องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 433 รูปโฉมนี้สามารถปลิดชีพผู้คนได้ในพริบตา
หยดน้ำสีดำกลิ้งลงมาตามสองแก้มของนางขณะที่นางล้างหน้าอยู่ ผิวพรรณขาวผุดผ่องราวกับหยกค่อยๆ ปรากฏสู่สายตาของทุกคน…
“นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“จุดด่างดำที่อยู่บนหน้าของพระชายาสามารถล้างออกได้ด้วยหรือ”
บรรดาคนดูต่างจ้องมองผิวขาวนวลนั้นอย่างไม่เชื่อสายตาก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตั้งใจดูใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยให้เต็มตาเสียอีก พวกเขายืนตัวแข็งด้วยความตกใจ!
แต่แม้จะตกอยู่ภายใต้สายตาอันรุนแรงของพวกเขา เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยังคงไม่ได้รีบร้อน หลังจากก้มหน้าล้างหน้าล้างตาเสร็จ นางก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าสีขาวเช็ดน้ำออกจากใบหน้า ดีดนิ้วเพียงครั้งเดียวร่มพับสีดำประดับขนนกคันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือราวกับหยกของนาง
จากนั้นนางก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ผิวของนางขาวราวหิมะ ดวงตาของนางสุกใสราวดวงดารา ไฝเสน่ห์ที่ใต้ตาของนางส่องประกายวาววับ…
เสียงฮือฮาเงียบหายไปในพริบตา
นางเหมือนกับดอกบัวที่เบ่งบานอยู่ท่ามกลางโคลนตม เหมือนกับพระจันทร์สุกสว่างที่ลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า!
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างจนถึงขีดสุดขณะมองคนที่ครั้งหนึ่งเคยอัปลักษณ์จนเกินเยียวยาคนนั้น ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจอย่างไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้!
ผิวขาวผุดผ่องของนางดูเหมือนกำลังส่องแสงอยู่ไม่มีผิด ใบหน้าราวบุปผาของนางส่องประกายเหมือนหยก ยิ่งกว่านั้นเมื่อบวกเข้ากับรอยยิ้มเกียจคร้านที่มุมปากของนางแล้วก็ยิ่งทำให้นางสวยจนเกือบลืมหายใจ!
ยิ่งตอนที่นางเดินเข้ามาพร้อมกับร่มสีดำประดับขนนก จะเห็นแขนเสื้อปักลวดลายดอกไม้สีเงินล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า และรอยแหวกเล็กๆ ที่ชายเสื้อคลุมตัวยาวของนางเผยบรรยากาศเฉื่อยชาแต่ก็เย้ายวนออกมา ช่วงขาท่อนล่างอันงดงามปรากฏให้เห็นทุกครั้งที่นางขยับตัว และเผยให้เห็นข้อเท้าน่ามองของนาง
นางทำเพียงแค่เดินเข้าไปใกล้ที่นั่งผู้ตัดสินเท่านั้น ดวงตาของนางลึกล้ำยิ่งกว่าใคร นัยน์ตาของนางดำขลับจนดูเหมือนกับหลุมที่สามารถดูดคนที่เห็นเข้าไปได้
น่าหลงใหล งดงาม และเกียจคร้าน
นางเป็นเหมือนกับดอกลำโพงอันเย้ายวนที่เบ่งบานอยู่ในโลกแห่งความมืดมิด ช่วงชิงวิญญาณโดยไร้สุ้มเสียง!
ทุกสิ่งตกอยู่ในความเงียบ
ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ซีดเผือด นางถึงกับก้าวถอยหลังไปก้าวใหญ่!
นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยจะเป็นคนคนนั้นไปได้อย่างไร
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
ไม่มีใครสังเกตเห็นปฏิกิริยาของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เพราะทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับความงามนั้นจนถึงกับพูดไม่ออก!
ขันทีซุนกับคุณชายเฮยก็เป็นหนึ่งในนั้น
พวกเขาเคยคิดอยู่เหมือนกันว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยคงจะสวยกว่านี้ถ้านางขาวขึ้น
แต่นางกลับสวยขึ้นจนพวกเขาต้องประหลาดใจ ความงดงามของนางนั้นเทียบได้กับเทพธิดาที่ลงมาจุติจากสวรรค์เลยทีเดียว มันทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นแรงยิ่งนัก!
โดยเฉพาะกับบรรยากาศของนาง มันทั้งอ่อนโยนและเฉยชาเย้ายวน ไม่ใช่แค่บุรุษที่คงยินดีแต่งงานพานางกลับจวน แต่กระทั่งสตรีก็ยังพลอยตกหลุมรักนางไปด้วย!
เฮยเจ๋อหยิกต้นขาตัวเองจนรู้สึกเจ็บ เขาหันไปมองผู้ดูแลที่ยืนอยู่ข้างตัวเองอย่างงุนงง ”นั่นคือน้องสาวของข้าจริงๆ รึ นางคือนายหญิงของเจ้าหรือ”
ผู้ดูแลตอบอย่างใจเย็นว่า ”นายหญิงเคยเปิดเผยหน้าตาที่แท้จริงของตนเองมาสองสามครั้งแล้วขอรับ แต่ไม่มีครั้งใดที่คุณชายรองอยู่ด้วย”
“นางใช้หน้าตาในการหากินได้ด้วยซ้ำ! ทำไมนางถึงเลือกที่จะพึ่งพาการทำอาวุธมากกว่าใบหน้านี้กัน ไม่สิ ในฐานะพี่ชายร่วมสาบาน ต่อไปนี้ข้าจะต้องคิดหาวิธีปกป้องน้องสาวของตัวเองให้ดีเสียแล้ว ก่อนหน้านี้นางยังปลอดภัยเพราะมีรูปร่างหน้าตาเช่นนั้น เพราะอย่างนั้นข้าก็เลยไม่เคยนึกถึงปัญหานี้มาก่อนเลย!” เฮยเจ๋อหันหน้ากลับไปจ้องมองเฮ่อเหลียนเวยเวยต่อ
ผู้ดูแล : …
ปล่อยให้องค์ชายสามกังวลเรื่องนี้ไปเถิดขอรับ ทำไมท่านต้องสอดเท้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ท่านนี่มันหลงน้องสาวจริงๆ!
แต่จากสีหน้าขององค์ชายสามแล้ว ทำไมถึงดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจกับเรื่องนี้เอาเสียเลยล่ะ
กิเลนอัคคีที่แอบอ่านความคิดของผู้ดูแลอยู่ถึงกับกระตุกยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย มันวิ่งไปถามไป๋หลี่เจียเจวี๋ยว่า ”นายท่านขอรับ ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรหรือขอรับ” มันยังไม่ลืมว่าเจ้านายของมันทำอย่างไรในตอนที่เขาเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนายหญิงเป็นครั้งแรก เขาละเลงใบหน้าของนางจนดำยิ่งกว่าเดิมเสียอีก! เห็นได้ชัดว่ามันเป็นผลมาจากความต้องการที่จะครอบครองของเขา แต่เขากลับหยิ่งเกินกว่าจะปล่อยให้ใครรู้เรื่องนั้น แต่ว่าตอนนี้… หึๆ!
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงจนตัวแข็งทื่ออยู่นั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับทำเพียงปรายตามองกิเลนอัคคีในรูปแบบวิญญาณที่ม้วนตัวอยู่ข้างเท้าของเขาด้วยสายตาเรียบเฉย พร้อมกันนั้นเขาก็ยกริมฝีปากขึ้น ”เจ้าอยากรู้จริงๆ หรือว่าข้ารู้สึกอย่างไร”
บัดซบ! เอาแล้วไง!
รอยยิ้มปีศาจนี่!
ศีรษะของกิเลนอัคคีชาหนึบ ”ก็.. ก็ไม่ใช่ว่าข้าจะอยากรู้จริงๆ เสียหน่อยขอรับ แต่ถ้านายท่านอยากพูดถึงมันละก็”
“หืม...” มุมปากของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้ายอย่างเห็นได้ชัด ”ความรู้สึกของข้าหรือ ง่ายมาก ดูเหมือนว่าพักนี้ข้าจะล้มเหลวในการสั่งสอนเจ้ากระมัง หรือไม่บางทีข้าก็อาจจะยังป้อนผักให้เจ้ากินน้อยเกินไป”
กิเลนอัคคี : …
ช่วยอย่าพูดเรื่องเหลวไหลแบบนั้นราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติได้หรือเปล่า
มันเริ่มนึกเสียใจกับการถามความรู้สึกของผู้เป็นนายขึ้นมา!
มันรู้ว่าเจ้านายของตัวเองคงกำลังรู้สึกไม่พอใจ และการถามความรู้สึกของเขาเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการทรมานตัวเองจริงๆ!
หลังจากที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดจบ เขาก็เบนสายตากลับไปทางผู้คนที่ยังคงตัวแข็งเป็นหินกันอยู่ตรงนั้นพร้อมกับกำมือเข้าหากัน
ความรู้สึกตอนที่สิ่งล้ำค่าที่สุดของเขาถูกคนอื่นเห็นนั้นย่อมไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเอาเสียเลย…
เขาคงต้องคิดหาวิธีทำให้นางได้ชดใช้กับเรื่องนี้หลังจากกลับไปถึงวัง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเล่นกับแหวนบนนิ้ว มุมปากของเขากระตุกขึ้นอย่างช้าๆ มีแต่ต้องทำเช่นนั้นถึงจะยุติธรรมมิใช่หรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่รู้เลยว่าองค์ชายกำลังคิดอะไรอยู่ สายตาของนางจับจ้องอยู่ที่ชายกลุ่มหนึ่งที่ยังคงมีสีหน้าเช่นเดิม นางเอ่ยขึ้นเตือนสติพวกเขาว่า ”เชิญผู้ตัดสินทุกคนให้คะแนนข้าได้แล้ว”
ตอนนั้นนั่นเองบรรดาผู้ตัดสินจึงเพิ่งตื่นจากภวังค์ของตน พวกเขากะพริบตา สติสัมปชัญญะเริ่มค่อยๆ กลับเข้าที่ และเตือนให้พวกเขาตระหนักได้ถึงสิ่งที่ควรทำ…
จากนั้น!
พวกเขาก็ให้คะแนนประเมินนางอย่างบ้าคลั่ง!
สุดท้ายคนดูที่อยู่ภายนอกก็เริ่มได้สติกลับมาเช่นกัน
มีใครคนหนึ่งในบรรดาฝูงชนพึมพำขึ้นมาว่า ”ทำไมพระชายาสามถึงดูคุ้นตานัก”
“พอเจ้าพูดขึ้นมาแล้วก็… อ๊ะ! ข้านึกออกแล้ว! นางคือเทพธิดาที่เคยปรากฏตัวขึ้นที่เมืองหลวงเมื่อไม่นานมานี้มิใช่หรือ เทพธิดาคนนั้นคือพระชายาสามหรอกหรือ?!”
“ใครจะไปคาดคิด! คะแนนเต็ม! พระชายาสามต้องได้คะแนนเต็มเท่านั้น!”
บรรยากาศในสถานที่แห่งนั้นเริ่มคึกคักขึ้นเรื่อยๆ!
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชมก่อความวุ่นวาย บรรดาทหารทั้งหลายจึงง่วนอยู่กับการรักษาความสงบ
เมื่ออวิ๋นปี้ลั่วเห็นภาพนี้ ริมฝีปากอันนุ่มนวลของนางก็พลันแข็งกระด้าง
นางคิดว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะต้องพ่ายแพ้ในการประชันความงามอย่างแน่นอน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้นางไม่รู้สึกกังวลกับการประเมินพลังปราณในรอบก่อนหน้านี้มากนัก
แต่ตอนนี้!
คนที่กำลังจะแพ้กลับกลายเป็นนางเอง!
ลึกลงไปในใจนั้น นางไม่เคยจริงจังกับเรื่องของเฮ่อเหลียนเวยเวยมากนักเพราะใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวย
แต่สุดท้ายแล้วนางก็ตระหนักได้ว่าผู้หญิงคนนี้ซ่อนไพ่ตายของตัวเองเอาไว้มาโดยตลอด!
ยิ่งอวิ๋นปี้ลั่วคิดเช่นนั้น มือที่อยู่ใต้เสื้อแขนยาวของนางก็ยิ่งกำเข้าหากันแน่นขึ้น
เจ้านายของนางสั่งให้นางเอาชนะให้ได้ และกลับไปอยู่ข้างองค์ชาย
ถ้าวันนี้นางแพ้ นางจะกลับไปได้อย่างไร
นอกเสียจากว่า…
ทันใดนั้นน้ำเสียงตื่นเต้นก็ดังก้องไปทั่วทั้งลาน และขัดจังหวะความคิดของอวิ๋นปี้ลั่ว ”สวรรค์! นางได้หนึ่งพันคะแนนจริงๆ!”
“เยี่ยม ทุกคนให้คะแนนเต็มกับพระชายา!”
“หึๆ มีแต่คนตาบอดเท่านั้นที่จะมองไม่เห็นความงามของลูกพี่!”
“นายหญิงหรือ ทำไมเจ้าถึงเรียกพระชายาว่าลูกพี่ล่ะ”
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง