องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 326 เวยเวยอัญเชิญได้สำเร็จหรือ!!
”เจ้าคิดว่านางจะอัญเชิญสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ชนิดใดออกมา”
”อย่างมากที่สุดก็คงได้แค่สัตว์อสูรวายุตัวเล็กๆ กระมัง”
”ข้าเดาว่านางคงไม่รู้กระทั่งวิธีอัญเชิญด้วยซ้ำ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สนใจลิ้นที่แกว่งไปมาของคนพวกนั้น นางพยักหน้าให้กับผู้เป็นอาจารย์
อาจารย์ท่านนั้นยื่นมือออกมา และเปิดเขตแดนป้องกันให้นางเข้าไป
เฮ่อเหลียนเวยเวยยืนอยู่ภายใต้แสงสว่าง ดวงตาดำขลับของนางส่องแสงเป็นประกาย
หยวนหมิงยิ้มอย่างชั่วร้าย แล้วตวัดสายตาไปมองเสี่ยวไป๋ที่กำลังยิ้มมุมปากอยู่เช่นกัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยยื่นมือออกไปข้างหนึ่ง สายลมที่มองไม่เห็นเริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆ ตัวของนาง
ในเวลานี้ยังไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกตินั้น ดังนั้นในตอนที่พวกเขาเห็นว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยทำเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีการเคลื่อนไหว บรรยากาศของการพูดเสียดสีจึงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
ทันใดนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยื่นมือออกไป แขนเสื้อของนางโบกสะบัดอยู่ในสายลม เสียงของนางดังฟังชัด ”จงออกมาหาข้า!”
ห้าคำเท่านั้น
มันฟังดูไม่เหมือนกับคาถาปกติที่ใช้อัญเชิญสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เลยด้วยซ้ำ
แต่แผ่นดินกลับสะเทือนเลื่อนลั่น แม้กระทั่งภูเขาก็ยังสั่นไหว!
คนที่ดูอยู่ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยากับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ!
ครืน!
พื้นใต้ฝ่าเท้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยแตกออกจากกัน รอยแตกนั้นแผ่ไปทั่วพื้น อากาศร้อนระอุที่ลอยอยู่ด้านหลังของนางรวมตัวกันกลายเป็นประกายไฟขนาดใหญ่ ประกายไฟนั้นค่อยๆ ลุกลามออกไป จากนั้นจึงเคลื่อนตัวลงไปที่พื้นทีละน้อย เป็นภาพที่ผิดปกติยิ่งนัก
แต่แล้วพื้นใต้ดินอันมืดมิดก็เริ่มสั่นสะเทือน
ทั้งหมดนั้นล้วนแต่มีที่มาจากกลิ่นหอมหวานอันแปลกประหลาดนี้ทั้งสิ้น
”ช่างเป็นวิญญาณที่กลิ่นหอมหวานยิ่งนัก” ริมฝีปากสีซีดที่อยู่ใต้เสื้อคลุมสีดำกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มอันชั่วร้าย น้ำลายไหลไปทั้งปาก มันหยดจากริมฝีปากของเขาก่อนจะร่วงลงไปบนพื้นดิน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ยืนอยู่ไกลๆ หรี่ตาลง บนใบหน้าของเขายังคงมีสีหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
”นายท่านขอรับ” กิเลนอัคคีก็ได้กลิ่นหอมประหลาดที่ลอยอยู่ในอากาศเช่นกัน มันเดินตามหลังไป๋หลี่เจียเจวี๋ย จากนั้นทั้งสองจึงบินหลบไปด้านข้าง
คนที่เหลืออยู่มีเพียงเหล่าลูกศิษย์ในสำนักที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเท่านั้น อย่างไรเสียนอกจากเสียงอึกทึกครึกโครมที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นอีก ดังนั้นทุกคนจึงแค่มองหน้ากันไปมา และพึมพำว่า ”ท่าดีทีเหลว”
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยยังยืนอยู่กลางกลุ่มควันนั้น นางขยับนิ้วมือด้วยท่วงท่าทรงเสน่ห์ ก่อนจะทำเช่นนั้นซ้ำอีกครั้งพร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อย ”ออกมา!”
ตู้ม!
เกิดเสียงแผ่นดินไหวขึ้นอีกครั้ง!
