องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 256 ก่อนพิธีอภิเษกสมรสครั้งใหญ่
ขันทีซุนเป็นคนที่สัญชาตญาณดีคนหนึ่ง เขาสามารถเดาออกได้ทันทีว่าทั้งสองกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเคยรับเงินจากเฮ่อเหลียนกวงเย่ามาก็หลายครั้ง อีกทั้งฝ่ายนั้นยังเป็นถึงญาติของพระชายาอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงให้คำแนะนำกับอีกฝ่ายว่า ”ใต้เท้า ข้าไม่ได้อยากเข้าไปก้าวก่ายกับเรื่องในตระกูลของท่านนัก แต่อย่างไรนางก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน ท่านไม่ควรลำเอียงมากเกินไปนะขอรับ หากท่านไม่ระวังให้ดี หายนะจากสวรรค์จักมาเยือนเอาได้ขอรับ”
“ขันทีซุนพูดถูกแล้ว ขันทีซุนพูดถูกแล้ว” เฮ่อเหลียนกวงเย่าฝืนยิ้ม แต่ภายในใจของเขานั้นกลับเต็มไปด้วยคลื่นลูกใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน
รอหลังจากที่ขันทีซุนกลับไปแล้ว
เฮ่อเหลียนกวงเย่าก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้อย่างแรง ซูเหยียนโม่ผลักสาวใช้ออกไปอย่างไร้ความปรานี ”ท่านพี่ เจียวเอ๋อร์ของเราจะแต่งเข้าไปในตระกูลฮว๋ายไม่ได้นะเจ้าคะ”
“แค่เพราะเจ้าบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้หรือ นี่เป็นราชโองการจากฮ่องเต้เชียวนะ!” เฮ่อเหลียนกวงเย่าคำราม จากนั้นจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ”ลืมมันไปซะ ดูจากสถานการณ์ในเวลานี้แล้ว พวกเราคงทำได้เพียงแค่ต้องรับตัวนางกลับมาเท่านั้น”
“ท่านต้องการนำตัวนังคนชั้นต่ำคนนั้นกลับมาหรือ” ซูเหยียนโม่กัดฟัน “ท่านพี่ ท่านรู้หรือไม่ หากไม่ใช่เพราะนางเข้าไปยุ่ง เจียวเอ๋อร์ของเราจะตกต่ำลงมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร แต่ตอนนี้ท่านกลับต้องการรับตัวนางกลับมา”
เพล้ง!
เฮ่อเหลียนกวงเย่าขว้างถ้วยชาในมือลงกับพื้น!
“เจ้าพล่ามจบหรือยัง! เจ้าคิดว่าข้าอยากรับนางกลับมานักหรือ” ใบหน้าของเฮ่อเหลียนกวงเย่าหมองคล้ำยิ่งกว่าเดิม ”ทันทีที่นางกลับมา เป็นไปได้สูงทีเดียวว่าบรรดาคนที่รอดูทิศทางลมอยู่จะเปลี่ยนไปอยู่ฝั่งนาง เจ้าอย่าลืมสิว่ากองกำลังลับที่ตาแก่นั่นทิ้งไว้เมื่อหลายปีก่อนยังอยู่ที่นี่ ก่อนที่เขาจะตาย เขาสั่งให้คนพวกนั้นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และช่วยเฮ่อเหลียนเวยเวยต่อสู้เพื่อฐานะของตนในตระกูลนี้หากนางยังอยู่ในตระกูลจนกระทั่งอายุครบสิบหกปี! แล้วตอนนี้มีอย่างอื่นที่ข้าสามารถทำได้หรือ ไม่อนุญาตให้นางกลับมาหรือ ตอนนี้นางเป็นถึงผู้ชนะในการประลองยุทธ์ และยังได้อภิเษกสมรสกับเชื้อพระวงศ์ อย่าว่าแต่บรรดาผู้อาวุโสเลย แม้แต่เหล่าขุนนางในราชสำนักก็คงได้นำเรื่องนี้มาใช้เพื่อฝังข้าแน่! อำนาจทางการทหารของข้าคงได้หายไปจนไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว!” หลังจากพูดจบ เฮ่อเหลียนกวงเหยาจึงใจเย็นลง ”เจ้าไปคุยกับอัครเสนาบดี แล้วปรึกษาเขาเรื่องการแต่งงานของเจียวเอ๋อร์ ดูว่าเขาสามารถให้คำแนะนำดีๆ อันใดได้บ้างหรือไม่ แต่เจ้าจับตาดูนังเด็กนั่นมาตลอดมิใช่หรือ นางมีพลังปราณตั้งแต่เมื่อใดกัน”
ซูเหยียนโม่ส่ายหน้า นางรู้สึกว่าร่างกายของนางช่างไร้เรี่ยวแรง นางไม่เคยคิดเลยว่าภายใต้สายตาของนาง นังแมลงสาบตัวเล็กๆ นั่นจะยังสามารถมีไพ่ตายซ่อนเอาไว้ได้!
อันที่จริงนั้นพลังปราณของนางควรจะต้องสลายไปจนหมดสิ้นแล้ว มันยังมีหลงเหลืออยู่มาจนถึงวันนี้ได้อย่างไร!
ยิ่งกว่านั้น ผู้อาวุโสก็ส่งคนมาแจ้งนางแล้วด้วยว่าพวกเขาจัดการนางไปแล้ว… นางรอดตายมาได้อย่างไร และปรากฏตัวขึ้นที่การประลองยุทธ์ได้อย่างไร! ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะทำอย่างไร นังเด็กนั่นก็ยังไม่ยอมตายเสียที! มันไม่เหมือนกับเฮ่อเหลียนเวยเวยคนที่นางเคยรู้จักเลยสักนิด!
“ท่านพี่ ข้ารู้สึกว่านังเด็กนั่นมีบางอย่างแปลกไปเจ้าค่ะ” ซูเหยียนโม่นับลูกประคำในมือ ”นางไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน นางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่วันที่นางตกน้ำ ท่านคิดว่าวันนั้นมีเรื่องอะไรที่เราไม่รู้เกิดขึ้นหรือเปล่าเจ้าคะ”
“มันก็แปลกจริงๆ” เฮ่อเหลียนกวงเย่าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าในเวลานั้นบุตรสาวที่ไร้ค่าของเขา จู่ๆ ก็กลายมาเป็นคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร
ซูเหยียนโม่หรี่ตา ความชั่วร้ายกระจายไปทั่วดวงตา ”นางดูไม่เหมือนตัวปลอม แต่เหมือนกับว่านิสัยของนางเปลี่ยนไปมากกว่า ตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าเคยได้ยินคนพูดถึงเรื่องการถูกปีศาจจิ้งจอกสิงร่าง…”
“ถูกปีศาจจิ้งจอกสิงร่างหรือ เจ้าหมายถึงการถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงอย่างนั้นหรือ” เฮ่อเหลียนกวงเย่าเลิกคิ้วขึ้น ในดวงตาของเขามีแสงวาบผ่าน
“ใช่เจ้าค่ะ” ซูเหยียนโม่ก้มหน้า ความชั่วร้ายแผ่ออกมาจากร่าง ”หากเป็นเช่นนั้น ไม่เพียงแค่นางจะไม่สามารถกลับมาที่คฤหาสน์ผู้พิทักษ์ได้ แต่ยังต้องถูกโยนเข้าไปในคุกใต้ดินอีกด้วย ในจักรวรรดิจ้านหลงนี้ หากตกอยู่ภายใต้การไต่สวนของกรมพิธีการแล้วละก็ คงไม่มีใครยอมให้คนที่ถูกสิงได้อภิเษกสมรสกับราชวงศ์ และกลายเป็นพระชายาแน่! ตราบใดที่พวกเราปล่อยข่าวนี้ออกไปได้อย่างถูกที่ถูกเวลา ท่านก็ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลเรื่องกองกำลังลับอีกต่อไป!”
เฮ่อเหลียนกวงเย่าเหยียดหลังตรง ”เจ้าตั้งใจจะพูดเรื่องนี้ในวันแต่งงานของนาง…”
“นางทำให้เจียวเอ๋อร์ของเราต้องตกอยู่ในสภาพน่าสงสารเช่นนั้น แล้วนางยังคิดที่จะแต่งงานเข้าไปในราชวงศ์ได้อย่างมีความสุขหรือ หึ ฝันไปเถอะ! เจียวเอ๋อร์รักองค์ชายสามมาตั้งแต่ยังเด็ก ถ้าจะมีพิธีอภิเสกสมรสละก็ เจียวเอ๋อร์ต่างหากที่สมควรได้เป็นเจ้าสาว! นังคนชั้นต่ำนั่นไม่เจียมตัวเอง อย่ามาโทษว่าข้าโหดเหี้ยมก็แล้วกัน!”
แกร๊ก!
