องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 417 เฮ่อเหลียนเวยเวยเอาใจองค์ชายด้วยการส่งดอกไม้ให้เขาเป็นอย่างแรก
- Home
- องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!
- บทที่ 417 เฮ่อเหลียนเวยเวยเอาใจองค์ชายด้วยการส่งดอกไม้ให้เขาเป็นอย่างแรก
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยรู้ว่าเขาทำให้นางทรมานเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเขาชอบความรู้สึกนี้มากเพียงใด ทีแรกนั้นเขาตั้งใจว่าจะอ่อนโยนกับนาง แต่เขาไม่รู้ว่าทำไม เมื่อสัมผัสร่างกายของนาง ก็ไม่สามารถสะกดความต้องการอย่างรุนแรงได้
เขายังอยากจะรั้งคอนางเข้ามาหาตัว แล้วกัดลำคอนั้นเพื่อลิ้มรสชาติเลือดของนางเสียด้วยซ้ำ เขาสงสัยนักว่าเลือดของนางจะหวานเหมือนกันหรือไม่…
ไม่ ข้าจะทำเช่นนั้นไม่ได้!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกำมือ พร้อมกับเตือนสติตัวเอง นางคงไม่อยากเห็นชายผู้บ้าคลั่งที่รู้จักแต่การเข่นฆ่าเท่านั้น
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสูดหายใจเข้าลึก ขณะพยายามสยบปีศาจที่อยู่ใต้ดวงตาสีแดงของตนเอาไว้ เขายื่นมือออกไปสางเส้นผมของเฮ่อเหลียนเวยเวยก่อนจะจุมพิตหน้าผากของนางเบาๆ
จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา
แม้จะไม่ชอบใจนาง แต่เขาก็จะเก็บนางเอาไว้ข้างกาย
ใบไม้เสียดสีกันดังกรอบแกรบ
กิ่งไม้ส่ายไหวไปพร้อมกับสายลมยามค่ำคืน
ชิงหลงที่กำลังหลับใหลอยู่ใต้ทะเลสาบคล้ายจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง มันขยับตัวอย่างกะทันหัน ทำให้ทั่วทั้งทะเลสาบปั่นป่วนขึ้นมาทันที
ชายชุดขาวก้าวถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งขณะที่เลือดสดๆ หยดลงมาจากมุมปากของเขา
เด็กชายตัวเล็กที่สะพายขวดน้ำเต้าเอาไว้บนหลังถึงกับตื่นตระหนก เขากัดฟันแล้วร้องออกมาว่า ”นายท่าน!”
“ข้าไม่เป็นไร” ชายชุดขาวใช้นิ้วเช็ดมุมปากของตน ดวงตาของเขาเริ่มหม่นแสง
เด็กชายตัวเล็กหน้าบึ้ง ”เกิดอะไรขึ้นกับชิงหลงหรือขอรับ ก่อนหน้านี้มันยังทำตัวดีๆ อยู่เลย หรือว่า มันปฏิเสธที่จะเชื่อฟังหรือขอรับ”
ชายชุดขาวยังคงเงียบ อารมณ์อันยากจะเข้าใจแล่นผ่านดวงตาเรียวสีดำสนิทของเขา
ชิงหลงบิดตัวอย่างทรมานอยู่ใต้น้ำอย่างต่อเนื่อง ดวงตาของมันเป็นสีแดงแต่ก็ดูพร่ามัว
นายท่าน...
นายท่าน...
มันรู้สึกเหมือนมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของนายท่าน...