”นั่นมันอะไรน่ะ”
ทันใดนั้นก็มีใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
บรรดาศิษย์ทั้งหลายต่างพากันขมวดคิ้ว พวกเขามองไปที่ด้านหลังของนางโดยสัญชาตญาณ
ทุกคนล้วนแต่อ้าปากด้วยความประหลาดใจ
ดวงตาของพวกเขาค่อยๆ หรี่ลง
และในไม่ช้า
เงาสีดำที่มีร่างกายคล้ายกับงูตัวยาวก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางควันกลุ่มนั้น มันค่อยๆ เผยร่างของตัวเองให้เห็นอย่างช้าๆ
มันมีศีรษะเป็นกิเลน หางเป็นปลา บนใบหน้ามีเครายาว มีเขากวางอยู่บนศีรษะ และมีกรงเล็บที่ทรงพลัง
ในดวงตาของมันเต็มไปด้วยการข่มขู่ ตาคู่นั้นเป็นประกายและเรืองแสงเหมือนคลื่นสีน้ำเงินที่ส่งเสียงดังสนั่น มันยืนอยู่บนหน้าผากราวกับกำลังยืนอยู่เหนือทุกสิ่งในจักรวาล!
มันไม่ใช่งู พวกเขาคิดว่าจริงๆ แล้วมันดูเหมือนกับชิงหลง[1]ตัวยักษ์ต่างหาก!
ดูเหมือนว่าชิงหลงตัวนั้นเพิ่งตื่นจากการหลับใหลอันยาวนาน ร่างของมันยังมีโซ่เหล็กเส้นใหญ่พันธนาการเอาไว้ ดวงตาของมันหรี่ลงครึ่งหนึ่งขณะพกวาดตามองบรรดาผู้คนที่อยู่โดยรอบ ความเดือดดาลอันลึกล้ำปรากฏขึ้นในดวงตาของมัน
”มันออกมาได้อย่างไร” เสี่ยวไป๋เอ่ยอย่างเป็นกังวล ”แม่นาง เจ้าอัญเชิญมันออกมาหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมีสีหน้าไม่เข้าใจยิ่งกว่ามันเสียอีก ”ข้าแค่พูดออกมาประโยคเดียวเองนะ”
”เช่นนั้นเจ้าก็คงจบสิ้นแล้ว เพราะเจ้านี่มันเกลียดชังมนุษย์เป็นที่สุด” เสี่ยวไป๋กล่าว แล้วเสริมว่า ”มันรับมือยากพอๆ กับกิเลนอัคคีเชียวล่ะ”
กิเลนอัคคี… เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว ”ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”
”มันมาจากยุคบรรพกาล แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ” หยวนหมิงยิ้มอย่างชั่วร้าย แล้วเอ่ยต่อ ”เจ้าเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับชิงหลงหรือเปล่า มันคือเจ้าตัวนั้นนั่นล่ะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มทีเล่นทีจริง แล้วถามว่า ”หนึ่งในสี่สัตว์เทวะน่ะหรือ”
”อือฮึ” หยวนหมิงยักไหล่
ในตอนนั้นบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายต่างก็ตกตะลึงจนตัวแข็งค้างกันไปนานแล้ว ชิงหลงที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นตัวใหญ่ยิ่งนัก พวกเขาลืมทุกสิ่งไปเสียสนิท และทำได้เพียงแค่อ้าปากค้างมองมันเท่านั้น
ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์บิดเบี้ยวด้วยความริษยา นิ้วของนางกำแน่นเข้าหากัน พร้อมกับมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยความโกรธเคือง
อาจารย์มองมังกรตัวยักษ์นั้นอย่างตกตะลึง พร้อมกับคิดว่าตนอาจจะถูกกระแสลมอันรุนแรงพัดหายไปได้ในทันทีที่มันอ้าปาก
ทำอย่างไรดี!
เขาไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน!
มีศิษย์ที่สามารถปลุกเทพมังกรซึ่งหลับใหลอยู่ด้านหลังของภูเขาให้ตื่นขึ้นมาได้ในการอัญเชิญสัตว์ศักดิ์สิทธิ์หรือ
จะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี!
อาจารย์ทุกคนที่สอนอยู่ในสำนักไท่ไป๋ต่างก็รู้ว่าที่ด้านหลังของภูเขาแห่งนี้มีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ ทะเลสาบแห่งนั้นลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง มันไม่เคยแห้งเหือดแม้จะเป็นฤดูแล้ง และไม่ทำให้การเจริญเติบโตของพืชพรรณล้ำค่าหายากได้รับผลกระทบจากความแห้งแล้งที่ว่า ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ ณ ทะเลสาบแห่งนี้มีชิงหลงตัวยักษ์ซ่อนอยู่นั่นเอง
มังกรตัวนี้จำศีลอยู่ที่ด้านหลังของภูเขามาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
แต่วันนี้…
มันตื่นขึ้นแล้ว
มันถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงเสียงนั้น
ชิงหลงมองเหล่ามนุษย์ตัวจ้อยราวกับมด ก่อนจะหันหน้าไปมองที่เฮ่อเหลียนเวยเวย
ดวงตาสีฟ้าของชิงหลงหรี่ลงเล็กน้อย
สิ่งมีชีวิตตัวน้อยนี่น่ะหรือที่เป็นคนปลุกมันขึ้นมา
ที่ด้านหลังของนางนั่นมันตัวอะไรกัน
แมวขาว… หึ ทายาทของเผ่าไป๋เจ๋อ
ส่วนอีกร่างหนึ่งนั้น…
ชิงหลงนิ่วหน้า ร่างนั้นคือปีศาจ
พวกมนุษย์ร่วมมือกับปีศาจตั้งแต่เมื่อใดกัน
น่าสนใจ แต่นางไม่รู้หรือว่ามันเกลียดการถูกคนอื่นรบกวนเวลานอนมากที่สุด
ชิงหลงตัวใหญ่ละสายตาออกจากนางอย่างเย็นชา และนึกอยากจะสอนบทเรียนให้กับมนุษย์ผู้นี้
จากนั้นก็มีมนุษย์ผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอยู่ใต้เท้าของมัน
มนุษย์ผู้ชายคนนั้นมีศีรษะโล้นเตียน เขาลูบกรงเล็บของมันแล้วเอ่ยว่า ”ช่างเป็นมังกรที่ตัวใหญ่อะไรเช่นนี้! มันจะต้องอร่อยมากแน่ๆ”
ทุกคนรวมไปถึงชิงหลงถึงกับพูดไม่ออก
โอ้ ไม่นะ! เจ้าหนูนี่วิ่งเข้ามาได้อย่างไรกัน
อาจารย์ท่านนั้นเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมหน้าอย่างจนใจ
ไม่มีมังกรตัวไหนทนคนที่บอกว่าอยากกินมันได้หรอก!
อีกอย่าง!
เจ้าหนู เจ้าเด็กบ้าเอ๊ย เจ้าจะกินอะไรก็ได้ แต่ทำไมต้องกินเทพมังกรด้วย!
ท่านเจ้าสำนักอบรมเจ้ามาอย่างไรกัน
เจ้าจะรังแกพวกข้าก็ไม่เป็นไรหรอก แต่นี่คือเทพมังกร เทพมังกรเชียวนะ!
เจ้าจะกินมันได้อย่างไร
”จับย่างหรือตุ๋นดี” เด็กชายหัวโล้นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตระหนักได้ว่าพี่สามผู้ไร้พ่ายไม่ได้อยู่ข้างเขา
เด็กชายมีท่าทีสับสนเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการไล่ตามอาหารเลิศรสของเขาแต่อย่างใด!
เขาย่อตัวลง พร้อมกับใช้นิ้วจิ้มลงไปที่กรงเล็บของมังกรตัวนั้น ใบหน้าเล็กๆ ของเขาดูเคร่งเครียดอย่างที่สุด ”ข้าควรนำมันไปทำอะไรกินดี”
อาจารย์ท่านนั้นสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องโบกแขนเสื้อแล้วสั่งว่า ”ทุกคน ถอยออกมาเดี๋ยวนี้!”
ชิงหลงตัวนั้นจะต้องโมโหอย่างแน่นอน!
แต่อวิ๋นปี้ลั่วกลับยืนอยู่ท่ามกลางลูกศิษย์เหล่านั้น ดวงตาของนางค่อยๆ ทอดมองออกไปไกล
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์แสร้งทำเป็นถอนหายใจ แล้วเอ่ยว่า ”ปกติพี่สาวของข้าก็มักจะเป็นคนบุ่มบ่ามและหยาบคายอยู่แล้ว แม้สุดท้ายนางจะสามารถอัญเชิญอะไรออกมาได้ แต่สิ่งนั้นกลับกำลังก่อหายนะครั้งใหญ่ให้พวกเราในเวลานี้แทนเสียแล้ว”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น ความตกใจในตอนที่ทุกคนได้เห็นชิงหลงตัวนั้นก็พลันถูกแทนที่ด้วยความเกลียดชัง
ใช่แล้ว เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่รู้จักแม้แต่คาถาอัญเชิญด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงเดาได้เลยว่านางก็คงไม่สามารถฝึกชิงหลงตัวนั้นให้เชื่อฟังได้เช่นกัน
เพียงแต่พวกเขากลัวว่าองค์ชายเจ็ดอาจจะได้รับอันตราย เพราะไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปอยู่ใต้กรงเล็บของเทพมังกรตัวนั้นเลยแม้แต่คนเดียว…
———————
[1] มังกรฟ้า เป็นเทพอสูรแห่งทิศตะวันออก