องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 398 องค์ชายลงมืออย่างเงียบเชียบ
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่เข้าใจว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร การถูกกักขังอยู่ในวงแขนของเขานั้นทำให้นางรู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างยิ่ง แต่แล้วนางก็เอ่ยขึ้นว่า ”บ่อน้ำพุร้อนที่อยู่หลังภูเขา”
“เจ้าพยายามที่จะใช้น้ำเพื่อบรรเทาความร้อนรุ่นในร่างกายหรือ เจ้าคิดหรือว่าความต้องการในตัวเจ้าจะสามารถกำจัดได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองใบหน้าขนาดเท่าเมล็ดแตงโมที่อยู่ตรงหน้าตน แล้วเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมเขาถึงมาตกหลุมรักผู้หญิงอารมณ์ร้อนเช่นนี้ได้ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าใบหน้าโกรธเคืองนั้นก็คือ นางก็ไม่เคยแม้แต่จะมีไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอยู่ในหัวใจเลยแม้แต่นิดเดียว
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยบีบเอวของนางอย่างรวดเร็วราวกับคำเตือน แต่ผิวของนางกลับเรียบลื่นจนเขาอดที่จะสัมผัสเอวนั่นไม่ได้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันทีที่เขาสัมผัสกับเอวของนาง
เฮ่อเหลียนเวยเวยตัวสั่น และไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีก
ตรงกันข้ามกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ดูตื่นเต้นขึ้นมาในทันที เขาสอดนิ้วเข้าไปใต้เสื้อของนาง แล้วออกแรงใช้นิ้วของตนลูบไล้ไปตามเอวของนางอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อยค่อยๆ แผ่ไปตามผิวของนาง จากนั้นเขาจึงถามว่า ”เจ้ากลัวหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยตัวสั่นขณะที่หันหน้ากลับมา นางยิ้มแล้วตอบว่า ”กลัวหรือ ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวนี่”
“เจ้ารู้ว่าข้าหมายความว่าอย่างไร” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยใช้ริมฝีปากจูบซอกคอของนาง แล้วพูดต่อ ”เจ้าไม่ปล่อยตัวตามสบายเลยตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้อง เจ้ากลัวว่าข้าจะจับเจ้ากิน หรือเจ้ากลัวว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายขอร้องให้ข้าทำอย่างว่ากับเจ้ากันแน่หรือ”
ร่างกายของเฮ่อเหลียนเวยเวยมีอารมณ์กับคำพูดนั้น อุณหภูมิร่างกายของนางเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ร่างของนางเริ่มบิดเร่าไปมา
นางพิงตัวอยู่กับร่างของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย นางกลัวว่าในระหว่างที่นางกำลังดิ้นอยู่ในอ้อมอกของเขานั้น นางจะเผลอไปสัมผัสเข้ากับส่วนใดส่วนหนึ่งของเขาที่นางไม่สมควรสัมผัสเข้า
ดังนั้นนางจึงทำเพียงแค่คว้าคอของเขาไว้แน่น
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียวว่าการกระทำนั้นของนางจะยิ่งทำให้นางดูอ่อนแอ และไร้ทางสู้ยิ่งกว่าที่เคย ภาพนั้นยิ่งกระตุ้นความต้องการที่จะ ’ทำลาย’ นางของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขึ้นไปอีก… โดยเฉพาะตอนที่นางเผลอกระชากคอเสื้อของตนออกเล็กน้อยเพราะการขัดขืนเมื่อครู่นี้จนเผยให้เห็นผิวขาวผ่องและปลอกคอสีดำ
กระดูกไหปลาร้าของนางน่ามองมากเสียจนสามารถดึงดูดสายตาของเขาให้หยุดชะงักได้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหลับตา แล้วจุมพิตข้างใบหูของนางอย่างรวดเร็วพร้อมกับรอยยิ้มอันชั่วร้าย ”ข้าสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อเทียบกับตอนฤดูใบไม้ผลิแล้ว ร่างกายของเจ้าต้องการข้ามากกว่าตอนนั้นเสียอีก”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ นางถึงได้รู้สึกเหมือนจะขาดใจ นางรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิรอบตัวนั้นร้อนระอุเกินกว่าจะทนไหว นางรู้สึกถึงความร้อนอันรุนแรงที่ด้านหลังของตนได้อีกด้วย
เฮ่อเหลียนเวยเวยพยายามหาทางหนีไปจากไป๋หลี่เจียเจวี๋ย แต่เขากลับเบียดร่างเข้าหานางยิ่งขึ้นจนทำให้ผิวของทั้งสองคนสัมผัสกัน
รูขุมขนบนร่างของนางร้อนระอุ และตอนนี้นางก็รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
ลมหายใจอันหนักหน่วงและผิดปกตินั้นดังก้องไปทั่วห้อง
เสียงลมหายใจนั้นเป็นดั่งบทเพลงของนางเงือกที่ล่อลวงให้บรรดาผู้คนที่ได้ยินเสียงนั้นร่วงหล่นลงสู่ขุมนรก
เฮ่อเหลียนเวยเวยทนไม่ไหวอีกต่อไป นางผลักแขนของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยออก แล้วเกาะร่างของเขาเอาไว้แน่นราวกับเถาวัลย์พร้อมกับหอบหายใจออกมาเบาๆ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ถูกเฮ่อเหลียนเวยเวยยั่วยวนตอบสนองนางอย่างฉับพลัน เขาคว้าเข้าที่เอวของนาง จากนั้นเขาจึงสอดมือเข้าไปใต้เสื้อของนางแล้วเริ่มลูบไล้มันโดยไม่ยั้งมือ พลางใช้มืออีกข้างหนึ่งเชยคางของนางขึ้น ”เจ้าต้องการข้าหรือ”
ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยที่อยู่ภายใต้แสงสลัวนั้นแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นางไม่ได้ยินสิ่งที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดเสียด้วยซ้ำ
จากนั้นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็จูบนางอย่างรุนแรง!
เฮ่อเหลียนเวยเวยนอนอย่างหมดเรี่ยวแรงอยู่ในวงแขนของเขา จากนั้นนางก็ยื่นลิ้นออกมา ก่อนที่ลิ้นของทั้งสองจะเกี่ยวกระหวัดเข้าหากัน
รสสัมผัสอันแนบชิดของกันและกันทำให้ต่างฝ่ายต่างก็หน้าแดงและรู้สึกประหม่า
แต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกขัดเขินแต่อย่างใด
“อืม…” เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่เคยว่านอนสอนง่ายยอมให้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทำทุกอย่างกับร่างกายของนางได้ตามใจปรารถนาเช่นนี้มาก่อน แต่นางกลับรู้สึกว่ามันยังไม่พอ เพราะนางยังต้องการซุกตัวเข้าหาอ้อมแขนของเขาให้มากขึ้น ขายาวของนางเสียดสีกับร่างกายของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยราวกับกำลังส่งสัญญาณบอกเขา
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหายใจหนักขึ้น แต่ในวินาทีนั้นดวงตาของเขากลับคมกริบยิ่งกว่าใคร ”บอกข้ามาสิว่าถังเส่าที่เจ้าพูดถึงคือใคร ข้าสัญญาว่าข้าจะให้ในสิ่งที่เจ้าต้องการถ้าเจ้ายอมบอกข้ามา”
คำว่า ’ถังเส่า’ เหมือนเป็นยาที่เรียกให้สติของนางกลับคืนมา ชื่อนั้นแล่นตรงเข้าไปในสมองของเฮ่อเหลียนเวยเวย
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น
“ไม่มีคนชื่อนั้นเสียหน่อย” เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตา แล้วโอบแขนของนางรอบไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
กร๊อบ!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตกตะลึง เขารีบดึงร่างของนางเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว แล้วตะคอกว่า ”เจ้าทำอะไร!”
ความเจ็บทำให้นางได้สติ รวมถึงได้เรี่ยวแรงของตัวเองกลับคืนมา เฮ่อเหลียนเวยเวยผลักไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวได้ออกไป
แต่โชคร้ายที่เอวของเฮ่อเหลียนเวยเวยชนเข้ากับขาโต๊ะอันแหลมคม แม้จะเจ็บ แต่นางก็ลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้ม
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นหลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวที่กระจัดกระจายอยู่ในสมองของเฮ่อเหลียนเวยเวย สิ่งเดียวที่นางยังจำได้ก็คือแม้ว่านางจะอยู่ในอาการไร้สติ แต่นางก็ยังเป็นตัวของตัวเอง และไม่ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญอันใดให้กับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
แค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว…
แสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างไม้ ก่อนจะตกลงบนใบหน้าขาวซีดของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ใบหน้านั้นติดจะเขียวคล้ำเสียด้วยซ้ำ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนึกไม่ถึงว่านางจะทำร้ายตัวเองเพื่อเลี่ยงที่จะตอบคำถามของเขา
ทุกอย่างเป็นเพราะ ’ถังเส่า’ คนนั้นหรือ
เขาไม่เคยรู้สึกว่างเปล่าและสับสนเช่นนี้มาก่อน
ไม่ว่าเขาจะพยายามมากเพียงใด สุดท้ายเขาก็ยังไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนนี้ได้อยู่ดี
เป็นเพราะว่านางมีความลับมากมายอยู่กับตัว
นางไม่มีวันยอมเปิดเผยความลับเหล่านั้นให้เขารู้
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยืนขึ้น แล้วล้วงมือข้างหนึ่งเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นจึงจ้องมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของบานหน้าต่าง ผมยาวหยักศกล้อมกรอบใบหน้าอันสมบูรณ์แบบ แม้เขาจะดูสงบเยือกเย็น แต่ลึกลงไปในใจ เขากลับรู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก
กิเลนอัคคีปรากฏร่างให้เห็นรางๆ อยู่ที่ด้านหลังของเขา พร้อมกับจ้องมองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยสีหน้าตกตะลึง
มันไม่อยากเชื่อเลยว่าบนโลกใบนี้จะมีผู้หญิงที่จิตใจแข็งแกร่งเช่นนี้อยู่ด้วย
แม้ผู้เป็นนายของมันจะปลดปล่อยลมหายใจเสน่หาออกมา แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับยังสามารถต้านทานความยั่วยวนก่อนคืนพระจันทร์เต็มดวงได้อย่างน่าประหลาด
เจ้านายของมันไม่เคยทำอะไรเช่นนี้มาก่อน เพราะการปลดปล่อยลมหายใจเสน่หาออกมาด้วยสภาพร่างกายปัจจุบันของเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก
การควบคุมลมหายใจของใครสักคนด้วยลมหายใจของตัวเองนั้นจำเป็นต้องใช้พลังเป็นอย่างมาก
แต่กิเลนอัคคีคาดไม่ถึงเลยว่าผู้เป็นนายของตนจะทำถึงขนาดนั้นเพื่อมนุษย์เพียงคนเดียว
เจ้านายของมันอาจจะสังเกตเห็นแล้วเช่นกันว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในร่างของเฮ่อเหลียนเวยเวย และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเลือกจะใช้วิชาลมหายใจเสน่หาเพื่อตรึงร่างของนางไว้…
ทันทีที่ฟ้ามืด เช่นเดียวกันกับทิวทัศน์ในฝันของเฮ่อเหลียนเวยเวย เฮ่อเหลียนเวยเวยตัวจริงกำลังจ้องมองนางด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา นางยังโทษที่นางขโมยทุกอย่างที่สมควรจะเป็นของนางไปอยู่เช่นเดิม
แต่ครั้งนี้ มีใครบางคนพยายามจะลากนางลงไปในทะเลสาบ
เฮ่อเหลียนเวยเวยกระเสือกกระสนสุดชีวิตเพื่อหนีให้พ้นจากความตาย สุดท้ายนางก็ลุกขึ้นยืนได้ แต่ในเวลาเดียวกันนั้นนางกลับรู้สึกเหมือนกับว่ารอบตัวของนางมีสายลมอันไม่รู้ที่มาโอบล้อมเอาไว้ และนางเชื่อว่าพวกมันเป็นสิ่งที่ช่วยนางเอาไว้จากความตาย
แต่ทะเลสาบลึกเกินไปจนนางสัมผัสได้ถึงอาการเสียวสันหลังวาบที่ปรากฏขึ้นแม้ว่านางจะลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วก็ตาม…