องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 385 เกิดอะไรขึ้นกับเวยเวยอย่างนั้นรึ
ผู้หญิงคนนั้นมีดีอะไร แม้นางจะค่อนข้างฉลาด แต่ก็ดูแข็งกระด้างยิ่งนัก คนที่สามารถสังหารสัตว์อสูรครึ่งปีศาจได้ย่อมไม่ใช่คนที่ควรจะเข้าไปหาเรื่องด้วย
ชายคนนั้นยิ้ม รอยยิ้มของเขาบางเบาราวกับฝุ่นธุลี ดวงตาของเขาลึกล้ำราวกับกำลังซ่อนบางอย่างไว้ภายใน
แทนที่จะตอบคำถามของสัตว์อสูรครึ่งปีศาจตนนั้น เขากลับมองไปทางชิงหลงที่กำลังหลับใหลอยู่ภายในทะเลสาบ สายตาของเขาอ่อนโยน “ความเคียดแค้นยังไม่เพียงพอ”
จากนั้นนิ้วมือของเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว เลือดสีดำจากปลายนิ้วของเขาหยดลงไปในทะเลสาบทีละหยด ดูราวกับกำลังเปิดประตูนรกอยู่ก็ไม่ปาน
น้ำเสียงลึกล้ำอันน่าขนลุกดังออกมาจากริมฝีปากบางของเขา
คาถาโบราณนี้ทำให้สัตว์อสูรครึ่งปีศาจรู้สึกตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
ในที่สุด! ในที่สุดนายท่านก็ลงมือ!
ชายคนนั้นเหลือบตามองมัน หมอกสีดำหนาทึบทะลักออกมาจากดวงตาของเขา “ไปเถอะ เจ้าคงหิวแย่แล้ว”
“ขอรับ” สัตว์อสูรครึ่งปีศาจเลียริมฝีปาก นัยน์ตาสีแดงดุจทับทิมของมันส่องแสงเจิดจ้า ก่อนจะหายตัวไปในราตรีอันมืดมิดในไม่ช้า
มันตามกลิ่นความโลภของมนุษย์ไปและเจอเข้ากับเป้าหมายอย่างรวดเร็ว มันอ้าปากแล้วกัดชายคนนั้นทันที!
ท่ามกลางความมืดมิด มีเพียงเสียงดูดเลือดดังให้ได้ยิน…
ฟุ่บ…
เฮ่อเหลียนเวยเวยนอนอยู่บนเตียง นางรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในภวังค์ ความรู้สึกนี้ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ เมื่อนางลืมตาขึ้น นางก็ตระหนักว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงมีแค่นางเพียงคนเดียว
นางหันหน้ากลับไป และสังเกตเห็นว่ามันไม่ใช่เตียง แต่เป็นริมทะเลสาบ
แต่ริมทะเลสาบแห่งนี้แสนจะคุ้นตา มองปราดเดียวนางก็จำมันได้ทันที
นี่มันทะเลสาบที่ชิงหลงถูกจองจับเอาไว้มิใช่หรือ
ทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่ได้
นางนอนอยู่บนเตียงตลอด และไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียวมิใช่หรือ
ฟุ่บ…
ในหูนางยังคงได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังอยู่
เฮ่อเหลียนเวยเวยกำมีดสั้นที่ตัวเองถืออยู่แน่นโดยสัญชาตญาณ แล้วเริ่มเดินเข้าไปทางทะเลสาบอย่างช้าๆ…
แกร๊ก!
เสียงนั้นหยุดลงกะทันหัน
ตีนเขาอันรกร้างว่างเปล่าที่ไร้เสียงเช่นนี้ยิ่งทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ โดยเฉพาะสีของผิวน้ำบนทะเลสาบนั่น
ยิ่งตกดึก มันก็ยิ่งให้ความรู้สึกมืดมนและชวนขนลุก
เฮ่อเหลียนเวยเวยกระชับมีดสั้น ลมหายใจของนางเหมือนจะช้าลงเล็กน้อย นางรู้สึกเสียวสันหลังราวกับมีตัวอะไรบางอย่างกำลังเกาะหลังนางอยู่…
เมื่อคิดได้ดังนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยก็หันกลับไปมองทันที!
ร่างไร้ใบหน้าร่างหนึ่งโผล่เข้ามาในระยะประชิด นอกจากริมฝีปากสีแดงสดแล้วบนใบหน้าของมันก็ไม่มีเครื่องหน้าอื่นอีก
หนังศีรษะของเฮ่อเหลียนเวยเวยชา นางสะดุ้งตื่นขึ้นในทันใด และพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน
เพียงแต่ว่าความฝันนั้นช่างเหมือนจริงยิ่งนัก มันสมจริงมากเสียจนแขนและขาของนางรู้สึกอ่อนล้าเล็กน้อย
เฮ่อเหลียนเวยเวยยกแขนขึ้นแล้วจัดเส้นผมที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ของตนขึ้นทัดหู นางเผลอกำผ้าห่มในอ้อมแขนแน่น แต่น่าแปลกทีเดียวที่สัมผัสนั้นไม่ได้นุ่มนิ่มอย่างที่เคย ทว่ามันกลับรู้สึกเปียกอย่างไรพิกล
เฮ่อเหลียนเวยเวยหลุบตา แล้วเคลื่อนสายตามองลงไปข้างล่าง
ในอ้อมแขนของนางไม่มีผ้าห่มแม้แต่ผืนเดียว แต่กลับเป็นศีรษะที่ไร้ใบหน้านั่นต่างหาก ปากที่อยู่บนใบหน้านั้นขยับ และพูดซ้ำๆ ว่า “คืนร่างมาให้ข้า คืนร่างมาให้ข้า…”
“อย่าเข้ามา!” เฮ่อเหลียนเวยเวยตะโกนเสียงดัง นางสะดุ้งตื่นขึ้นเต็มตา!
มือของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังคงยื่นค้างอยู่กลางอากาศ เขาน่าจะต้องการปลุกให้นางตื่น แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่นางพูด สุดท้ายเขาก็อยู่ในท่ายื่นค้างอยู่อย่างนั้น
เฮ่อเหลียนเวยเวยลุกขึ้นนั่งตัวตรง จากนั้นจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่านางยังอยู่ในห้องของตัวเอง
ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นฝันซ้อนฝัน
แต่ความฝันเช่นนี้สามารถทำให้คนสับสนได้ง่ายดายยิ่งนัก
เพียงแค่คืนเดียว แต่นางก็ฝันต่อกันไปแล้วถึงสามครั้ง อีกทั้งทุกความฝันนั้นก็ยังเกี่ยวข้องกับร่างกายนี้
มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยหลุบตาลง เห็นได้ชัดว่านางดูใจลอยเล็กน้อย
ทันใดนั้นหยวนหมิงก็ออกมายั่วโมโหนาง “มันจะเป็นเรื่องบังเอิญได้อย่างไร แม่นาง เจ้าประเมินอิทธิพลที่ร่างกายของเจ้ามีต่อเจ้าต่ำเกินไปแล้ว”
ระหว่างที่พูด หยวนหมิงก็กัดแอปเปิ้ลเนื้อกรุบกรอบในมิติสวรรค์ด้วยท่าทางสบายใจ
เฮ่อเหลียนเวยเวยปรายตามองเขา เป็นสัญญาณบอกว่านางจะเผาหนังสือโบราณเล่มนั้นทิ้งเสีย “บอกข้าหน่อยสิว่านอกจากทำตัวสู่รู้กับเรื่องส่วนตัวของข้าแล้ว เจ้ายังทำอะไรอย่างอื่นได้อีกหรือเปล่า”
“เจ้า… เจ้าใจเย็นๆ ก่อน” หยวนหมิงมองการเคลื่อนไหวของนาง มันเสียงอ่อนลงเล็กน้อย “ข้าเป็นปีศาจรับใช้ของเจ้า ดังนั้นข้าก็ต้องเปิดระบบป้องกันตัวเอาไว้ตอนที่เจ้าตกอยู่ในอันตรายอยู่แล้วน่ะสิ ข้าไม่ได้สู่รู้เรื่องส่วนตัวของเจ้าเสียหน่อย แต่ความฝันเมื่อครู่นี้ของเจ้ามันไม่ใช่ความฝันธรรมดา ข้าเลยต้องดึงเจ้าออกมาจากความฝัน”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว “แล้วนอกจากที่เจ้าจะวิเคราะห์ความฝันของข้าว่ามันเกี่ยวข้องกับวันเสพสังวาสที่กำลังจะมาถึงแล้ว เจ้ายังวิเคราะห์อะไรอย่างอื่นได้อีกหรือเปล่า”
“ระยะนี้สำนักไท่ไป๋ไม่สงบสุขนัก” ประกายแสงวาบขึ้นในดวงตาของหยวนหมิง “เจ้าคงไม่ได้ฝันร้ายโดยไม่มีสาเหตุ มันจะต้องมีความเคียดแค้นผิดปกติก่อตัวขึ้นจากรอบๆ นี้แน่ แต่ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงได้ฝันเช่นนั้น คำสุดท้ายนั่นหมายความว่าอย่างไร ทำไมมันถึงต้องการให้เจ้าคืนร่างให้มัน”
