องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 426 เวยเวยเข้าร่วมการคัดเลือก
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้รีบร้อน เขาเสียดสีร่างตัวเองเข้ากับนางหลายครั้ง จนกระทั่งในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียงที่อยากได้ยินจากปากของนาง แต่เขากลับดูคล้ายกำลังพยายามหักห้ามใจตัวเองอยู่…
เขานึกขึ้นได้ว่าอีกครู่หนึ่งจะมีแขกมาที่นี่ ดังนั้นเขาจึงยับยั้งการกระทำของตนเอาไว้ จากนั้นเขาก็กระชับนางเข้าสู่อ้อมแขน พลางปรับลมหายใจให้กลับเป็นปกติ
มันเป็นเพียงแค่การกอดอย่างบริสุทธิ์ใจ
ไม่มีอะไรเกินเลยกว่านั้น
แต่มันกลับทำให้นางรู้สึกดีไปอีกแบบ
นางจูบเขาอีกครั้ง บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏอยู่
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระซิบข้างหูนาง ”อย่ายั่วข้า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเพียงยิ้มให้เขาอย่างซุกซนและเกียจคร้าน
นางไม่รู้ว่าคนที่รักกันหวานชื่นชอบอยู่ใกล้ชิดกันเช่นนี้เหมือนกันทุกคนหรือเปล่า
นางรู้เพียงแค่ว่านางชอบความรู้สึกตอนร่างกายสัมผัสกันเช่นนี้
จูบนั้นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ลมหายใจที่หอมหวานจากปลายลิ้นของเขาช่างเย้ายวนเหลือเกิน…
ในเวลาเดียวกันนั้น อวิ๋นปี้ลั่วกำลังพูดคุยกับคุณหนูคนอื่นๆ ที่มาดูประกาศผลคะแนนด้วยกันอย่างสนุกสนาน
“พี่อวิ๋น ท่านช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ท่านคว้าอันดับหนึ่งไปได้อย่างสบายๆ เลยเจ้าค่ะ”
“ที่เจ้าพูดมาก็ไม่ผิด การประเมินรูปร่างหน้าตานี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่คนที่อยู่ในเมืองหลวงเท่านั้น ดังนั้นย่อมหมายความว่าคนที่สวยที่สุดในจักรวรรดิจ้านหลงนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพี่อวิ๋นนี่เอง”
อวิ๋นปี้ลั่วเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของพวกนาง นางดูเหมือนหญิงงามที่ร่างกายอ่อนแอ แม้จะดูเปราะบาง แต่ก็ดูเป็นมิตรยิ่งนัก นางตอบว่า ”ก็แค่โชคช่วยเท่านั้น เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็งดงามไม่น้อยเมื่อเทียบกับข้า ว่าแต่นางได้อันดับที่เท่าไหร่หรือ”
“พูดถึงเจียวเอ๋อร์ จะว่าไปมันก็แปลกจริงๆ นะเจ้าคะ” คนที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างก็พากันส่ายหน้าก่อนจะพูดต่อ ”พวกข้าไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่จู่ๆ ก็มีคนคว้าตำแหน่งอันดับสองของเจียวเอ๋อร์ไปเจ้าค่ะ”
อวิ๋นปี้ลั่วรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนั้น นางจึงเอ่ยถามว่า ”มีคนที่สวยกว่าเจียวเอ๋อร์อยู่หรือ นางหมายเลขอะไร”
“หมายเลขห้าเจ้าค่ะ”
มือที่อวิ๋นปี้ลั่วใช้พัดตัวเองอยู่ถึงกับชะงักไปในทันที ”เจ้าบอกว่าคนที่ได้อันดับสองหมายเลขอะไรนะ”
“หมายเลขห้าเจ้าค่ะ” คนคนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ อวิ๋นปี้ลั่วถึงได้หน้าซีด ”พี่อวิ๋น ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายหรือเจ้าคะ”
อวิ๋นปี้ลั่วฝืนยิ้ม และทำเพียงส่ายหน้าพร้อมกับแอบกำมือเข้าหากันอยู่เงียบๆ
หมายเลขห้าหรือ
นางต่างหากที่หมายเลขห้า!
