องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 389 ชั่วโมงเรียนจูบกับองค์ชาย
เมื่อเห็นหน้าเขา เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ถึงกับตัวสั่น หน้ากากเงินอันนั้นแทบจะไม่สามารถปิดบังใบหน้าหล่อเหลาของเขาได้เลยด้วยซ้ำ มันกลับยิ่งเพิ่มความเย็นชาให้เขาเสียอีก
เฮ่อเหลียนเวยเวยอ้าปากและกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่คนคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นจากทางด้านหลังของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเสียก่อน เป็นตู๋ซูเฟิงนั่นเอง ดูเหมือนเขามาที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องหารือกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
ขณะที่เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังลังเลอยู่ว่านางต้องพูดอะไรกับเขาหรือเปล่า ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็เอ่ยขึ้นมาเพียงสองคำว่า “มานี่”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว แต่นางก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหันหน้าไปทางตู๋ซูเฟิง และตอบเพียงแค่ “เอาไว้คุยกันพรุ่งนี้” จากนั้นเขาก็ออกจากย่านการค้าพร้อมกับเฮ่อเหลียนเวยเวยโดยที่จับมือนางเอาไว้
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกถึงอันตรายได้ด้วยสัญชาตญาณ แต่คนที่อยู่ข้างนางนั้นไม่เปิดโอกาสให้นางได้ปฏิเสธเลยแม้แต่นิดเดียว
ในเวลานี้ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเต็มไปด้วยความเย็นชาราวน้ำแข็ง เพราะเขารอเฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่กว่าครึ่งชั่วยามก่อนที่จะเดินออกไปตามหาตัวนาง
สิ่งเดียวที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเกลียดที่สุดในชีวิตคือการ ’รอ’ เขาเกลียดการใช้เวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ยิ่งกว่าใคร
แต่เขากลับต้องรอเหยื่อตัวเดิมถึงสองครั้งสองครา ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับเขานั้น ’ความรัก’ มิอาจเป็นไปได้ เพราะ ’ความรัก’ หมายถึงการต้องมอบหัวใจของตนให้กับคนอีกคน และการทำเช่นนั้นนับว่าเป็นเรื่องปวดหัวสำหรับเขาอย่างแท้จริง
แต่เมื่อครู่นี้ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับเริ่มตระหนักได้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงที่ตนมีให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวย รวมถึงความหมายที่แท้จริงของมันด้วย
เขาต้องยอมรับว่าเมื่อเวลาผ่านไปความสนใจที่เขามีต่อเหยื่อตัวนี้ก็เริ่มมีมากกว่าที่ควรจะเป็น
อืม… หรือมันอาจจะไม่ควรถูกเรียกว่าความสนใจแล้วก็เป็นได้
เพราะเขามั่นใจว่าการกระทำอันไม่ยั้งคิดที่เขาทำกับเฮ่อเหลียนเวยเวยนั้นผิดปกติทีเดียว
นอกจากความปรารถนาที่มีต่อนางแล้ว เขาก็ยังอยากมีอำนาจควบคุมนางโดยสมบูรณ์อีกด้วย
เช่นเดียวกับในเวลานี้ สิ่งที่เขาอยากทำที่สุดก็คือการขังนางไว้ในห้องนอน ล่ามนางไว้กับเตียงตลอดไป แล้วรอดูว่าสุดท้ายแล้วนางจะสนใจเขาบ้างหรือไม่
แต่เขาสามารถทำเช่นนั้นได้หรือ
ไม่เลย
เพราะเห็นได้ชัดว่านางไม่ชอบการถูกควบคุมแบบนั้น
ยิ่งกว่านั้น การทำเช่นนั้นก็มีแต่จะยิ่งทำให้คนอื่นมั่นใจว่านางเป็นเพียงของเล่นชิ้นหนึ่งสำหรับเขาเท่านั้น
ตอนนั้นเองที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังที่เขามีต่อมนุษย์ที่เห็นความคิดของตัวเองเป็นใหญ่และต้องการบงการทุกสิ่ง
แต่เขาก็ข่มอารมณ์ของตนเอาไว้ได้ ก่อนจะเดินนำเฮ่อเหลียนเวยเวยไปที่หัวมุมแห่งหนึ่งซึ่งร้างผู้คน แล้วกักขังร่างของนางเอาไว้กับผนังด้วยความเร็วเพียงชั่วพริบตา “ดียิ่งนัก ’ไม่ว่าข้าจะเลือกพระสนมหรือไม่ มันก็เป็นเรื่องของข้า’ เจ้าช่างใจกว้างเสียเหลือเกิน”
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาคิดว่าเจ้าตัวเล็กในวงแขนของเขาถูกฝึกจนเชื่องแล้วเสียอีก
ใครจะคาดคิดว่าทันทีที่เขาตัดสินใจว่าจะเริ่มปฏิบัติกับนางให้ดียิ่งขึ้น และมอบอิสรภาพให้นางมากกว่านี้ นางจะตอบแทนน้ำใจของเขาด้วยท่าทางเช่นนั้น
แม้อันที่จริงเขาเองก็หวังว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะไม่นำเรื่องการคัดเลือกพระสนมไปใส่ใจมากนัก แต่วิธีการปฏิบัติของนางก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถมองข้ามไปได้
การยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนั้นย่อมหมายความว่านางใส่ใจเขา และนางมีเขาอยู่ในหัวใจ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยคิดกับตัวเองว่าตลอดเวลาหลังจากเฮ่อเหลียนเวยเวยแต่งงงานกับเขา เขาได้ทำทั้งสิ่งที่สมควรทำ และสิ่งที่ไม่สมควรทำลงไปกับนางมากมาย
ไม่ว่าเจ้าตัวเล็กนี่จะไร้หัวใจเพียงใด แต่หลังจากผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมา นางก็ควรจะรู้สึกอะไรได้บ้างแล้ว
แต่ความเป็นจริงนั้นไม่ใช่เพียงแค่นางยังคงไร้หัวใจเช่นเดิม แต่นางยังไม่เคยคิดที่จะสนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
ความรู้สึกนี้เหมือนกับตอนที่เรายกเท้าขึ้นบันไดอย่างมั่นใจ แต่ขั้นบันไดนั้นกลับกลายเป็นพื้นอันราบเรียบ
แล้วจากนั้นเราก็ล้มลงจนได้เลือด
“ข้า…” เฮ่อเหลียนเวยเวยทำได้เพียงแค่พูดออกมาคำเดียวเท่านั้นก่อนที่ปลายคางของนางจะถูกบีบแน่น
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขยับตัวเข้าไปแล้วจ้องหน้านาง บนใบหน้าของเขายังมีหน้ากากเงินสวมอยู่ เขาดูเหมือนกับเจ้าชายแวมไพร์จากการ์ตูนไม่มีผิด “อ้าปาก”
เฮ่อเหลียนเวยเวยงง เขาหมายความว่าอย่างไร
“หรือเจ้าอยากให้ข้าทำอย่างว่ากับเจ้าสักรอบที่นี่แทน หืม” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสอดมือข้างหนึ่งของตนเข้าไปใต้เสื้อคลุมของนาง นิ้วเย็นยะเยือกนั่นสัมผัสเข้ากับแผ่นหลังของนาง
ผีทะเล! เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไรว่าจะทำเรื่องอย่างว่าที่นี่ ใครเป็นคนบอกว่าองค์ชายเป็นคนเย็นชาหรือ เขาเย็นชาตรงไหนกัน
ที่นี่ไม่ใช่ที่สาธารณะ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องระวังเรื่องมารยาทในฐานะองค์ชาย
ในเวลานั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง นิ้วของนางสั่นระริก ขณะที่นางเผลอคว้ามือของเขาเอาไว้โดยไม่รู้ตัว แต่เห็นได้ชัดว่านางสู้แรงของเขาไม่ได้ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงแค่ปล่อยให้เขาจุดความปรารถนาที่แผ่นหลังของนางขึ้นมา
“หึ” ทันทีที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเห็นใบหน้าแดงระเรื่อของนาง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าร่างของนางกำลังเข้าใกล้ช่วงเวลาเสพสังวาสเต็มที เขาจงใจขยับนิ้วช้าลงเพราะอดที่จะแกล้งนางไม่ไหว นิ้วของเขายังคงลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของนาง ในขณะที่เขางอเข่าลงเล็กน้อย แล้วแทรกมันเข้าไประหว่างขาทั้งสองข้างของนาง ทำให้นางไม่อาจป้องกันตัวเองได้ “ถ้าเจ้าอยากให้ข้าปล่อย เช่นนั้นก็อ้าปากซะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยกัดริมฝีปากบางของตน นางไม่รู้เลยว่าเขาหาจุดอ่อนของนางเจอได้อย่างไร แต่สิ่งที่นางรู้แน่ๆ ก็คือหากนางยังไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยคงได้ทำยิ่งกว่านี้แน่ เสพสังวาสบ้าบออะไรกัน มันเป็นสิ่งบ่อนทำลายจิตใจอันแน่วแน่ของนางชัดๆ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างเย็นชา เขาอุ้มนางขึ้น แล้วผลักนางเข้ากับมุมหนึ่งของผนัง เขาเลิกคิ้วบอกให้นางลงมือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่อยากหาเรื่องกับเขา ดังนั้นนางจึงอ้าปาก แล้วจากนั้นเขาก็ประกบริมฝีปากของเขาเข้ากับนาง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสอดลิ้นของตนเข้าไปในปากนางราวกับจะไม่ปล่อยให้นางหนีไปได้ง่ายๆ แล้วบอกสิ่งที่นางควรทำอย่างใจเย็น “อย่าใช้ฟัน”
เฮ่อเหลียนเวยเวยชะงัก
เขาดูดเข้าที่ปลายลิ้นของนาง ทันใดนั้นขาของนางก็ถึงกับอ่อนยวบ
“มองข้า” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกำลังสอนบทจูบให้กับนาง “หายใจเข้าเล็กน้อย จากนั้นยื่นลิ้นของเจ้าออกมาให้ข้า แล้วก็หายใจออกทางจมูก…”
นี่เป็นครั้งแรกที่เฮ่อเหลียนเวยเวยถูกจูบแบบนี้จริงๆ ในวินาทีที่นางยื่นลิ้นออกไป นางก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาแต่ชั่วร้ายของเขา สีหน้าของเขาดูราวกับต้องการที่จะหักกระดูกของนาง แล้วกลืนกินนางเข้าไปทั้งตัว
เขาถึงขั้นห้ามไม่ให้นางก้มหน้าหรือหลับตาอีกด้วย ดวงตาของงนางพร่ามัว ใบหน้าของนางแดงก่ำจนนางแทบจะละลายเพราะเสียงจูบที่เกิดขึ้น
ทันใดนั้นเขาก็จูบนางที่หน้าผากเป็นครั้งสุดท้าย ดูเหมือนการลงโทษจะจบลงแล้ว แต่นางก็ยังรู้สึกถึงมือของเขาที่เคลื่อนไปตามแนวสันหลังภายใต้เสื้อคลุมของนางได้
“ครั้งหน้าถ้าเจ้าพูดอะไรผิดอีก ข้าจะใช้วิธีนี้สอนเจ้าเองว่าการพูดที่ถูกต้องนั้นควรเป็นเช่นไร” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจูบปลายหูสีแดงระเรื่อของเฮ่อเหลียนเวยเวย ความเย็นชาที่นางรู้สึกได้เมื่อครู่นี้ดูเหมือนจะลดลงอย่างมาก
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้มีท่าทางสบายๆ เท่าเขา นางยังพยายามจับจังหวะลมหายใจของตัวเองอยู่ อีกทั้งยังรู้สึกราวกับร่างทั้งร่างกำลังถูกเผา ลิ้นของนางก็ยังชาจนพูดไม่ได้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยรู้ว่าเขารุนแรงกับนางมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงวางมือของตนลงที่หลังของเฮ่อเหลียนเวยเวย แล้วปลอบนางว่า “คราวหน้าก็เป็นเด็กดี และอย่าคิดอะไรโง่ๆ อีก เข้าใจไหม”
นางยังเป็นเด็กดีไม่พอหรือ นางถูกขังอยู่ที่มุมหนึ่งของกำแพง และยังถูกบังคับให้เรียนวิธีจูบตรงนั้นอีกด้วย นางไม่สู้กลับก็ดีขนาดไหนแล้ว
ความคิดโง่ๆ หรือ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยรู้เรื่องที่นางบอกให้เฮยเจ๋อช่วยเตรียมไว้ให้แล้วหรือ
เขาไม่น่าจะรู้ได้
นางไม่เคยนำมันออกมาแสดงให้เห็นเลยด้วยซ้ำ
อีกอย่างคนที่จะเลือกพระสนมก็คือเขา ไม่ใช่นาง
ขาของเฮ่อเหลียนเวยเวยยังเหลวเหมือนวุ้น นางมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ย และคิดกับตัวเอง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเห็นความดื้อรั้นบนใบหน้าเล็กๆ นั้นของนาง แล้วก็ยิ่งอยากแกล้งนางมากขึ้นไปอีก เขาอดที่จะเพิ่มแรงกดที่นิ้วของตน แล้วก้มศีรษะลงขบกัดใบหูของนางอีกครั้งไม่ได้ เขาอยากเห็นสีหน้าบนใบหน้าของนางตอนที่ความสุขล้ำนั้นทำให้นางต้องหลั่งน้ำตาออกมาจากดวงตาคู่นั้น…