องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 384 องค์ชายสามผู้เสแสร้ง
มันทำเช่นนี้ก็ได้หรือ
เจ้าสิ่งนั้นทั้งแข็งทั้งร้อนแม้ว่าเขาจะยังอยู่ในฝัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยกำมือเข้าหากัน ร่างของนางอ่อนยวบ บัดซบ นางคงไม่สามารถเจอหน้าใครได้เลยในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง นางกลัวว่านางจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และเผลอจับเขากดเข้า
หลังจากปรับลมหายใจตัวเองจนเข้าที่ ร่างของนางจึงค่อยๆ ผ่อนคลาย ช่างมันเถอะ คิดซะว่าเป็นการฝึกหักห้ามใจก็แล้วกัน
เมื่อคิดได้ดังนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยก็หลับตาลงและจมเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งเพราะความเหนื่อย
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยลืมตาตื่นขึ้นหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นอะไรได้ เขาชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นมุมปากของเขาก็กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ความชั่วร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาไม่มีท่าทีเขินอายเลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูภูมิใจในตัวเองยิ่งนัก
จากนั้นเขาจึงลุกออกจากผ้าห่ม แล้วไปทำความสะอาดอะไรบางอย่างเล็กน้อย ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เฮ่อเหลียนเวยเวยในตอนที่เขาเดินกลับมา จากนั้นเขาก็ดึงนางเข้าสู่อ้อมแขน
องค์ชายสามพอใจกับการได้ทำเครื่องหมายแสดงอาณาเขตของตนยิ่งนัก เขาสูดกลิ่นหอมจากผมเส้นยาวของเฮ่อเหลียนเวยเวย และรู้สึกชอบกลิ่นของตนที่อยู่บนตัวนางมากทีเดียว
มันควรจะเป็นเช่นนี้ เหยื่อที่เป็นของเขาก็ควรจะมีกลิ่นเดียวกันกับเขา
เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นเขาก็กระชับแขนที่อยู่รอบตัวนางเข้าหากัน เขาตัดสินใจแล้วว่าต่อไปในอนาคต เขาจะทิ้งร่องรอยไว้บนตัวนางให้มากกว่านี้
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่รู้แผนการในอนาคตขององค์ชาย ถ้านางรู้ นางย่อมไม่มีทางเห็นด้วยกับเขาแน่ ซ้ำยังอาจจะหัวเราะใส่หน้าเขาอีกด้วย
ใครที่ไหนเขาใช้วิธีนี้เป็นการแสดงอาณาเขตของตัวเองกัน คงมีแต่องค์ชายสามคนเดียวเท่านั้นที่วิตถารถึงเพียงนี้…
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองเฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่ครู่หนึ่ง เขาเผลอใช้นิ้วของตนลูบริมฝีปากของนางอย่างอดไม่ไหว ดวงตาของเขาเริ่มมืดมน
เขาไม่แน่ใจว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่าใบหน้าของนางค่อยๆ ร้อนขึ้น อีกทั้งลมหายใจของนางก็ยังหอบหนักขึ้นอีกด้วย
มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวว่ามันจะเป็นเพราะพวกเขาเคยมีอะไรกันมาก่อน และนางกำลังอยู่ในระหว่างการฝึกฝนพลัง ดังนั้นนางจึงอ่อนไหวกับสัมผัสของเขายิ่งกว่าที่เคย
สภาพเช่นนี้มีแต่จะเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ชายอย่างเขา
มันไม่มีข้อเสียอะไรสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาสามารถที่จะทำอะไรกับนางก็ได้
หึ ช่างเป็นสิ่งที่น่ารักน่าชังอะไรเช่นนี้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหยุดเคลื่อนไหวไปเล็กน้อย ก่อนนิ้วที่ลูบริมฝีปากของนางอยู่นั้นจะเคลื่อนต่ำลงไปด้านล่าง
เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ แพขนตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยกะพริบเล็กน้อย แล้วนางก็ส่งเสียง ’หืม’ ออกมา แต่นางกลับยังไม่ตื่น
ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมืดมิดยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนั้น เขาบดขยี้ริมฝีปากของตนเข้ากับริมฝีปากของนางอย่างตะกละตะกลามขณะสัมผัสกับทรวงอกที่อยู่ในมือของตน
ร่างของเขาร้อนรุ่มไปทั้งตัว เสียงกลืนน้ำลายลงคอนั้นดังฟังชัดอย่างน่าประหลาด
เขาโอบรอบเอวของนางไว้ สุดท้ายเมื่อริมฝีปากของนางเผยอขึ้น เขาก็ส่งลิ้นของตัวเองเข้าไปในนั้น ก่อนพุ่งเข้าโรมรันกับลิ้นของนาง
ทั้งสองตัวสั่น ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยล้ำลึกยิ่งกว่าที่เคย ลิ้นของพวกเขายังคงสัมผัสกันอยู่ และเขาไม่คิดที่จะปล่อยนางไป เป็นอีกครั้งที่เขารังแกนางในขณะที่นางกำลังหลับอยู่
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำจนถึงขั้นสุดท้าย แต่เขาก็จุมพิตนางไปทั่วตัว
กลิ่นหอมฉุนลอยอบอวลไปทั่วห้อง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพาดคางของตนไว้บนศีรษะของเฮ่อเหลียนเวยเวย รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ในเมื่อนางอ่อนไหวมากถึงเพียงนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาคงจะได้ร่วมรักกันในอีกช้า
เขาจะทำเช่นไรน่ะหรือ เขาอยากเห็นนักว่าหลังจากนางควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วนางจะร้องไห้วิงวอนเขาอย่างไรขณะนอนอยู่ใต้ร่างของเขา
จ๋อม จ๋อม!
เมฆหมอกนอกบานหน้าต่างเริ่มก่อตัว
สายฝนตกลงกระทบกับพุ่มไม้ ก่อนหยดลงบนพื้นหินสีเขียว
ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างทะเลสาบชิงหลง เขาถือร่มคันหนึ่งเอาไว้ในมือ ร่างของเขาดูผอมเพรียวเมื่อเห็นจากด้านหลัง แต่ก็ยังดูเย็นชาด้วย
เขาค่อยๆ ละสายตาออกจากทะเลสาบแล้วหันไปทางอวิ๋นปี้ลั่วที่ยืนอยู่ด้านหลัง เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบว่า “ครั้งนี้พวกเราเสียกำลังไปกว่าครึ่งเพราะเจ้าเปิดเผยข้อมูลนั้นออกไป”
ทันทีที่พูดเช่นนั้น เขาก็หรี่ดวงตาอันมืดมิดคู่นั้นของตนลง
ทันใดนั้นอวิ๋นปี้ลั่วก็สำลักเลือดสีดำออกมา!
นางยกมือขึ้นกุมไหล่ข้างซ้ายของตน ใบหน้าของนางซีดอย่างมาก แต่ในดวงตาของนางกลับแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางไม่ยอมรับเรื่องนี้
นางคิดว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะพบจุดจบอันเลวร้ายหากนางเปิดเผยออกไปว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังสร้างอาวุธอยู่
นางคาดไม่ถึงเลยว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะทำเช่นนั้นตามคำสั่งของอดีตฮ่องเต้
“คุณชาย ได้โปรดให้โอกาสข้าอีกครั้งด้วยเจ้าค่ะ” อวิ๋นปี้ลั่วเงยหน้าขึ้น ใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือของนางดูเปราะบาง “ครั้งนี้ข้าคำนวณผิดไป แทนที่ข้าจะมัวเสียเวลาอยู่กับเรื่องพวกนี้ ข้าควรจะหาทางเอาหัวใจขององค์ชายกลับคืนมามากกว่า”
ชายคนนั้นสบตากับนางทันทีที่เขาได้ยินเช่นนี้ “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเวยเวยเพราะอดีตฮ่องเต้”
