องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 416 ความอ่อนโยนในบ่อน้ำ
ทันทีที่เดินอ้อมภูเขาไป กลิ่นหอมหวานก็ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยรู้สึกจุกกลางลำคอราวกับถูกกลิ่นหอมเข้มข้นนั้นจู่โจมอย่างหนัก นัยน์ตาของเขาทอประกายแสงอ่อนๆ
มองปราดเดียวเขาก็เห็นเฮ่อเหลียนเวยเวย
ฝ่ายเฮ่อเหลียนเวยเวยที่กำลังแช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำนั้น ไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น นางเอนหลังพิงกำแพงหิน พยายามอย่างยิ่งที่จะสงบจิตใจ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจ้องนางเขม็ง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเผยแววชั่วร้าย
เสียงน้ำไหลดังก้องสะท้อนไปทั่วทั้งบริเวณ
เฮ่อเหลียนเวยเวยลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน ภายใต้แสงสุดท้ายของยามพลบค่ำ นางเห็นร่างเงาสูงโปร่งร่างหนึ่ง
เขามีเรือนผมยาวสีดำขลับเสียจนน้ำหมึกดูซีดไปถนัดตา ดวงตาคมคายคู่นั้นและความงามอันไร้ที่ติ เป็นที่ชื่นชมของสรรพสิ่งบนโลก
สำหรับบุรุษผู้สูงศักดิ์และเย็นชาเยี่ยงเขา การแตะเนื้อต้องตัวคนอื่นอาจทำให้เขาขมวดคิ้วมุ่น
หากแต่ในเวลาสำคัญนี้ เขากลับหลุบตาและค้อมตัวลงมา ดูเหมือนว่าเขากำลังประคองสมบัติล้ำค่าเอาไว้ในอ้อมกอด ขณะที่เขาประทับจูบลงบนยอดอกของนาง
ชั่วพริบตา ท้องของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็ปั่นป่วน นางเริ่มตอบสนองอย่างรุนแรง
เปรียบดังความเย้ายวนใจอันยากจะพรรณนา
ร่างของเทพเซียนอันบริสุทธิ์สูงส่ง ทว่าบัดนี้กลับยอมโน้มกายลงแตะดิน
โดยเฉพาะเมื่อใบหน้าดื้อรั้นนี้กลับแปดเปื้อนไปด้วยความกระหายรัก ยิ่งย้อนแย้งเช่นนี้ ก็ยิ่งน่าลุ่มหลงและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ชวนให้คลุ้มคลั่ง
เฮ่อเหลียนเวยเวยก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อสบตากับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
ประกายความอ่อนโยนวาบผ่านดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ก่อนที่เขาจะค่อยๆ เคลื่อนต่ำลง สองสายตายังคงประสาน เขาขบบริเวณอ่อนไหวของนางอย่างนุ่มนวล ซึ่งบัดนี้มีเพียงอาภรณ์เท่านั้นที่ขวางกั้นอยู่
ราวสายฟ้าฟาดลงตรงใจกลางร่าง เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเห็นทุกอย่างรอบตัวพร่าเลือน ความรู้สึกสุขล้นอย่างรุนแรงแล่นปรี่เข้าสู่สมองราวกระแสน้ำหลาก ทำเอานางเงยศีรษะขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ สองมือกำอาภรณ์ของอีกฝ่ายไว้แน่นเกินจะหักห้าม ลำคอเพรียวระหงยืดตรงจนถึงจุดสูงสุดได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ทว่าในช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มเช่นนี้ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับหยุดกลางคัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกราวกับสวรรค์ล่มลงทันใด ความกระสันอันแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายคล้ายถูกสะกัดกั้น ไม่อาจปลดปล่อยให้คลายลงได้ ร่างกายของนางบิดไปมาอย่างไม่อาจต้านทานได้ ขอบตานางมีน้ำตารื้นปริ่มโดยไม่รู้ตัว ครั้นต้องสะกดความปรารถนาอันแรงกล้าเอาไว้ภายใน “ช่วย…ช่วยข้าที”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหรี่นัยน์ตาเปี่ยมราคะ พินิจดูนางตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะสลัดความรู้สึกลุ่มหลงอันตราตรึงนั้นออกไป
ในหัวของเฮ่อเหลียนเวยเวยปั่นป่วนไปหมด แต่นางก็ยังรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร นางพึมพำทั้งนัยน์ตาแดงก่ำ “ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย”
“ดีมาก” ใบหน้าหล่อเหลาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเผยรอยยิ้มสดใส กลบนัยน์ตาดำขลับสูงส่งเจือความใคร่คู่นั้น
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่อาจข่มใจได้อีกต่อไป ราวกับมีเปลวไฟสุมอกนางจนแผดเผาไปทั่วร่าง ทรมานเสียจนแทบสิ้นสติไปด้วยความรู้สึกแปลบปลาบที่ไม่ได้รับการระบาย
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยค่อยๆ ประคองลำคอบอบบางของนาง รู้สึกสนุกยิ่งนักยามร่างนั้นสั่นเครือ ตอนนั้นดูราวกับเขาคิดจะหักคอนางเสีย แล้วดูดกลืนโลหิตอันเร่าร้อนและคาวข้น ด้วยหมายผสานร่างเป็นหนึ่งเดียวกับคนข้างใต้
เขาเคลื่อนมือลงไปแล้วกระชากอาภรณ์ของเฮ่อเหลียนเวยเวยออกโดยไม่รอช้า เม็ดกระดุมหลุดกระเด็นไปทั่วทั้งบ่อน้ำ มันส่งเสียงปริออกเบาๆ ราวจงใจกระทบโสตประสาทอันเปราะบางของคนทั้งสอง
“งดงามนัก” เสียงค่อนไปทางทุ้มต่ำของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับฟังดูเหมือนเสียงสวรรค์ สง่างามทว่าลุ่มลึก และเปี่ยมไปด้วยหลายความรู้สึกในคราวเดียวกัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยจับต้นชนปลายไม่ถูก ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจุมพิตลงบนหูของนาง ก่อนจะไล้ปลายนิ้วเรียวไปรอบริมฝีปากนั้นราวกับกำลังบรรเลงเครื่องสาย พลิ้วไหวทว่าแม่นยำ ทุกสัมผัสของเขาทำเอาหัวใจนางเต้นไม่เป็นส่ำ
“เจ้าชอบล่ะสิ ใช่ไหม” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยใช้น้ำเสียงหยอกเย้านาง ครั้นเห็นเฮ่อเหลียนเวยเวยท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกตรงหน้าเช่นนี้ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ได้แต่สะกิดกระแสสำนึกอันอ่อนไหวของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า “บอกข้าสิ แล้วข้าจะสงเคราะห์เจ้าเอง”
“สงเคราะห์ข้า สงเคราะห์ข้าที...” นางกัดริมฝีปากแน่น แต่ก็ไม่อาจยับยั้งเสียงครางจากลำคอได้ เฮ่อเหลียนเวยเวยแอ่นสะโพกขึ้น แล้วร้องขอความเมตตาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน และไม่มีทางทำเป็นอันขาดหากยังมีสติครบถ้วน กระนั้นไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ยังไม่พึงพอใจ ด้วยคิดว่าคำขอนั้นเกิดจากความกระหายอยากได้เพิ่ม หรือเป็นเพียงปราการด่านสุดท้ายของเหตุและผลเท่านั้น
“เหตุใดเจ้าจึงขอร้องข้าเช่นนี้เล่า” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโน้มตัวลงกระซิบข้างหูนาง ก่อนจะขบติ่งหูกลมนวลนั้นเบาๆ แล้วประคองมันไว้ในปาก “พูดออกมา!”
“อ๊ะ!” ครั้นแรงขบกระทบลงบนติ่งหู ความรู้สึกเจ็บผสมอารมณ์อันอ่อนไหวก็ทำเอาเฮ่อเหลียนเวยเวยส่งเสียงร้องออกมา น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลอาบแก้ม “สงเคราะห์ข้า…สงเคราะห์ข้า…อีก…”
ริมผีปากบางของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสัมผัสกับลำคอของเฮ่อเหลียนเวยเวย ก่อนจะงับลำคอนั้นไว้ระหว่างฟันกับริมฝีปากอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วเอ่ยเสียงในลำคอ “พูดอีกที บอกข้าสิว่าเจ้าชอบ หาไม่แล้ว…”
“ข้าชอบ!” เฮ่อเหลียนเวยเวยสอดนิ้วไปใต้แขนของเขา แล้วพลันปลดปล่อยห้วงความคิดข้างในออกมา
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยคลี่ยิ้มในที่สุด เป็นรอยยิ้มชั่วร้ายทว่าน่าหลงใหล
“อย่างนั้นรึ” เขาปล่อยมือที่เกาะกุมร่างของเฮ่อเหลียนเวยเวยไว้ แล้วถอดชุดคลุมยาวด้วยท่าทีผ่าเผยทว่าค่อยเป็นค่อยไป ก่อนจะปลดกระดุมอาภรณ์ภายในทีละเม็ดๆ
“เช่นนั้นก็แสดงให้เห็นที ว่าเจ้ารักข้าเพียงใด!” เขาโยนอาภรณ์ออกไปใกล้ตัว แก่นกายเบื้องล่างเปี่ยมไปด้วยสัมผัสอันแข็งแกร่ง ยามที่เคลื่อนกายเข้าหาเฮ่อเหลียนเวยเวย
เฮ่อเหลียนเวยเวยเอื้อมมือไปจับลำคอของอีกฝ่ายตามสัญชาตญาณ ขณะที่นางยกทรวงอกขึ้น ร่างกายท่อนบนของนางยกขึ้นเหนือผิวน้ำเล็กน้อย ก่อนจะประชิดเข้ากับร่างของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอย่างแนบแน่น เมื่อนั้นเองที่ขาเรียวยาวป่ายปีนขึ้นเหนือท่อนเอวของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย นางค่อยๆ ใช้จุดสงวนแนบลงไปกับแก่นกายอันร้อนผ่าวที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงขายาวของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย มีเพียงอาภรณ์ชั้นในที่เปียกชุ่มจนเกือบหลุดคั่นกลางอยู่เท่านั้น
“ขนาดมีผ้ากั้นอยู่ตั้งหลายชั้น ข้ายังรู้สึกได้เลยว่าส่วนนั้นของเจ้ารัดรึงของข้าอยู่” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแสยะยิ้มชั่วร้าย พอๆ กับดวงตาที่ทอประกายความสามานย์ “ยังอยากทำให้เสร็จอยู่ไหม”
แววตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยฉายแววสับสน ใบหน้าแดงก่ำ แม้แต่ขอบตายังทรยศนาง บุคลิกที่นางสร้างขึ้นช่วยสงวนท่าทีให้นางได้อย่างดีเยี่ยมจนกระทั่งตอนนี้
ก็เพราะความสงวนท่าทีนี้เอง ที่ยิ่งปลุกเร้าให้อีกฝ่ายอยากบดขยี้นางให้แหลกคามือ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา ความอ่อนโยนและผ่อนคลายมลายสิ้น เขาจับเรือนขายาวทั้งสองข้างของเฮ่อเหลียนเวยเวยขึ้น แล้วสอดแก่นกายที่แผดเผาจวนจะระเบิดเข้าไปในกายนางอย่างรุนแรง!
“อื้อ!” เฮ่อเหลียนเวยเวยเผยอปาก แต่ไม่อาจเปล่งเสียงกรีดร้องออกมาได้ นางชูคอขึ้นสูง ยอมให้ความเจ็บปวดรวดร้าวและการรุกรานอันทรงพลังเกินยั้งใจของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจู่โจมเข้ามา บางทีหากนางยังมีสติพินิจเหตุและผล นางคงไม่ชอบใจกับแรงสัมผัสนี้เป็นแน่ หากแต่ตอนนี้สัญชาตญาณเข้าครอบงำนางโดยสมบูรณ์ ทุกอณูในร่างกายคล้ายแข่งกันตะโกน เรียกร้องเพิ่มขึ้นทุกขณะ ความรู้สึกวาบชานี้ช่างรุนแรงเกินทนไหว นางอยากเอ่ยขอให้เขาหยุดเสียที แต่ในขณะเดียวกัน ท่อนล่างของนางก็ยังคงขยับไปมา สอดรับกับจังหวะของอีกฝ่าย
เขายันตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อชื่นชมร่างของเฮ่อเหลียนเวยเวยที่อยู่ข้างใต้ สีหน้าของอีกฝ่ายช่างดูเจ็บปวดแต่เย้ายวน ขนตายาวสั่นระริกบางเบา ฟันขบริมฝีปากบางเอาไว้แน่น ท่าทีหลงละเมอของอีกฝ่ายยิ่งทำเอาเขาอยากกระหน่ำร่างของนางให้เป็นผุยผง!
“ลืมตาขึ้นมาดูให้ชัดๆ สิว่าใครกำลังร่วมรักกับเจ้าอยู่!” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ แต่เจือไปด้วยเจตนาชั่วช้า เขาเอนตัวเข้าใกล้ ใบหน้างดงามไร้ที่ติเผยแววร้ายสุดขีด