องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 397 องค์ชายแทะโลมเวยเวย
“ฝ่าบาท”
อวิ๋นปี้ลั่วเดินออกมาจากมุมมืดมุมหนึ่งของหอสามัญภายในสำนัก นางมองร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชมโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังคงพับแขนเสื้อขึ้นขณะเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า ”เจ้ามาที่นี่ทำไม”
อวิ๋นปี้ลั่วกัดริมฝีปากบางด้วยความประหม่า จากนั้นนางจึงเอ่ยว่า ”ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันรู้ว่าท่านยังโกรธหม่อมฉันอยู่ หม่อมฉันมาที่นี่เพื่อเตือนให้ท่านได้รู้ว่าที่จริงนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อท่าน หม่อมฉันเชื่อว่านางกำลังวางแผนการชั่วร้ายเอาไว้เพคะ และหม่อมฉันเป็นห่วงในความปลอดภัยของฝ่าบาท”
“แล้วเรื่องของพวกเราสองคนเป็นธุระกงการอะไรของเจ้าหรือ”
แม้นางจะได้คำตอบเดียวกันจากทั้งสองฝ่าย แต่น้ำเสียงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็เย็นชาจนถึงกับทำให้อวิ๋นปี้ลั่วตัวสั่น
นางนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำตอบเดียวกันจากทั้งสองคน!
อวิ๋นปี้ลั่วมองเข้าไปในดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขณะพยายามข่มความรู้สึกไม่เห็นด้วยภายในใจของตนเอาไว้ แล้วกล่าวว่า ”นางบอกหม่อมฉันด้วยตัวเองว่าอันที่จริงนั้นพวกท่านทั้งสองแต่งงานกันเพื่อผลประโยชน์เพคะ ฝ่าบาท ครั้งหนึ่งท่านเคยบอกพวกเราเอาไว้ว่ามนุษย์ตาบอดเพราะความโลภได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นหม่อมฉันจึงไม่อยากเห็นฝ่าบาทถูกผู้อื่นหลอกใช้จากใจจริงเพคะ”
“ถูกหลอกใช้หรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชะงักไปทันทีที่ได้ยินคำพูดของนาง ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงพูดว่า ”นางบอกเจ้าหรือว่านี่เป็นเพียงแค่ข้อตกลงเท่านั้น”
“ใช่เพคะ” ดวงตาของอวิ๋นปี้ลั่วเผยความอ่อนโยนออกมาขณะที่นางยื่นมือออกไปหมายจะโอบกอดไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เพราะนางรู้ว่านี่คือสิ่งที่บุรุษต้องการมากที่สุดในเวลานี้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแค่นยิ้มด้วยดวงตาที่ซ่อนอยู่ใต้ผมยาวของตน ”ข้าไม่สนใจว่าจะถูกใครหลอกใช้หรือไม่ แต่เจ้าควรไปจากที่นี่ซะก่อนที่ข้าจะอยากฆ่าใครสักคนขึ้นมา”
อวิ๋นปี้ลั่วตัวแข็งทื่อ นางไม่กล้าก้าวต่อแม้แต่ก้าวเดียว ด้วยเหตุนี้นางจึงเดินอย่างหมดเรี่ยวแรงออกไปจากหอสามัญทันที
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับจ้องมองนิ้วที่มีเลือดออกของตน พร้อมกับความรู้สึกอันซับซ้อนที่อยู่ภายในใจ
“ข้าเป็นเพียงแค่เครื่องมือสำหรับนางหรือ”
“ฝ่าบาท” เงาทมิฬคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเป็นห่วง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชักแขนกลับอย่างเงียบๆ ก่อนจะทิ้งมันลงข้างตัว เขาสำรวจคนที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น แล้วสั่งว่า ”ตามนางไป”
“พ่ะย่ะค่ะ” เงาทมิฬพยักหน้ารับคำสั่ง เขาประหลาดใจเพราะคิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะรู้สึกสงสัยในตัวอวิ๋นปี้ลั่ว
เมื่อครู่นี้เขาถึงกับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่ลอยอยู่ในอากาศได้เลยทีเดียว
แต่เขาคิดไม่ออกเลยว่าทำไมฝ่าบาทถึงยังปล่อยให้อวิ๋นปี้ลั่วมีชีวิตอยู่
แต่ก็นะ ในอดีตพวกเขาเคยเป็นคู่ที่น่ารักทีเดียว
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งเกี่ยวกับนางที่ฝ่าบาทจำเป็นต้องรู้ให้ได้…
……
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่ตอนที่นางก้าวเข้ามาในห้อง แม้ทั่วทั้งห้องจะตกอยู่ในความมืดมิด แต่นางก็ยังสัมผัสได้ว่ามีคนอื่นอยู่ที่นี่
เป็นอย่างที่คิด นางเห็นเงาคนนั่งอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟย ภายใต้แสงจันทร์สลัว นางสามารถมองเห็นร่างสูงเพรียวร่างหนึ่งได้ ยิ่งกว่านั้นหากไม่มีดวงตาคู่นั้นที่เป็นประกายอยู่ในความมืดราวกับตาแมวละก็ เฮ่อเหลียนเวยเวยอาจจะคิดว่านางเข้าใจผิดไปเอง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั่งอยู่ตรงนั้น พลางจ้องมองมาที่นาง
“มานี่” เสียงทุ้มลึกของเขาดังก้องไปทั่วพื้นที่อันคับแคบนั้น มันแทบจะเสียดแทงสร้างความเจ็บปวดเข้าไปในหูได้เลยทีเดียว แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับสัมผัสได้ถึงจุดประสงค์บางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสียงนั้น
เฮ่อเหลียนเวยเวยหมุนตัวไป แล้วหันมองชิงจ้านที่ยืนอยู่ข้างหลังนาง ”ชิงจ้าน พวกข้าขอเวลาสักประเดี๋ยว ข้ามีเรื่องต้องคุยกับองค์ชาย”
“เพคะ” ชิงจ้านขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วงในความปลอดภัยของอีกฝ่าย
แต่สุดท้ายนางก็ออกจากห้องไปโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูตามหลัง
ขณะที่เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังพยายามจุดตะเกียงน้ำมัน นางก็เห็นว่าสิ่งที่วางอยู่ข้างมือของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั้นคือห่อของที่นางตั้งใจว่าจะนำติดตัวไปด้วยในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง
ขณะที่นางขยับเข้าไปใกล้เพื่อเก็บเสื้อผ้า ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็มองเข้าไปในดวงตาของนางแล้วคลี่ยิ้มออกมา
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกได้ว่าในเวลานี้มีบางอย่างผิดปกติ นางแทบอยากจะคว้ากระจกส่องปีศาจออกมาเปิดเผยร่างที่แท้จริงของปีศาจที่อยู่ในตัวของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเสียเดี๋ยวนั้น
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจ้องมองนางด้วยสีหน้าดำทะมึน ก่อนจะเอ่ยว่า ”เป็นเพราะข้าใจดีกับเจ้ามากเกินไปหรือ ถึงได้ทำให้เจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้า”
ทันใดนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่โอบล้อมรอบใบหูของตนอย่างกะทันหัน
ปัง!