“นายท่าน นั่นท่านหรือขอรับ”
ชิงหลงเอ่ยถามผ่านกระแสจิต แต่มันก็ได้เพียงความเงียบกลับมาเป็นคำตอบ
ท่ามกลางความเงียบสงบนั้นมีแต่เพียงความเงียบเหงา
ชายคนนั้นจะเป็นนายท่านของเขาได้อย่างไร
ถ้าเขาเป็นนายท่านจริง เขาจะต้องได้รับข้อความของข้าผ่านทางกระแสจิตแล้วอย่างแน่นอน
มันตัดสินใจละทิ้งความหวังนั้น
ชิงหลงหลับตาลง แล้วกลับคืนสู่ก้นทะเลสาบ
วันต่อมาเมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยลืมตาขึ้น นางก็รู้สึกราวกับว่าขาทั้งสองข้างของนางไม่ได้เป็นของนางอีกต่อไป ขาของนางรู้สึกไร้เรี่ยวแรงยิ่งนักตอนที่เหยียบลงบนพื้น แต่อาการของนางกลับรู้สึกดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ทีเดียว และร่างกายของนางก็ยังรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายอีกด้วย
หยวนหมิงเตือนสตินางจากด้านในของมิติสวรรค์ ”แม่นาง ลองทดสอบพลังปราณของเจ้าเร็วเข้า ตรวจสอบดูสิว่าเจ้าสามารถใช้พลังปราณได้หรือยัง”
เฮ่อเหลียนเวยเวยตอบรับเขาเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นข้างหนึ่ง สัมผัสกับกระแสลมที่ไหลเวียนอยู่ในจุดตันเถียน นางปล่อยพลังนั้นออกมา จากนั้นแก้วที่อยู่บนโต๊ะก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ก่อนหน้านี้นางสามารถควบคุมได้แค่สายลมและน้ำ นางนึกไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่งพลังปราณของนางจะรวมตัวกันเกิดเป็นรูปร่างได้เหมือนกับคนอื่นๆ
“ผู้ชายของเจ้าช่างเป็นยาชูกำลังชั้นเลิศสำหรับผู้ฝึกปีศาจอย่างแท้จริง!” หยวนหมิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงชั่วร้ายที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้น ”หากดูจากความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นนี้ เพียงเจ้าทำเรื่องอย่างว่ากับเขาอีกแค่สองสามครั้ง เจ้าก็จะสามารถกฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์! หึๆ องค์ชายสามต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยตวัดสายตามองเขา ”ต่อให้เป็นเช่นนั้นจริง เจ้าก็ห้ามพูดเช่นนี้ต่อหน้าเขาเด็ดขาดล่ะ” องค์ชายคงไม่พอใจนักหากถูกใช้เป็น ’เตาหลอม’
ในฐานะที่เป็นประธานจอมเผด็จการ สิ่งแรกที่นางจำเป็นต้องทำก็คือการเอาใจเขาให้อยู่หมัด
อย่างไรเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของนางแล้ว
แต่ใบหน้าของเขาน่าหลงใหลเกินไป และมันสามารถดึงดูดผู้หญิงคนอื่นๆ เข้าหาได้อีกมาก
ยิ่งกว่านั้น เห็นได้ชัดเจนว่าองค์ชายไม่เคยมีความรักมาก่อน
เขาทำตัวไร้เหตุผลยิ่งกว่านางเสียอีก
นางจำเป็นต้องคิดแผนการเอาใจชายคนนี้อย่างรอบคอบ
เฮ่อเหลียนเวยเวยนึกถึงบทสนทนาระหว่างนางกับองค์ชายเมื่อวานนี้ ดูเหมือนเขาแทบจะไม่สนใจเลยว่านางจะเป็นหญิงที่ถูกวิญญาณอื่นสิงร่างอยู่หรือไม่
จากปฏิกิริยาที่เขามี ดูเหมือนเขาคงจะพอรู้อะไรบางอย่างอยู่แล้ว
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม ใช่แล้ว ถ้าหากเขาตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะสืบหาเบื้องลึกเบื้องหลังของนางขึ้นมา นางก็คงไม่สามารถปิดบังอะไรจากเขาได้
ดูเหมือนว่าการเอาใจเขาคงเป็นตัวเลือกที่เข้าท่ากว่า
เมื่อคิดได้ดังนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยจึงสั่งให้สาวใช้ของตนไปเรียกเจ้าเจ็ดเข้ามา
“เจ้ารู้หรือเปล่าว่าพี่สามของเจ้ามีงานอดิเรกคืออะไร”
เฮ่อเหลียนเวยเวยถามพลางเปิดหนังสืออ่าน
เจ้าเจ็ดถือซาลาเปาที่พี่สะใภ้สามให้มาเป็นสินบนเอาไว้ในมือ แล้วกัดมันเข้าปากคำโต เขามองหนังสือในมือของพี่สะใภ้สาม แล้วก็ถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นชื่อหนังสือเล่มนั้น
นี่มันอะไรกัน ร้อยแปดวิธีเอาใจ ’ภรรยา’ หรือ
“พี่สะใภ้สาม ท่านควรเลิกอ่านหนังสือหน้าตาแปลกๆ พรรค์นั้นนะขอรับ พวกมันคงไม่ได้มีประโยชน์ต่อท่านนัก” เจ้าเจ็ดพูดขึ้นด้วยสีหน้าซุกซน
เฮ่อเหลียนเวยเวยใช้นิ้วเคาะโต๊ะ แล้วตอบว่า ”เจ้าแค่ตอบคำถามของข้ามาก็พอ”
“หืม!” เจ้าเจ็ดเงยหน้าขึ้นพลางครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามนั้น ”งานอดิเรกของพี่สามคือการนอนขอรับ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุกริมฝีปากขึ้น ”แล้วนอกจากนั้นล่ะ”
“การฆ่าขอรับ!” เจ้าเจ็ดเอ่ยอย่างตื่นเต้น ”ทุกครั้งที่พี่สามลงมือ เขาจะยิ้มกว้างไปถึงใบหูเชียวล่ะขอรับ!”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : …เจ้าไม่มีคำตอบที่ปกติกว่านี้ให้ข้าหรือ
“ช่างมันเถอะ ข้าจะทำตามที่หนังสือเล่มนี้บอกก็แล้วกัน” เฮ่อเหลียนเวยเวยเก็บหนังสือไว้ในแขนเสื้อ แล้วกระตุกยิ้มอย่างหล่อเหลา ”อันดับแรก สิ่งที่จำเป็นก็คือช่อดอกไม้สด”
นางตัดสินใจแล้ว
ช่วงสายวันนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยถือช่อดอกกุหลาบเอาไว้ในกำมือ พลางเดินตรงเข้าไปหาไป๋หลี่เจียเจวี๋ยท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย ริมฝีปากของนางกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มงดงาม
แต่องค์ชายที่กำลังทรงงานอยู่เงยหน้าขึ้นก่อนจะมองนางด้วยสายตาไม่แยแส จากนั้นเขาก็ดึงมือของนางมา แล้วเช็ดมันด้วยผ้าเช็ดหน้า เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า ”เลิกถือของพิลึกนั่นไปๆ มาๆ เสียที มันสกปรก”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : …
สกปรกหรือ
เขาคิดว่าดอกกุหลาบพวกนี้สกปรกหรือ
ฮ่าๆ
องค์ชายสามไม่เหมือนกับผู้ชายคนอื่นจริงๆ
แต่… นางไม่คิดที่จะยอมแพ้ง่ายๆ เช่นนี้หรอก!
องค์ชายสามเป็นผู้ชายเอาใจยากอย่างคาดไม่ถึง แต่มันก็จุดความอยากเอาชนะของเฮ่อเหลียนเวยเวยขึ้นมาได้ชะงัก นางพร้อมที่จะลงมือจู่โจมเขาอีกครั้งแล้ว
แต่หนานกงเลี่ยกลับรู้สึกงุนงงกับภาพนั้น เขาเป็นบุรุษที่ยังรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ได้แม้จะอยู่ท่ามกลางสตรีนับพัน แต่เขาไม่เคยเห็นสตรีคนใดที่พยายามเอาใจบุรุษด้วยการส่งดอกไม้ให้อย่างเฮ่อเหลียนเวยเวยมาก่อน
ยิ่งกว่านั้นพวกมันก็ยังไม่ใช่ดอกไม้ธรรมดา แต่เป็นดอกกุหลาบ…
หนานกงเลี่ยมองดอกไม้สีแดงสวยพวกนั้นพร้อมกับยื่นมือออกไปหมายจะสัมผัสพวกมัน
แต่เขาก็ต้องถูกตรึงไว้ด้วยสายตาดุร้ายของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
สายตาของเขาเย็นเยียบราวน้ำแข็ง!
“ใครอนุญาตให้เจ้าแตะต้องของของข้าหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสาวเท้าเข้าไปหาเขา แล้วคว้าช่อกุหลาบมาถือไว้ ความอ่อนโยนและความยินดีวาบผ่านดวงตาเรียวนั้นก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
หนานกงเลี่ยที่ถูกตำหนิขยับตัวไม่ได้แม้แต่นิ้วเดียว เขาทำได้เพียงตะโกนลั่นจากด้านหลังในขณะที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเดินจากไป ”ดูสิดู เจ้าแกล้งทำเป็นรังเกียจ อันที่จริง เจ้ามีความสุขจะตายไป”
“แล้วจะทำไม” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเล่นกับกลีบดอกไม้สีสันสดใสมีชีวิตชีวานั้น ดวงตาของเขาเรืองแสงอย่างชั่วร้าย ”เจ้าก็บอกให้ชิงจ้านมอบช่อกุหลาบให้เจ้าเป็นของขวัญสิ หากเจ้ามีความสามารถ”
หนานกงเลี่ยตัวแข็งกับคำพูดของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงถามขึ้นอีกครั้ง ”อาเจวี๋ย ทำไมเจ้าไม่บอกนางไปล่ะว่าเจ้าชอบนาง”
“ข้าอยากดูว่าหลังจากนี้นางจะเป็นเช่นไร” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยกดอกกุหลาบขึ้นมาใกล้ปลายจมูก แล้วดมกลิ่นหอมจากดอกไม้พวกนั้น รอยยิ้มและใบหน้างดงามดูน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง
หนานกงเลี่ยกระตุกยิ้มมุมปาก รสนิยมเลวร้ายอะไรเช่นนี้
ไร้ยางอายเสียไม่มี!