เพราะมันคือเฮ่อเหลียนเวยเวยตัวจริงอย่างไรเล่า นางต้องการที่จะกลับมา…
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองดูทิวทัศน์นอกหน้าต่างง ไม่แน่ชัดนักว่าความคิดของนางหยุดอยู่ที่ใด
ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นนางคิดว่าเจ้าของร่างนี้น่าจะตายไปตั้งนานแล้ว และนั่นทำให้นางสามารถเข้ามาอยู่ในร่างนี้ได้ แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยตัวจริงไม่ได้หายไปไหน ความจริงแล้วนางเพียงแค่หลับลึกอยู่ภายในร่างนี้ และรอคอยเวลาอันเหมาะสมที่จะตื่นขึ้นมาต่างหาก
หากเป็นเช่นนั้นละก็…
นางจะไปอยู่ที่ไหน
กลับไปที่ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดหรือ
เช่นนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่ล่ะ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังคิดอะไรอยู่ เขาทำเพียงแค่เฝ้ามองนางที่ตื่นขึ้นจากฝันร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาเรียวของเขาจมลง
แม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่แผ่นดินก็ดูคล้ายจะสั่นสะท้านอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่ามีบางอย่างคืบคลานอยู่ใต้มัน
หยวนหมิงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิดปกตินี้ได้ทันที เขารีบปิดปากเงียบ
กิเลนอัคคีกระโจนเข้ามาจากระยะห่างหลายฉื่อ แล้วกลับคืนสู่ร่างที่แท้จริงของตน ขนสีแดงดั่งเปลวเพลิงนั้นดูสง่างามอย่างยิ่ง ดวงตาของมันมองออกไปไกลแสนไกล หางขนาดใหญ่ทิ้งลงบนพื้นดิน แล้วนัยน์ตาของมันก็เปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม
กิเลนอัคคีไม่เคยกลับคืนสู่ร่างที่แท้จริงของตนโดยไม่ได้ถูกอัญเชิญออกมาอย่างที่มันทำในวันนี้มาก่อน ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเองก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นความผิดปกตินั้นได้ เขาเปิดม่านออกแล้วมองไปที่มัน
กิเลนอัคคีอ้าปาก สื่อสารกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโดนใช้พลังปราณ “ข้าคิดว่ามีตัวอะไรบางอย่างถูกปลดปล่อยออกมาขอรับ ดูเหมือนมันจะอยู่ในสำนักไท่ไป๋”
ทันทีที่ได้ฟังเรื่องนี้ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ค่อยๆ หรี่ตาลง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายของเขางดงามราวกับเพชร แต่ในเวลาเดียวกันก็เผยความเย็นชาที่ไม่เคยมีมาก่อนออกมา เขาไม่ใส่ใจมากนักว่าสิ่งที่เพิ่งถูกปล่อยออกมาจะเป็นตัวอะไร ดังนั้นน้ำเสียงของเขาจึงเอ่ยอย่างติดจะเย็นชาว่า “ถ้าคนที่ถูกสิงฝันร้ายติดต่อกันหลายครั้ง โดยส่วนมากแล้วสาเหตุของมันมาจากอะไรหรือ”
หา? กิเลนอัคคีรู้สึกเหมือนมันตามความคิดของผู้เป็นนายไม่ทัน แต่มันก็ยังครุ่นคิดเรื่องนั้นอย่างละเอียด ก่อนจะตอบว่า “นั่นคือภาวะที่วิญญาณกำลังแย่งชิงร่างกันขอรับ มีวิญญาณดวงหนึ่งกำลังพยายามสู้กลับ”
“วิญญาณสู้กลับหรือ”
หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เฮ่อเหลียนเวยเวยคนปัจจุบันจะหายไปหรือ