องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 359 อาบน้ำด้วยกัน
หูของเฮ่อเหลียนเวยเวยชาไปชั่ววินาที จากนั้นนางก็ยิ้มออกมาแล้วผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “ข้าคิดว่าบางตำแหน่งนั้นองค์ชายเป็นคนล้างด้วยตัวเองคงจะดีที่สุด”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่อยู่ในอ่างทำเพียงจ้องมองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยสายตาลึกล้ำ
“ก็ได้”
ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ เฮ่อเหลียนเวยเวยแทบไม่อยากเชื่อ
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับยกมือขึ้น แล้วบอกว่า “เอาโคลนล้างตัวมาให้ข้า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเพียงส่งเสียง ’อ๋อ’ ออกมา แล้วส่งของสิ่งนั้นให้กับเขา
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้รับไป แต่กลับถามคำถามที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในเวลานี้ขึ้นมาแทน “ตอนนี้เจ้าสวมแค่เสื้อตัวในอยู่หรือ”
“ใช่” เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับเสื้อผ้าของคนในยุคโบราณที่ต้องสวมทับกันหลายชั้นแต่อย่างใด ดังนั้นนางจึงรู้สึกว่ามันคงไม่เป็นอะไรหากนางจะสวมเพียงเสื้อตัวในและกางเกงผ้าฝ้ายหลวมโพรกเพียงตัวเดียวเช่นนี้
แต่สิ่งที่นางไม่รู้คือเวลาที่ผ้าชนิดนี้เปียกน้ำ มันจะดูยั่วยวนยิ่งกว่าตอนที่ต้องเปลือยทั้งร่างเสียอีก
สายตาในดวงตาเรียวยาวของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ่งดูลึกล้ำขึ้น จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นเหมือนกับต้องการจะลุกขึ้นยืน แต่เขาก็พลาดท่าลื่นล้มเพราะผ้าที่พันอยู่บริเวณมือข้างซ้ายนั้น
เฮ่อเหลียนเวยเวยยื่นมือออกไปพยุงเขาไว้โดยไม่ต้องคิด
แต่แล้วนางก็ถูกแรงของเขากระชากเข้าไปหาจนตกลงไปในอ่างอาบน้ำนั้นพร้อมกับเขา
ซ่า!
สุดท้ายเมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยโผขึ้นสู่ผิวน้ำได้ นางก็เปียกโชกไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมยาวถึงเอวของนางและกลีบกุหลาบสีแดงลอยอยู่บนผิวน้ำนั้น
แม้เขาจะทำหน้าเหมือนถูกนางทำร้าย แต่มือข้างหนึ่งของเขากลับกำลังโอบรอบเอวของนางอยู่ ดวงตาของเขามีแววตาชั่วร้ายอยู่ภายใน “มันอันตรายนะ น้ำเกือบโดนแผลเสียแล้ว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยถึงกับรู้สึกได้ถึงริมฝีปากของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่สัมผัสกับใบหูของนางอย่างแผ่วเบาได้เลยทีเดียว
“อืม มันก็ค่อนข้างที่จะอันตรายจริงๆ” นางเอียงศีรษะเล็กน้อยเพราะต้องการหลบหนีไปจากสภาพอันแนบชิดเกินควรนี้
แต่นางกลับถูกไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดึงกลับลงไปในน้ำอีกครั้ง เขาปลดคอเสื้อของนางออกอย่างช้าๆ แล้วลูบรอยสีแดงบนคอของนางพร้อมกับหรี่ตา…
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกชาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายนิ้ว นางไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าทำไมนางถึงได้รู้สึกอ่อนไหวไปเสียทุกครั้งที่นิ้วของเขาสัมผัสเข้ากับที่ตรงนั้น…
“มันดูฝังแน่นทีเดียว” น้ำเสียงลุ่มลึกของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดังขึ้นข้างหูของนาง เสียงนั้นเหมาะกับอารมณ์ปัจจุบันที่อยู่ในดวงตาของเขายิ่งนัก
เฮ่อเหลียนเวยเวยสัมผัสได้ถึงความร้อนอันแสนอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นทั่วร่าง นางมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ย แล้วพยายามลุกขึ้น
“อย่าขยับ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดึงมือนางลง เขาขยับตัวเข้าไปหานาง สีหน้าของเขาเย็นชาและดูไม่แยแส แล้วเขาก็เอ่ยว่า “ถ้าเจ้ายังขยับต่อ ข้าคงให้สัญญากับเจ้าไม่ได้ว่าข้าจะสามารถควบคุมตัวเองได้”
คำพูดนั้นฟังดูเหมือนเขากำลังบอกว่านางเป็นฝ่ายยั่วยวนเขา แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ไม่ได้ขยับตัวอีก ไม่ใช่เพราะนางกลัวเขา แต่เพราะความร้อนที่มาจากตำแหน่งนั้นกำลังขยายตัวอย่างชัดเจนต่างหาก
เฮ่อเหลียนเวยเวยประหลาดใจกับรูปร่างของสิ่งนั้น
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังคงโอบเอวของนางอยู่ ดวงตาของเขาดูเศร้า จริงอยู่ที่การกอดนางที่สวมเพียงเสื้อตัวในเอาไว้เช่นนี้ทำให้เขารู้สึกสบาย แต่ถ้านางไม่ได้สวมอะไรเลยสักชิ้น มันก็คงรู้สึกดีกว่านี้มากนัก…
เพียงแค่คิดเช่นนี้ เลือดในร่างของเขาก็คล้ายกับจะเดือดพล่านขึ้นมาและไหลไปรวมกันอยู่ที่จุดเดียวจนทำให้มันขยายตัวขึ้น
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขยับตัวอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้พร้อมกับกอดคนที่อยู่ในอ้อมแขนไปด้วย
แน่นอนว่าการถูไถนั้นย่อมทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยเกร็งไปทั้งตัว แต่แม้ว่านางจะตัวแข็งอยู่ นางก็ยังหันหน้ากลับไปมองเขาด้วยสายตาเป็นคำถาม
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับตอบกลับมาอย่างใจเย็นว่า “ขาข้าชาเพราะนั่งอยู่ท่าเดิมมานานเกินไป”
นางเข้าใจผิดไปเองหรือ เฮ่อเหลียนเวยเวยมองสีหน้าอันเยือกเย็นของเขา และนึกสงสัยกับการคาดเดาของตนเมื่อครู่ เขาไม่ได้จงใจทำเช่นนั้นหรือ
ในเวลานี้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยปล่อยมือออกจากนางได้ทันเวลา เขาดูเหมือนกับสุภาพบุรุษผู้ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี “เจ้าไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ”
หลังจากได้ยินคำนี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และเดินออกจากอ่างอาบน้ำ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเลิกคิ้วพร้อมกับมองร่างที่หายไปอยู่ด้านหลังของฉากกั้น
หึ นางหนีได้รวดเร็วยิ่งนัก
“อย่างน้อยเจ้าก็ควรเตรียมผ้าขนหนูเอาไว้ให้ข้าด้วยหลังจากออกไป”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันเยือกเย็นที่ดังมาจากด้านหลัง นางก็หัวเราะออกมา พร้อมกับทุ่มแรงไปที่มือข้างซ้าย จากนั้นผ้าขนหนูสีขาวผืนหนึ่งก็ลอยละลิ่วเป็นเส้นโค้งอันงดงามก่อนจะร่วงลงไปในอ่างอาบน้ำใบนั้น
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ้มพลางมองผ้าขนหนูที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากอ่าง แล้วค่อยๆ เช็ดหยดน้ำที่อยู่บนร่างของตน ก่อนเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “กิเลน ออกมา”
“ชิๆๆ แม้กระทั่งตอนที่เป็นเช่นนี้ ท่านก็ยังหาข้าเจอจนได้” กิเลนอัคคีเผยร่างอันเลือนรางของตนออกมา ก่อนก้มลงเลียอุ้งเท้าขนาดใหญ่ยากจะหาใครมาเทียบได้ของมัน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยส่งสายตาเย็นชาให้มัน
แต่แค่สายตานั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มันตัวแข็งค้างอยู่กับที่ แม้กระทั่งอุ้งเท้าของมันก็ยังเกิดอาการชาไปด้วย มันขยับไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อเงยหน้าขึ้น มันก็เห็นแสงสีทองที่อยู่ในดวงตาของผู้เป็นนาย
ทันใดนั้นกิเลนอัคคีก็รู้ว่าผู้เป็นนายได้ร่ายอาคมตรึงร่างของมันไว้ มันรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที “นายท่านขอรับ ข้าไม่ได้ทำอะไรเสียมารยาทต่อท่านเสียหน่อยนะขอรับ”
“ข้าไม่ชอบให้ใครมาจับตามองตอนข้ากำลังยุ่ง” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังคงไม่สะทกสะท้าน
กิเลนอัคคีกระแอมออกมาเล็กน้อย “ข้าไม่เห็นอะไรเลยนะขอรับ แต่นายท่าน นายท่านจงใจทำเช่นนั้นใช่หรือไม่ขอรับ กลัวว่าแผลจะเปียกอะไรกัน เห็นๆ กันอยู่ว่าท่านก็แค่อยากดึงนางลงไปในน้ำชัดๆ…”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้ปฏิเสธ เขาโยนผ้าขนหนูทิ้งลงข้างตัว เผยให้เห็นร่างกายท่อนบนที่หลายคนล้วนแต่อิจฉา แล้วก้าวเท้าเดินออกไป ลวดลายของกล้ามเนื้อที่อยู่บนร่างของเขานั้นงดงามลงตัวยิ่งนัก
เดี๋ยวสิ แล้วข้าล่ะ
นายท่านไม่คิดจะปล่อยข้าก่อนหรือ
ข้าก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเองนะ!
กิเลนอัคคีรู้สึกอยากร้องไห้ทั้งที่ไม่มีน้ำตา มันทำได้เพียงรักษาท่าทางการยืนด้วยขาเพียงข้างเดียว ส่วนลิ้นก็ยังยื่นออกไปเลียอุ้งเท้าของตนเช่นนี้เอาไว้เท่านั้น เงาของมันที่พาดลงบนอ่างอาบน้ำนั้นทำให้มันดูโง่เง่ากว่าที่ควรจะเป็นยิ่งนัก!
อ้าก ภาพลักษณ์ของข้าถูกทำลายจนไม่เหลือแล้ว!
บังเอิญว่าในเวลานั้นมีนกกระจอกจำนวนหนึ่งบินมาเกาะที่กิ่งไม้พอดี พวกมันมองเขาด้วยความชื่นชม แล้วเอ่ยว่า “พวกเจ้าคิดว่าลูกพี่กิเลนกำลังทำอะไรอยู่หรือ ท่าทางเขาดูแปลกตายิ่งนัก”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…”
กิเลนอัคคีได้ยินเช่นนั้น มันก็รีบตอบกลับไปว่า “ข้ากำลังฝึกการทรงตัวอยู่” ภาพลักษณ์! มันจะต้องรักษาภาพลักษณ์อันยิ่งใหญ่ต่อหน้าบรรดาสัตว์ตัวเล็กๆ เหล่านี้เอาไว้ให้จงได้
“ฝึกการทรงตัวนี่เอง!” นกกระจอกพวกนั้นเริ่มกระโดดโลดเต้นไปรอบๆ พร้อมกับมองไปที่กิเลนอัคคีอย่างตื่นเต้น “ลูกพี่เท่มากๆ ขอรับ!”
กิเลนอัคคีส่งเสียงตอบรับ ท่าทางของมันดูทรงอำนาจเสียไม่มี
หนึ่งในนกกระจอกจำนวนนั้นกระโดดลงมา มันทำตาโตแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นท่านเปลี่ยนท่าได้หรือเปล่าขอรับลูกพี่ พวกข้าอยากเห็นท่านทำท่าอื่นอีก”
กิเลนอัคคีคิดในใจ บัดซบ! นายท่าน ช่วยข้าด้วยขอรับ กลับมาคลายอาคมตรึงร่างให้ข้าที!!!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยได้ยินเสียงร้องที่ดังมาจากด้านหลังของตน แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะหันกลับไป แทนที่จะเป็นเช่นนั้นเขากลับคลี่ยิ้มชั่วร้ายออกมา พลางใช้นิ้วขยี้เส้นผมอันเปียกชื้นของตัวเอง ก่อนจะโน้มตัวรินชาลงในถ้วย หลังจากจิบชาเสร็จ เขาก็เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แล้วหันไปจ้องเฮ่อเหลียนเวยเวยที่ยืนอยู่หน้าเตียงนอน “เจ้าทำอะไรอยู่หรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่คิดว่าเขาจะออกมาเร็วถึงเพียงนี้ นางกำลังมองชุดที่อยู่ตรงหน้า และกำลังพิจารณาว่าชุดไหนจะช่วยซ่อนรอยที่คอของนางได้ดีกว่ากันอยู่ สีหน้าของนางดูหดหู่ นางขมวดคิ้วใส่เสื้อคลุมตัวยาวที่อยู่บนเตียง แต่เมื่อหันหลังกลับไป นางก็เห็นองค์ชายบางพระองค์กับแผ่นอกอันเปลือยเปล่าและแขนขาเรียวยาวแสนน่าดึงดูดยืนอยู่ตรงนั้น…