หมายความว่านางได้อันดับที่สองหรือ
คนที่ได้อันดับหนึ่งในการประเมินความงามเป็นคนอื่นหรือ
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร
คนที่ได้อันดับหนึ่งคือใคร
อวิ๋นปี้ลั่วแอบค้นข้าวของของตัวเองตอนที่ทุกคนไม่ทันสังเกต คิ้วเรียวยาวของนางขมวดเข้าหากันแน่น
หลังจากนั้นสมองของนางก็ไม่รับรู้คำพูดของหญิงสาวเหล่านั้นอีก
นางไม่เคยคิดเลยว่าผลจะออกมาเป็นเช่นนี้
แต่คิดจนสมองแทบแตก นางก็ยังคิดไม่ออกว่าทั้งจักรวรรดินี้จะมีใครหน้าตาสวยเทียบเท่ากับนางได้
คนคนนั้นเป็นใครกันแน่
อีกฝั่งหนึ่งนั้น เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์กำลังรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่นางหาข้อมูลของ ’เด็กสาวชาวบ้าน’ คนนั้นไม่เจอเลยแม้แต่อย่างเดียว
นางไม่อยากเชื่อเลยว่านางจะไม่สามารถจัดการผู้หญิงแพศยาที่ไม่มีทั้งอำนาจและบารมีเหมือนอย่างนางได้
ในเมื่อหาตัวนางไม่พบ นางจึงตัดสินใจว่าจะรอจับอีกฝ่ายให้ได้คาหนังคาเขาที่การคัดเลือกพระสนมนั่นเอง
การประเมินในรอบแรกคือการวัดระดับพลังปราณ
อย่างไรเสียผู้เข้าแข่งขันคนนั้นก็คงเป็นแค่ขยะที่ไม่สามารถทำให้ลูกแก้วส่องแสงได้ด้วยซ้ำ
การประเมินความงามนั้นจัดขึ้นเพื่อคัดผู้เข้าแข่งขันในรอบแรก
มีคนผ่านเข้ามาถึงรอบแรกได้เพียงแค่สิบคนเท่านั้น
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เชื่อว่าในจำนวนสิบคนนั้น คนเดียวที่มีฝีมือสูสีพอจะเป็นคู่มือให้กับนางได้ก็คืออวิ๋นปี้ลั่ว
แต่ที่สำคัญกว่านั้น ในเมื่อเวลานี้นางได้รับการช่วยเหลือจากใต้เท้าเลี่ยวซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบงานนี้โดยตรง นางก็ยิ่งเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่านางย่อมสามารถเอาชนะผู้ท้าชิงตำแหน่งพระสนมคนอื่นๆ ได้
ทันทีที่นางได้เป็นพระสนม นางจะทำให้นังคนชั้นต่ำเฮ่อเหลียนเวยเวยได้ลิ้มรสชาติในสิ่งที่นางเคยทำเอาไว้เป็นอย่างแรก ทุกความอัปยศอดสู และทุกคำครหาที่นางจำต้องเผชิญมาในอดีตพวกนั้น นางยินดีที่จะตอบแทนให้อย่างสาสม!
ผู้หญิงอัปลักษณ์นิสัยเงียบๆ หน้าตาเย็นชาไร้อารมณ์อย่างเฮ่อเหลียนเวยเวยกล้าดีอย่างไรถึงมาท้าทายอำนาจของนาง
แม้กระทั่งชายที่อายุห่างจากนางถึงยี่สิบปี นางก็ยังกำราบเขาได้อย่างอยู่หมัดด้วยซ้ำ
ผู้หญิงอัปลักษณ์คนนั้นจะทำเหมือนนางได้หรือเปล่าล่ะ
มันก็เป็นเหมือนอย่างที่ท่านแม่ของนางกล่าวไว้ ไม่ว่าผู้หญิงเราจะเก่งกาจเชี่ยวชาญวรยุทธ์เพียงใด แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่คนอื่นจะตัดสินเราก็คือหน้าตา
ฮ่าๆ
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ส่งเสียงหัวเราะออกมา นางอยากรู้ใจจะขาดแล้วว่าสีหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยจะบิดเบี้ยวน่าเกลียดเพียงใดตอนที่รู้ว่านางได้เป็นพระสนม…
“เอาล่ะ ไม่ต้องค้นหาต่อแล้ว เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน”
ใช่แล้ว มันยังไม่สายเกินไปกว่าที่พวกนางจะได้เห็น ’เด็กสาวชาวบ้าน’ คนนั้น พวกนางไม่เจอเบาะแสของอีกฝ่ายเลยแม้จะพลิกแผ่นดินหาตัวนางทั้งวัน นับว่าเปลืองพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ยิ่งนัก…
ค่ำคืนมาเยือน เงาของต้นไม้น้อยใหญ่ที่ไหวลู่ลมปรากฏให้เห็นท่ามกลางแสงสว่างอันเจิดจ้าจากตะเกียงน้ำมัน
อดีตฮ่องเต้อยู่ที่ตำหนักจิ่ว ซึ่งเป็นตำหนักที่เงียบสงบที่สุดของวังหลวง
ตอนนี้เฮ่อเหลียนเวยเวยและไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกำลังนั่งอยู่ตรงข้ามกับอดีตฮ่องเต้ที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหน้าตาน่าอร่อยกว่าสิบจาน
อดีตฮ่องเต้มองเฮ่อเหลียนเวยเวย เห็นได้ชัดว่าเขามีเรื่องจะคุยกับพวกนาง
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็เอ่ยว่า ”อาเจวี๋ย ในเมื่อตอนนี้เวยเวยเองก็อยู่ที่นี่ด้วย เช่นนั้นข้าจะพูดกับเจ้าตามตรงเลยก็แล้วกัน เจ้าต้องไปที่งานคัดเลือกพระสนมในวันพรุ่งนี้! ถ้าไม่ไป เจ้าก็คงรู้ดีอยู่แล้วว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร และนั่นคือการที่เจ้าจะถูกถอดออกจากตำแหน่งรัชทายาท!”
