึง คนที่อยู่ดีไม่ว่าดี แต่ดันหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว ในกรณีนี้หมายถึง การที่มีห้องอาบน้ำอยู่หลายห้อง แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยดันเปิดเข้าไปในห้องอาบน้ำที่มีไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอยู่