องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 393 ความคิดของเวยเวย
“ข้าไม่สามารถมอบโอกาสให้เจ้าเป็นพระสนมได้ คนเดียวที่สามารถมอบตำแหน่งนี้ให้เจ้าได้คือไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ถ้าเจ้าอยากเป็นพระสนม เจ้าก็ควรไปหาไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ไม่ใช่ข้า” เฮ่อเหลียนเวยเวยกล่าวอย่างไม่แยแส แต่น้ำเสียงของนางกลับแจ่มชัดจนยากจะคาดเดาอารมณ์ของนางได้
แต่อวิ๋นปี้ลั่วกลับส่ายหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำ “เจ้ายังไม่ยอมรับข้าหรือ”
เฮยเจ๋อไม่ได้พูดอะไรมาตั้งแต่ต้น เขานั่งอยู่ข้างเฮ่อเหลียนเวยเวย นิ้วเรียวยาวของเขาเล่นกับถ้วยกระเบื้องเคลือบพร้อมกับเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาขณะสังเกตนาง
อวิ๋นปี้ลั่วเหลือบมองเขา น้ำตาไหลลงมาตามใบหน้าของนาง นางเอ่ยอย่างฝืนใจว่า “คุณชายเฮย ท่านช่วยขอร้องพระชายาให้ข้าได้หรือเปล่า สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างข้ากับฝ่าบาทนั้นทั้งหมดล้วนแต่เป็นความเข้าใจผิด เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ฝ่าบาทย่อมรู้ว่าสิ่งที่ตนต้องการคืออะไร คุณชายเฮย ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ต้องการที่จะทำร้ายใคร ข้าเพียงแค่ต้องการอยู่เคียงข้างฝ่าบาทเท่านั้น”
หากเป็นผู้ชายธรรมดาทั่วไป ทันทีที่พวกเขาเห็นผู้หญิงนิสัยคล้ายอวิ๋นปี้ลั่ว พวกเขาจะต้องรู้สึกเห็นใจนางอย่างแน่นอน
แต่เฮยเจ๋อรู้ว่านางกำลังวางแผนอะไรอยู่ อย่างไรเขาก็เป็นถึงคนที่ควบคุมธุรกิจการค้าทั่วทั้งเมืองเอาไว้ในมือ เขาจึงมองคนที่ดีแต่เอามีดแทงคนอื่น แต่กลับร้องว่าตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำเช่นนี้ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
เดิมทีนั้นเขาไม่คิดที่จะพูดอะไรแม้แต่น้อย เรื่องระหว่างผู้หญิงก็ควรปล่อยให้ผู้หญิงเป็นคนจัดการ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกเห็นใจเฮ่อเหลียนเวยเวย แต่เขาก็รู้ว่านางสามารถรับมือกับปัญหานี้ได้
แต่อวิ๋นปี้ลั่วผู้นี้กลับต้องการลากเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายนี้ให้ได้ และยังทำเหมือนกับว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยต่างหากที่เป็นคนผิด
นางทำราวกับว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นคนอื่น ส่วนนางก็คือรักแท้ขององค์ชายสาม ประทานโทษ ใครกันแน่ที่เป็นคนอื่นในความสัมพันธ์นี้ และใครกันแน่ที่เป็นคู่สมรสมตามกฎหมายหรือ เอ่อ… นางช่างหน้าด้านเสียจริง!
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฮยเจ๋อเหยียดกว้างขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าแข็งกระด้างนั้นดูผ่อนคลายลง เขามองอวิ๋นปี้ลั่วด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
เฮ่อเหลียนเวยเวยตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว นางไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทุกครั้งที่นางเห็นสีหน้านี้ของเขา นางจะรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทุกที
เฮยเจ๋อหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาแล้วเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของอวิ๋นปี้ลั่วอย่างอ่อนโยนยิ่งนัก จากนั้นเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลดุจเส้นไหมว่า “ไม่ต้องร้องไห้แล้ว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว เขาเช็ดน้ำตาให้ผู้หญิงหรือ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณชายรองเฮยคนที่นางรู้จักจะทำ
เมื่ออวิ๋นปี้ลั่วได้ยินคำพูดของเขา นางก็ดูเหมือนจะยิ่งเศร้าเสียใจมากขึ้นไปอีก นางเรียกเขาทั้งน้ำตา “คุณชายเฮย...”
แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้พูดให้จบประโยคดี น้ำเสียงชั่วร้ายแต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของเฮยเจ๋อก็ดังเข้ามาในหูเสียก่อน คำพูดของเขาทำเอานางถึงกับชะงักไป
เขาเอ่ยว่า “ถ้าเจ้าร้องไห้จนเสียโฉม แล้วจะเอาอะไรไปหลอกลวงผู้คนได้อีกเล่า”
ถ้าเจ้าร้องไห้จนเสียโฉม แล้วจะเอาอะไรไปหลอกลวงผู้คนได้อีกเล่า…
ถ้าเจ้าร้องไห้จนเสียโฉม แล้วจะเอาอะไรไปหลอกลวงผู้คนได้อีกอย่างนั้นหรือ!!!
อวิ๋นปี้ลั่วชะงัก ปากของนางเต็มไปด้วยน้ำตา และสีหน้าของนางก็แข็งกระด้าง มันช่างเป็นภาพที่เห็นแล้ว ’อารมณ์ดี’ จริงๆ!
เฮยเจ๋อดึงมือกลับ แล้วโยนผ้าเช็ดหน้าทิ้งด้วยท่าทางหยิ่งผยองอย่างที่เป็นในยามปกติ และทำราวกับว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้แม้แต่นิดเดียว
เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะลั่นตอนที่เห็นภาพนี้
อวิ๋นปี้ลั่วกัดริมฝีปากของนาง ดวงตาคู่งามคลอไปด้วยหยดน้ำตา ทำให้บรรดาคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของนางทนดูแทบไม่ไหวอีกต่อไป นางสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเอ่ยพร้อมกับไหล่อันสั่นเทาว่า “ในเมื่อคุณชายเฮยคิดกับข้าเช่นนี้ ข้าคงจะอ่อนต่อโลกเกินไปที่คิดว่าข้าจะเอาสิ่งที่ตนต้องการมาได้โดยที่ไม่ต้องกังวลมากนัก คุณชายเฮยคิดว่าข้าเป็นคนไม่ดี ข้ารู้ว่ามีบางสิ่งที่ข้าไม่ควรทำ แต่ฝ่าบาทกับข้าโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ข้าไม่สามารถปล่อยให้ความสัมพันธ์ของพวกเราพังทลายลงได้ ข้าไม่ได้เรียกร้องให้เวยเวยยกฝ่าบาทให้ข้า แต่ข้าหวังเพียงแค่ว่าข้าจะสามารถเข้าไปในวังหลวงได้ก็เท่านั้น” นางหยุดพูด ปรายตาไปทางเฮ่อเหลียนเวยเวย แล้วพูดต่อ “เวยเวย แค่คำขอร้องง่ายๆ จากข้าเจ้าก็ยังยอมรับไม่ได้เลยหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม แล้วสำรวจสายตาประฌามจากคนรอบข้างที่จ้องเขม็งมายังนาง พวกเขากำลังตำหนิว่าถ้านางไม่ยอมทำตามคำขอของอวิ๋นปี้ลั่ว เช่นนั้นนางก็จะมีความผิดในข้อหาพรากคนรักออกจากกัน
“ข้าไม่อาจพูดอะไรเกี่ยวกับการเข้าวังของเจ้าได้” เฮ่อเหลียนเวยเวยเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน นางยกขาขึ้นไขว่ห้าง ดวงตาของนางสว่างวาบ บรรยากาศที่นางแผ่ออกมาคือบรรยากาศของคนที่เหนือกว่า แล้วนางก็เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเอาเรื่องเดิมมารบกวนข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อให้เจ้าไม่เหนื่อย แต่ข้าก็เบื่อกับคำขอร้องของเจ้าแล้ว อวิ๋นปี้ลั่ว ใช่ว่าทุกความสัมพันธ์อันดีจะสมควรได้รับคำอวยพรจากทุกคน ถ้าเจ้าไม่สามารถปล่อยมือจากไป๋หลี่เจียเจวี๋ยได้ นั่นมันก็เป็นปัญหาของเจ้า แต่ถ้าเขาไม่สามารถปล่อยเจ้าไปได้ เช่นนั้นสิถึงจะเรียกว่าคู่สวรรค์ประทาน แต่ในเวลานี้ การคัดเลือกพระสนมก็ยังไม่ทันได้เริ่มเลยด้วยซ้ำ กระนั้นเจ้ากลับทำเหมือนข้าเข้าไปขัดขวางเจ้าเอาไว้เสียแล้ว ถ้าเจ้าอยากเข้าวังจริงๆ ข้าก็จะปล่อยให้เจ้าทำตามใจ แต่ตอนนี้ข้ายังเป็นพระชายาสามอยู่ เจ้ากลับมาขอร้องให้ข้าช่วยเติมเต็มความปรารถนาของเจ้าให้เป็นจริงด้วยท่าทางที่เหมือนกับว่าข้าเป็นคนผิด เจ้ามันหญิงมารยา เจ้าอยากได้ตำแหน่งนี้อย่างถูกต้องหรือ ดูเหมือนกุญแจสำคัญในเวลานี้จะอยู่ที่ว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะต้องการเจ้าหรือเปล่าต่างหาก”