อวิ๋นปี้ลั่วตัวแข็งไปทันที ตั้งแต่นางกลับมา นางก็ถามคำถามนี้กับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง
แม้ว่าคำตอบจะอยู่เหนือกว่าที่นางคาดการณ์เอาไว้ แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทีเดียว
นางคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ไม่เจ้าค่ะ ประการแรก เขาเลือกเฮ่อเหลียนเวยเวยเพราะเขาสนใจนาง แต่สิ่งที่ข้าต้องการบอกก็คือเขาเพียงแค่สนใจนางเท่านั้น และมันไม่ได้มีอะไรพิเศษมากไปกว่านั้น ฝ่าบาทอาจคิดว่าการที่เฮ่อเหลียนเวยเวยเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้หลังจากตื่นขึ้นนั้นเป็นของแปลกหายากก็ได้เจ้าค่ะ เขามักจะชอบพวกของหายากและมักจะทำเหมือนพวกมันเป็นเหยื่อของเขาเจ้าค่ะ ยิ่งเหยื่อตัวนั้นยากจะฝึกให้เชื่องเพียงใด เขาก็จะยิ่งสนใจมันมากขึ้นเท่านั้น แต่สุดท้ายแล้วเขาก็จะหมดความสนใจในตัวมันทันทีที่ทำสำเร็จ ข้าติดตามอยู่ด้านหลังเขามาเป็นเวลาหลายปี ข้าจึงรู้จักเขาดีกว่าใคร และรู้ถึงจุดอ่อนของเขาเช่นกัน หากนายท่านต้องการให้เฮ่อเหลียนเวยเวยไปจากฝ่าบาท ข้าก็เป็นคนเดียวที่สามารถทำได้เจ้าค่ะ”
“ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้งก็ได้ แต่ว่า…” ชายคนนั้นปรายตามองนาง แล้วปลดกระดุมคอเสื้อ ขาทั้งสองข้างของเขาไขว้กันอย่างสง่างาม เขาพูดขึ้นด้วยแววตาไร้อารมณ์ “อย่าให้ข้าเห็นว่าเจ้าพยายามที่จะทำร้ายเฮ่อเหลียนเวยเวยล่ะ!”
“เจ้าค่ะ” อวิ๋นปี้ลั่วข่มความรู้สึกไม่เห็นด้วยเอาไว้ขณะกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง นางรู้ได้ว่าจิตทั้งเจ็ดและวิญญาณทั้งหกของตนกำลังถูกแยกออกไปเพราะนางสัมผัสได้ว่าร่างของตัวเองเบาหวิวขึ้นเรื่อยๆ
ชายคนนั้นมองนาง เขางอแขนเล็กน้อย แล้วทันใดนั้นยันต์สีดำสนิทก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา เขาแปะยันต์นั้นเข้ากับหน้าผากของนาง แล้วพึมพำคาถาออกมา แสงสีขาวนวลสว่างปรากฏขึ้นที่นิ้วของเขา ก่อนจะไหลเข้าไปในตัวอวิ๋นปี้ลั่วพร้อมกับยันต์แผ่นนั้น
ทันทีที่ยันต์สีดำแผ่นนั้นย้ายเข้าไปอยู่ในร่างของนาง แสงสีทองก็สว่างวาบออกมาจากไหล่ข้างซ้ายของอวิ๋นปี้ลั่ว จากนั้นมันก็ถูกแทนที่ด้วยกลุ่มควันสีดำ และรยางค์หลายชั้น รยางค์เหล่านั้นพันตัวเข้าหากันก่อนจะกลายสภาพเป็นเนื้ออันสวยงามไร้ที่ติ มันดูเหมือนกับว่านางไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน
ชายคนนั้นละมือออกจากนางทันที แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องลอบดูหน่วยพิฆาตวิญญาณอีกต่อไปแล้ว เข้าหาไป๋หลี่เจียเจวี๋ย และทำตามคำพูดของเจ้าให้สำเร็จจะดีกว่า ไปทวงคืนพรหมลิขิตของเจ้ากับเขาในฐานะคู่รักวัยเด็กกลับมาซะ”
อวิ๋นปี้ลั่วกำมือแน่นเมื่อนางได้ยินคำว่า ’พรหมลิขิต’ และรับปากด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว “คุณชายโปรดวางใจ ข้ารู้ว่าข้าควรทำอย่างไร”
“ก็ดี” ชายคนนั้นหันหลังแล้วเดินตรงไปยังกลุ่มหมอกที่อยู่บนผิวทะเลสาบ ด้านหลังของเขานั้นงดงามราวกับภาพวาดจีนโบราณ
“นายท่านขอรับ” สัตว์อสูรครึ่งปีศาจที่ติดตามอยู่ด้านหลังของเขาไม่ได้ปรากฏกายออกมาในตอนแรก แต่ในที่สุดมันก็เอ่ยปากขึ้นมาหลังจากอวิ๋นปี้ลั่วหายไปจากสายตาของพวกเขา “ทำไมท่านถึงมุ่งมั่นที่จะเอาสิ่งนั้นมาจากเฮ่อเหลียนเวยเวยถึงเพียงนี้ล่ะขอรับ”