เขาไม่อยากเห็นหลานชายที่เขาเฝ้าฟูมฟักมาด้วยความยากลำบาก และเป็นเพียงคนเดียวที่สมควรได้สืบทอดบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ของจักรวรรดิจ้านหลงต้องพบกับจุดจบด้วยเรื่องเช่นนี้
ดังนั้นอดีตฮ่องเต้จึงตัดสินใจยกเอากฎมนเทียรบาลของเหล่าบรรพบุรุษมาใช้กับเขา
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทำเพียงแค่ป้อนข้าวนางเหมือนอย่างทุกที แต่แล้วจู่ๆ เขาก็วางตะเกียบในมือลง จากนั้นจึงหันไปมองอดีตฮ่องเต้อย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วกล่าวว่า ”เช่นนั้นก็ยกเลิกซะ”
สีหน้าของอดีตฮ่องเต้แข็งทื่อ เขาแทบจะหัวใจวายตาย
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับเลิกคิ้วสวยของตนขึ้น แล้วถามด้วยน้ำเสียงอันดังชัดเจนว่า ”แล้วถ้าการคัดเลือกพระสนมยังมีขึ้นตามปกติล่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นสิทธิ์ในตำแหน่งรัชทายาทของเขาก็จะไม่ถูกตัดใช่หรือไม่เพคะ”
อดีตฮ่องเต้พยักหน้า แล้วถอนหายใจยาว ”แม่หนู เจ้าสัญญากับข้าได้หรือเปล่า เจ้าเด็กน้ำแข็งนี่คงกลัวว่าเจ้าจะรู้สึกไม่ดี ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ทันทีที่มีคนเอ่ยถึงการคัดเลือกพระสนมขึ้นมา เขาก็จะจัดการปิดปากคนคนนั้นเสีย สองวันที่ผ่านมาการประชุมภายในราชสำนักช่วงเช้าสับสนวุ่นวายไปหมด เสนาบดีพวกนั้นคงมีอะไรอยากพูดกับเขาไม่น้อยทีเดียว”
“ใครอยากพูดอะไร ก็ให้มาพูดกับข้า” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกล่าวอย่างใจเย็น แต่น้ำเสียงเย็นชาของเขากลับแฝงไปด้วยความคุกคาม
สิ่งเดียวที่อดีตฮ่องเต้ไม่อยากเห็นที่สุดก็คือไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เขาจำเป็นต้องทำเพื่อให้ความโกรธของทุกคนสงบลง
เฮ่อเหลียนเวยเวยเพียงชำเลืองมองอดีตฮ่องเต้ แล้วจึงมองไปทางไป๋หลี่เจียเจวี๋ย จากนั้นนางจึงวางมือของตัวเองลงบนบ่าของเขา แล้วบอกว่า ”ข้าจะคุยกับอดีตฮ่องเต้ อย่าเพิ่งขัดเขาล่ะ”
หลังจากได้ยินที่นางพูด ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็เม้มปาก แต่หลังจากนั้นรอยยิ้มซุกซนก็พลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เจ้าตัวเล็กนี่ นางกล้าถึงขนาดสั่งเขาเชียวหรือ
หึ
ก็ได้ เขาก็อยากฟังเหมือนกันว่านางจะพูดอะไร
“เสด็จปู่” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเข้าไปในดวงตาของอดีตฮ่อเต้พร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย และกล่าวว่า ”หม่อมฉันไม่ขัดข้องอันใดกับการคัดเลือกพระสนมเพคะ แต่หม่อมฉันได้ยินมาว่าพิธีนั้นจัดขึ้นตามกฎที่บรรพบุรุษได้บัญญัติเอาไว้ ดูเหมือนว่าคนที่เป็นรัชทายาทจำเป็นต้องหาหญิงสาวที่มีรูปโฉมงดงามและมีวรยุทธ์เลิศล้ำเพื่อคอยเกื้อหนุนเขา มีเพียงการทำเช่นนั้นที่จะทำให้จักรวรรดิจ้านหลงแข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรือง ในเมื่อเราจำเป็นต้องมีหญิงที่สมบูรณ์แบบเช่นนั้น หม่อมฉันจะขอร่วมงานคัดเลือกพระสนมด้วยได้หรือไม่เพคะ คงไม่น่าจะมีปัญหาอันใดกระมัง”
อดีตฮ่องเต้ตกตะลึง จากนั้นเขาจึงตอบว่า ”ก็ได้ แต่ว่า…” เขาไม่ลืมว่าสาเหตุที่ต้องจัดงานคัดเลือกพระสนมขึ้นคืออะไร แต่ใบหน้าของนางก็ดำจนเกินไป นี่นางกำลังบอกเขาว่านางต้องการที่จะเข้าร่วมการคัดเลือกอย่างนั้นหรือ