เฮ่อเหลียนเวยเวยเพิ่งจะสร้างอาวุธชิ้นสุดท้ายเสร็จ นางนำพวกมันทั้งหมดไปวางไว้บนโต๊ะ เพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับเป็นของหมั้นให้กับองค์ชายสาม
นางลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งบิดขี้เกียจ แล้วหาวออกมาขณะสาวเท้าเดินออกไป นางมององครักษ์จากวังปีศาจในชุดสีขาวกับชุดสีดำ แล้วเอ่ยว่า ”เจ้ากลับไปที่วัง แล้วบอกองค์ชายสามทีว่าข้ามีเรื่องต้องการจะปรึกษากับเขา”
ไป๋เหมยกำลังจะพยักหน้า
แต่เฮยจูที่หน้าตาเหมือนกันกลับยิ้มเย็นชาแล้วตอบว่า ”คุณหนูใหญ่ควรจะสนใจเพียงเรื่องการเตรียมของหมั้น ฝ่าบาทมีเรื่องอื่นที่จำเป็นต้องทำ คงไม่สามารถปลีกเวลามาที่นี่ได้ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นอะไร ท่านค่อยบอกฝ่าบาทตอนที่ได้พบก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ค่อยๆ หรี่ตา แล้วกอดอกมองไปทางนาง นางไม่ตอบ แต่ทำเพียงยิ้มออกมาเท่านั้น
เมื่อเห็นเช่นนี้ ไป๋เหมยจึงยื่นมือออกไปสะกิดเฮยจูเพื่อเรียกความสนใจจากนาง เฮยจูไม่สนใจ แล้วเชิดคางของตัวเองขึ้น
ไป๋เหมยเดินออกมาข้างหน้า ”ตอนนี้ฝ่าบาทยุ่งจริงดังว่า หลังจากอดีตฮ่องเต้ถูกวางยาพิษ ฝ่าบาทก็ยุ่งอยู่กับการสอบสวนเรื่องนี้ แต่ถ้าหากพระชายาต้องการที่จะพบฝ่าบาทละก็ ฝ่าบาทจะต้องยอมมาพบท่านแน่ ข้าจะไปรายงานให้ฝ่าบาททราบเดี๋ยวนี้”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเหลือบมองนาง แต่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร
จากนั้นเฮยจูก็เริ่มพูดอีกครั้ง ”ไป๋เหมย ภารกิจของพวกเราคือการปกป้องคุณหนู ไม่ใช่คนใช้ของนาง พวกเราเป็นข้ารับใช้ขององค์ชาย ถ้าพวกเราทำในสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่ของตัวเอง เช่นนั้นพวกเราก็อาจจะสร้างปัญหาให้กับฝ่าบาทได้”
ไป๋เหมยกลับคิดว่าคำพูดพวกนั้นมากเกินไปหน่อย
เฮ่อเหลียนเวยเวยก็เอ่ยขึ้น น้ำเสียงของนางแผ่วเบาและยากจะเข้าใจได้ ”ในเมื่อข้าไม่สามารถสั่งข้ารับใช้ขององค์ชายได้ ทำไมขันทีซุนถึงไม่ไปแทนล่ะ”
หนังศีรษะของขันทีซุนชาวาบ
หลังจากที่เขาใช้เวลาตลอดหลายวันที่ผ่านมาไปกับการทำความเข้าใจพระชายา เขารู้ดีกว่าใครว่าถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ของนางจะไม่ได้งดงามนัก แต่นางก็สง่างามและชาญฉลาดมากทีเดียว นางสุภาพกับคนที่ไม่เสียมารยาทต่อนางอยู่เสมอ แต่ถ้ามีใครเสียมารยาทต่อนางแล้วละก็…
ขันทีซุนนึกถึงจุดจบก่อนหน้านี้ของคนพวกนั้น แล้วก็ถึงกับตัวสั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาขมวดคิ้วสีขาวเข้าหากันระหว่างที่มองไปทางเฮยจู
เฮยจูยังคงไม่ใส่ใจ นางคิดว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยกลัวนาง
เมื่อขันทีซุนประเมินสถานการณ์แล้วก็อดรู้สึกขึ้นมาไม่ได้ว่ามันช่างน่าขันนัก
กลัวหรือ?
แม้แต่ฝ่าบาท ว่าที่พระชายาก็ยังไม่กลัวเลยด้วยซ้ำ ทำไมนางถึงจะต้องกลัวองครักษ์จากวังปีศาจแค่คนเดียวด้วย
หลังจากประเมินได้ว่านางไม่สามารถสั่งข้ารับใช้ให้ทำตามที่นางต้องการได้ นางก็เลยขอให้เขาเป็นคนกลับไปแทน ไม่ใช่เพราะนางมีนิสัยอ่อนโยน แต่เพราะนางไม่คิดจะเสียเวลาทะเลาะกับสาวใช้ต่างหาก แน่นอนว่าฝ่าบาทย่อมรู้ว่าพระชายาต้องการจะสื่ออะไร เห็นได้ชัดว่านางต้องการบอกกับเขาว่าข้ารับใช้ที่เขาส่งมาให้นางนั้นไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของนางด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาควรส่งตัวพวกนางกลับไปในที่ที่พวกนางจากมาเสีย!