องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 251 เพื่อที่จะทำร้ายเวยเวย
บทที่ 251 เพื่อที่จะทำร้ายเวยเวย
ทันทีที่เห็นภาพนี้
เสนาบดีสองสามคนที่นั่งอยู่ในหอเฟิ่งหวงก็วิ่งเข้ามา พวกเขายื่นมือออกไปหาบรรดาหลานชายและหลานสาวของตัวเองที่ได้รับบาดเจ็บ หนึ่งในนั้นรีบมองเฮ่อเหลียนเวยเวยแล้วเอ่ยอย่างมีน้ำโหว่า ”เร็วเข้าสิ! รีบมอบยาถอนพิษมาให้หลานสาวข้าเดี๋ยวนี้!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเอ่ยอย่างเย็นชาว่า ”ทำไมข้าถึงควรมอบยาถอนพิษให้เพียงเพราะท่านเป็นคนสั่งข้าด้วย”
เสนาบดีคนนั้นชะงัก เขาร้อนใจจนทำตัวเหมือนแมลงวันหัวขาด[1]ไม่มีผิด!
เมื่อเห็นเช่นนั้น สีหน้าของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็เปลี่ยนไป นางข่มความเจ็บปวดบนร่างกาย แล้วกล่าวว่า ”ในเมื่อพี่ใหญ่สามารถรักษาพิษชนิดนี้ได้ ทำไมท่านถึงไม่ช่วยล่ะเจ้าคะ มันเป็นเพียงเรื่องง่ายๆ มิใช่หรือ ทำไมพี่ใหญ่ถึงไร้มนุษยธรรมถึงเพียงนี้”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเยาะเย้ยเสียงดัง ”ไร้มนุษยธรรมหรือ ทำไมข้าถึงต้องมอบยาถอนพิษให้กับคนที่ร่วมมือกับเจ้าเพื่อทำร้ายข้าด้วยหรือ”
”ท่าน!” สีหน้าของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เปลี่ยนไป ”พี่ใหญ่ ท่านกุเรื่องขึ้นมาเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ ข้าไปทำร้ายท่านตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เป็นเพราะข้าเป็นคนสุดท้ายที่ขึ้นมาบนเวทีหรือเจ้าคะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตาพร้อมกับรอยยิ้ม ”เจ้าทำหรือไม่นั้นเจ้าย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ พวกเขาก็เช่นกัน”
เสนาบดีคนนั้นเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจนตอนที่ยืนอยู่บนบันไดของหอน้ำชาก่อนหน้านี้ เขาคว้าแขนเสื้อของเฮ่อเหลียนเวยเวยแน่น แล้วกล่าวขอร้อง ”คุณหนูเวยเวย ชายชราเช่นข้าขอร้องเจ้าล่ะ บนแผ่นดินนี้มีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถรักษาพิษกร่อนกระดูกได้ ชีวิตของข้าเหลือเพียงแค่เด็กสาวคนนี้คนเดียวเท่านั้น ได้โปรดมีเมตตาด้วยเถิด ได้โปรดมีเมตตาด้วยเถิด!”
เมื่อบรรดาศิษย์ที่เหลือได้ยินคำพูดนี้ พวกเขาก็มองไปทางเฮ่อเหลียนเวยเวย ความรักตัวกลัวตายทำให้พวกเขาตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พวกเขาเสียใจอย่างสุดซึ้งที่หลงเชื่อแผนการของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์กับเฮ่อเหลียนเหมยที่บอกให้ร่วมมือกันทำร้ายเฮ่อเหลียนเวยเวยก่อนหน้านี้
ปกติแล้วพวกเขาไม่สามารถทนผู้หญิงคนนี้ได้
แต่วันนี้ ความเป็นตายของพวกเขา ล้วนแต่อยู่ในกำมือของผู้หญิงคนนี้ทั้งสิ้น!
เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว แม้กระทั่งอดีตฮ่องเต้ก็ไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นได้อีกต่อไป คนที่ถูกวางยาพิษทุกคนนั้นล้วนแต่เป็นลูกหลานของเหล่าเสนาบดีในราชสำนัก เขาจำเป็นต้องเข้ามาดูเหตุการณ์
คำพูดของเฮ่อเหลียนเวยวยเหมือนกับหนามในพุ่มไม้ที่ชวนทำให้รู้สึกลำบากใจ เด็กสาวคนนี้แตกต่างจากทุกคนที่เขาเคยเจอ ในดวงตาของนางไม่มีความมักใหญ่ใฝ่สูงหรืออะไรทำนองนั้นอยู่เลยแม้แต่น้อย
ด้วยเหตุนี้ อดีตฮ่องเต้จึงใช้น้ำเสียงนุ่มนวลพูดกับนางว่า ”เวยเวย ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ตัดสินความผิดของพวกเขา แต่หากพิษกร่อนกระดูกนี้ไม่ได้รับการรักษา คนที่จะต้องทุกข์ทรมานนั้นย่อมเป็นบรรดาผู้ปกครองของพวกเขา”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองอดีตฮ่องเต้ น้ำเสียงของนางราบเรียบ ”หม่อมฉันจะไม่ให้ความช่วยเหลือกับคนที่ดูถูกหม่อมฉัน และร่วมมือกันทำร้ายหม่อมฉันเพคะ สมัยก่อนตอนที่ท่านแม่ของหม่อมฉันอยู่ตัวคนเดียว นางได้ช่วยเหลือตระกูลต่างๆ เอาไว้หลายตระกูล แต่เมื่อนางสิ้นใจ คนเหล่านั้นกลับไม่มีใครหน้าไหนมาคารวะศพของนางเลยแม้แต่คนเดียว!”
นางตวัดสายตามองไปยังคนพวกนั้นทีละคน ”ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังใช้โอกาสนี้เหยียบย่ำหม่อมฉันในทุกครั้งที่สามารถทำได้อีกด้วย!”
บรรดาคนที่ตกเป็นเป้าสายตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยล้วนตกอยู่ในความหวาดกลัว ในจำนวนทั้งสิบคน มีอยู่สามคนที่เป็นลูกหลานจากตระกูลในสมัยนั้น
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองพวกเขาแล้วเยาะขึ้น ”โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่ากรรมอยู่ ความแค้นจะตามสนองพวกท่านเมื่อถึงเวลา”
เมื่อเสนาบดีคนนั้นได้ยินประโยคสุดท้ายของนาง เขาก็ก้าวถอยหลังไป และนึกเสียใจกับการกระทำในอดีตของตน แต่เขาหวาดกลัวที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะการทำเช่นนั้นย่อมจะส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานของเขา
แต่เมื่อเสนาบดีทั้งสามเห็นใบหน้าของบรรดาหลานชายและหลานสาวที่ซีดเผือด พวกเขาก็รู้สึกเหมือนจะขาดใจ!
เด็กพวกนี้เป็นแก้วตาดวงใจของพวกเขา!
”ในเมื่อเจ้าเกลียดชังพวกข้ามากถึงเพียงนี้ ทำไมก่อนหน้านี้เจ้าถึงยอมกำจัดพิษให้พวกข้าล่ะ” เสนาบดีคนนั้นดูแก่ขึ้นอีกสิบปีเลยทีเดียว
เฮ่อเหลียนเวยเวยค่อยๆ เดินเข้าไปหาเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายราวกับปีศาจ ”ตอนนั้น ท่านก็ปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้เหมือนกันมิใช่หรือ”
เสนาบดีเหล่านั้นย่อมไม่ใช่คนโง่เขลา ทันทีที่พวกเขาได้ยินสิ่งที่เฮ่อเหลียนเวยเวยพูด พวกเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่านางหมายถึงอะไร
นางจงใจทำเช่นนี้!
นางจงใจช่วยพวกเขา เพื่อให้พวกเขาได้มองดูหลานชายและหลานสาวของตัวเองตายไปต่อหน้าต่อตา โดยที่พวกเขาไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้เลย!
”แม่นาง เจ้าช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก แต่…” หยวนหมิงยิ้มชั่วร้าย ”ข้าชอบ” การแก้แค้นอย่างโหดเหี้ยมนั้นถือว่าชาญฉลาดนัก เพราะการใช้วิธีนี้ย่อมเหมาะสมกับพลังเวทของเขา ในไม่ช้า เขาก็จะสามารถฟื้นพลังของตนกลับคืนมาได้ เยี่ยมยอดเสียไม่มี!
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย นางยกมือขึ้นพับแขนเสื้อของตนอย่างช้าๆ ”ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกแล้วว่าในเมื่อพวกเขาอยากร่วมมือกันมาสอนบทเรียนให้กับข้า ข้าย่อมต้องตอบแทนน้ำใจของพวกเขาอย่างแน่นอน”
”พี่เวยเวย ท่านปฏิเสธที่จะช่วยเหลือสามคนนี้ก็ได้ แต่พวกเราที่เหลือไม่เคยพยายามใส่ร้ายป้ายสีฮูหยินเฮ่อเหลียนเลยสักครั้ง” หนึ่งในคนที่ถูกวางยาพยายามประจบเฮ่อเหลียนเวยเวย ”พี่เวยเวยเป็นคนจิตใจกว้างขวางที่สุด นางย่อมไม่นำผู้บริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองนาง ทันใดนั้นนางก็ยิ้มออกมา ”โอ้ แล้วตอนที่พวกเจ้าทุกคนดาหน้ากันเข้ามาท้าข้าสู้ทีละคนนั่นล่ะ นั่นไม่เรียกว่าการทำร้ายหรือ”
สีหน้าของคนคนนั้นแข็งกระด้าง แต่เพื่อความอยู่รอด นางจึงชี้นิ้วไปทางเฮ่อเหลียนเหมยกับเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ที่บาดเจ็บอยู่ข้างๆ แล้วเอ่ยว่า ”นี่เป็นความคิดของสองคนนั้น! พวกข้าถูกสั่งให้ทำตาม พี่เวยเวยพวกข้าไม่ได้อยากทำเช่นนั้นเลยจริงๆ!”