ขณะที่นางกำลังจะพูดบางสิ่งออกมา ร่างของนางก็ถูกไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกดลงกับโต๊ะเสียก่อน เชิงเทียนล้มลงกับพื้นเกิดเป็นเสียงดังต่อๆ กัน
สัมผัสอันตรายค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้ เฮ่อเหลียนเวยเวยสัมผัสได้แม้กระทั่งกลิ่นใบป๋อเหอที่อยู่บนร่างของเขา จากนั้นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ขึ้นเสียงใส่นางด้วยเสียงอันแหบแห้งว่า ”เจ้าคิดที่จะหนีไปจริงๆ หรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยทำได้เพียงหันหน้าหนีไปอีกทาง เพราะนางรู้สึกอึดอัดอย่างมาก โดยเฉพาะในตอนที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกำลังขยับกายเข้ามาใกล้นาง เพราะอุณหภูมิร่างกายของนางกำลังร้อนระอุ นางรู้สึกว่านางอยู่ในไมโครเวฟที่กำลังย่างแขนขาของนางอยู่ ความร้อนนั้นแทบจะทำให้นางสูญเสียสติสัมปชัญญะไป
นางจ้องเข้าไปในดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเพื่อฝืนรักษาความสงบเยือกเย็นของตนเอาไว้ และแสร้งทำเป็นว่าไม่มีสิ่งผิดปกติใดเกิดขึ้นกับนาง
นางไม่ได้พยายามที่จะโอ้อวดว่าตัวเองเหนือกว่า แต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองเผยสีหน้าอ่อนแอออกมาต่างหาก ”ปล่อยข้าก่อน”
เขาปรายตามองนาง ดวงตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาอีกครั้ง แล้วกล่าวว่า ”บอกเหตุผลที่ข้าควรจะปล่อยเจ้าไป และยอมให้พวกเจ้าสองคนไปสร้างรังรักด้วยกันมาสิ เฮ่อเหลียนเวยเวย เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าการใช้ข้าเป็นเครื่องมือเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว เมื่อก่อนข้าคิดว่าเจ้าโง่ แต่ตอนนี้… น่าสนใจดีนี่ หึ…”
“ข้าไม่เคยใช้ท่านเป็นเครื่องมือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกว่านางกำลังจะหมดเรี่ยวแรง ดังนั้นนางจึงรีบพูดเข้าประเด็น ”ข้าเพียงแต่กำลังช่วยหาทางออกให้กับพวกเราสองคนต่างหาก เช่นเดียวกับข้อตกลงที่ทำร่วมกันในสัญญาเมื่อตอนแรก”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชะงัก จุดประสงค์ของเขาในการทำสัญญานั้นก็คือการใช้เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นเครื่องมือที่จะทำธุรกิจในอนาคต แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่านางจะพลิกกระดานเขาได้เช่นนี้
เฮ่อเหลียนเวยเวยค่อนข้างขาดสติเล็กน้อย นางรวบรวมสติกลับมาแล้วพยายามผลักไป๋หลี่เจียเจวี๋ยออกไป
“เจ้าจะอธิบายของสิ่งนี้ว่าอย่างไร” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกักขังเฮ่อเหลียนเวยเวยเอาไว้ในอกของตัวเอง ไม่เปิดโอกาสให้นางสามารถขยับหนีไปไหนได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยควบคุมสติของตัวเองไม่ได้อีกต่อไปเพราะความร้อนที่เกิดขึ้น นางยื่นมือออกไปคว้าคอเสื้อของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย แล้วบอกว่า ”ข้าจำเป็นต้องหาที่อยู่ก่อนคืนวันพระจันทร์เต็มดวง ฝ่าบาท! ท่านพอใจกับคำตอบหรือยัง”
สาเหตุที่นางหลีกเลี่ยงที่จะพบกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั้นก็เป็นเพราะนางไม่อยากถูกเขากักขังเอาไว้เช่นนี้
เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นคนอารมณ์รุนแรง ไม่มีใครสามารถห้ามไม่ให้นางทำในสิ่งที่ตนต้องการได้ ดังนั้นบรรดาเพื่อนและผู้ติดตามของนางจึงมักจะยอมทำตามความปรารถนาของนางมาตลอด
ไม่มีใครรู้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจู้จี้จุกจิกกว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเสียอีก เพราะฉะนั้นอย่าได้โดนร่างผอมบางของนางหลอกเอาเชียว
นางไม่ได้กลัวเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
ผู้หญิงอารมณ์ร้อนคนที่ว่านั้นกำลังอยู่ในอ้อมแขนของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ทำให้ความโกรธของเขาค่อยๆ จางหายไป เขาลูบอุ้งมือของเฮ่อเหลียนเวยเวยขณะถามว่า ”เจ้าตั้งใจจะไปอยู่ที่ไหนหรือ”