คำพูดประโยคสุดท้ายของเฮ่อเหลียนเวยเวยทำให้อวิ๋นปี้ลั่วยิ่งสะอื้นไห้ ท่าทางตอนที่นางยกมือซ้ายขึ้นมาปิดหน้าตัวเองนั้นยิ่งทำให้นางดูอ่อนแอจนแทบยืนไม่ไหว “ข้าไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นเช่นนี้ ข้าต่างหากที่เป็นคนที่รู้จักองค์ชายสามก่อนเจ้า”
คนจำนวนหนึ่งเริ่มทนไม่ไหว พวกเขาเข้ามาพยุงอวิ๋นปี้ลั่วจากด้านหลัง แล้วเอ่ยปลอบใจนาง “พี่อวิ๋น อย่าคุยกับนางอีกเลย ท่านอธิบายไป คนพรรค์นี้ก็ไม่เข้าใจหรอกเจ้าค่ะ”
“ใช่ๆ อีกไม่นานการคัดเลือกพระสนมก็จะเริ่มขึ้นแล้ว พี่อวิ๋นจะต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน ตราบใดที่ท่านถูกเลือกให้เป็นพระสนม สุดท้ายแล้วเวลาก็จะช่วยคลี่คลายความเข้าใจผิดทั้งปวงให้เองเจ้าค่ะ เมื่อถึงเวลานั้นเราย่อมได้เห็นกันเต็มตาแน่เจ้าค่ะว่าใครกันแน่ที่องค์ชายมีใจให้ ในเมื่อใครบางคนเขาไม่ยอมรับท่าน เช่นนั้นตอนที่ท่านได้เป็นพระสนม ท่านก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจนางมากหรอกเจ้าค่ะ หรือต่อให้ในอนาคตองค์ชายจะหย่ากับใคร ท่านก็ไม่จำเป็นต้องช่วยร้องขอความเมตตาให้กับนางด้วยเจ้าค่ะ”
เมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยได้ยินเช่นนี้ นางก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา นางเคยเห็นสถานการณ์คล้ายๆ กันนี้ตอนอยู่ในยุคปัจจุบัน แต่นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคนพวกนี้คิดอะไรกันอยู่
พวกเขาทำราวกับว่าการแย่งสามีคนอื่นเป็นสิ่งที่ถูก มิหนำซ้ำคนที่อยู่รอบตัวนางต่างก็ซาบซึ้งกับ ’รักแท้’ เช่นนี้อีกด้วย เพราะอย่างนั้นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายจึงมักจะถูกไล่ต้อนจนนางไม่สามารถโต้ตอบได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงจำสิ่งที่ผู้หญิงคนที่แย่งพ่อของนางไปเอ่ยเอาไว้ตอนนางปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูได้
“เขาไม่เคยรักพี่หรอก เขาแต่งงานกับพี่ก็เพราะเขาจำเป็นต้องแต่ง จนกระทั่งเขาได้มาพบกับฉัน เขาบอกฉันว่าเขาไม่เคยรู้สึกอยากยกโลกทั้งใบให้ใครแบบนี้มาก่อน ฉันเป็นคนจุดประกายไฟให้กับเขา ฉันทำให้เขาทิ้งงานมาหาฉันก็ยังได้ พี่ปล่อยเขาไปเถอะ อย่ายึดเขาไว้อีกเลย”
เฮ่อเหลียนเวยเวยอยากจะหัวเราะ พ่อกับแม่ของนางรักกัน และคนที่เป็นฝ่ายเข้าหาแม่ก่อนก็คือพ่อของนาง แต่ตอนนี้กลับมีมือที่สามปรากฏตัวขึ้นแล้วบอกว่าพวกเขาไม่เคยรักกันมาก่อนหรือ
เพื่อนคนที่มากับผู้หญิงคนนั้นเองก็ไม่ได้อายุมากนัก ทั้งสองคนยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย เพื่อนคนหนึ่งถึงกับใส่ไฟเพิ่มว่า “ว่ายังไง อยากได้เงินเท่าไหร่ถึงจะยอมหย่ากับเขาล่ะ นี่พี่สาว ถ้าพี่มีเวลาก็หัดดูแลหน้าตาผิวพรรณตัวเองบ้างนะ ต่อให้พี่จะสวยยังไง แต่พี่สาวสวยได้เท่าอาเม่ยหรือเปล่าล่ะ ทั้งสองคนรักกันจริงๆ นะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงจำความเศร้าที่อยู่ในดวงตาของผู้เป็นแม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วที่เป็นเช่นนั้นก็ไม่ใช่แค่เพราะว่านางหน้าตาสวยหรอกหรือ