”หลิงเอ๋อร์ เจ้าอย่าพูดจาไร้สาระ!” แผนการของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ถูกเปิดโปง นางจึงรู้สึกลนลาน แต่ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มล้มลงไปกับพื้น นางก็ตระหนักได้ว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น แต่เพราะสาเหตุนี้ นางจึงคิดแผนการที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาได้ และแผนการนี้จะทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยต้องตาย!
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เม้มปากที่ปวดหนึบของตน แล้วกล่าววิเคราะห์ว่า ”หลิงเอ๋อร์ เจ้าอย่าโดนนางหลอกเอาได้ ทุกคนไม่คิดว่ามันแปลกหรือ เห็นได้ชัดว่าผงกร่อนกระดูกไม่มีวิธีรักษา แล้วทำไมพี่ใหญ่ถึงมียาถอนพิษได้”
เมื่อบรรดาเสนาบดีได้ยินคำพูดนั้น พวกเขาก็รู้ว่ามันฟังดูไม่เข้าทีนัก พวกเขาอยากให้เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์หยุดพูดเดี๋ยวนั้น!
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับพูดขึ้นว่า ”เงียบ ให้นางพูดต่อ”
เสนาบดีเหล่านั้นกระวนกระวาย แต่ก็ไม่กล้าขยับตัวอีก เพราะกลัวว่าถ้าพวกเขาทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยโกรธไปมากกว่านี้ แล้วนางจะไม่ยอมช่วยเหลือลูกหลานของพวกเขา
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์จับตามองเสนาบดีคนหนึ่งอย่างระมัดระวัง จากนั้นนางก็กลืนคำพูดลงคอ ”ข้าพูดจบแล้ว พี่ใหญ่ อย่าจริงจังนักเลยเจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่สงสัยเท่านั้นว่าในการประลองยุทธ์นี้มีคนตั้งมากมาย แต่ทำไมถึงมีแต่ท่านเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มียาถอนพิษกร่อนกระดูก”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็หันไปมองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยความระแวง
เฮ่อเหลียนเวยเวยตอบด้วยรอยยิ้มเย็นชา ”เจ้าต้องการจะบอกว่าข้าเป็นคนวางยาพิษนี้ให้กับพวกเขา ดังนั้นข้าก็เลยมียาถอนพิษสินะ”
”พี่ใหญ่!” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์อุทาน ”ท่านพูดเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเสียหน่อย”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว ”จริงหรือ แต่น่าเสียดายที่ข้าเองก็ไม่มียาถอนพิษ แต่เป็นเพราะว่าการฝึกฝนพลังปราณของข้านั้นค่อนข้างพิเศษกว่าคนอื่น ดังนั้นข้าจึงสามารถถอนพิษได้ เจ้าจะพยายามใส่ร้ายข้าต่อไปก็ได้ แต่เจ้าก็เพียงแค่ทำให้คนพวกนี้เสียเวลาอันมีค่าไปโดยเปล่าประโยชน์เท่านั้น”
ทันทีที่คำพูดนี้สิ้นสุดลง
ทุกคนก็หันไปมองเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ด้วยสายตาประณาม
แม้แต่เสนาบดีคนนั้นก็ยังเริ่มอยู่ไม่สุข ”เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ เจ้าหยุดเข้ามาสอดเสียทีได้หรือไม่ ตอนนี้ พวกเรายังมีอีกหลายชีวิตที่ต้องช่วยอยู่!”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ไม่เคยถูกตำหนิเช่นนี้มาก่อน ใบหน้าของนางซีดจนขาว นางกัดริมฝีปากของตัวเอง แล้วยืนกรานในคำพูดของตนเอง ”ข้าก็แค่รู้สึกว่ามันแปลกๆ เท่านั้น”
”ถ้าพูดถึงเรื่องแปลกๆ ข้าก็มีเรื่องที่จะถามเจ้าเหมือนกัน”
—————————
[1] แมลงวันหัวขาด เป็นสำนวน หมายถึง ทำการอย่างลุกลี้ลุกลนให้มากเรื่องและต้องเสียเวลาไปเปล่าๆ