องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 436 ตบหน้าเจียวเอ๋อร์
ขณะที่เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังพูดอยู่นั้น นางไม่แม้แต่จะปรายตามองคนทั้งสองที่สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันแม้แต่นิดเดียว นางเคลื่อนสายตามองลงไปด้านล่าง พร้อมกับลูบศีรษะของเจ้าเจ็ดไปด้วย และเอ่ยว่า ”ไปตามตัวฮูหยินเลี่ยวมาให้ข้า ข้ามีของขวัญจะมอบให้ และของสิ่งนั้นจะต้องทำให้นางต้องจดจำคนคนหนึ่งไปตลอดอย่างแน่นอน”
“มิต้องรบกวนถึงองค์ชายหรอกเพคะ!” น้ำเสียงทุ้มต่ำหนักแน่นของหญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาจากกลางฝูงชน เสียงนั้นเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดอันเป็นเอกลักษณ์ของหญิงวัยกลางคน ”พระชายาว่าต่อได้เลยเพคะ หม่อมฉันฟังอยู่”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว และมองไปยังร่างนั้นพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า ”ในเมื่อฮูหยินเลี่ยวอยู่ที่นี่แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะเล่าทุกสิ่งที่ข้าตั้งใจจะพูดให้เจ้าฟัง ข้ามีจดหมายอยู่หลายฉบับ จดหมายพวกนี้บันทึกสิ่งที่เลี่ยวอู๋เหลียงและเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ทำในช่วงสองวันนี้เอาไว้อย่างชัดเจน ทั้งสองคนตกหลุมรักกัน อีกทั้งยังรักกันหวานชื่นเสียด้วย”
ทันทีที่เฮ่อเหลียนเวยเวยเอ่ยถึงเรื่องนั้น คนอื่นๆ ก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว
พวกเขาเคลื่อนสายตาไปหยุดอยู่ที่เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ สายตานั้นล้วนแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกดูถูกเหยียดหยาม
“ใครจะไปคิดว่าเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์จะเป็นคนเช่นนี้! โอ้ สวรรค์! เลี่ยวอู๋เหลียงอายุมากกว่านางอย่างน้อยก็สิบปีเลยมิใช่หรือ”
“เขาแก่กว่านางมากกว่าสิบปีเสียอีก และเจ้าอย่าลืมล่ะว่าเจ้าคนแซ่เลี่ยวกับเฮ่อเหลียนกวงเย่าเป็นถึงศิษย์อาจารย์เดียวกัน เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เรียกเลี่ยวอู๋เหลียงว่า ’ท่านลุง’ ด้วยซ้ำ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าทั้งสองคนจะมีความสัมพันธ์กันได้ น่าขยะแขยงเสียไม่มี! ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าจะมีผู้หญิงที่น่ารังเกียจเช่นนี้อยู่!”
“ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันแม้แต่น้อย!”
ด้วยความเป็นคนอารมณ์ร้อน ทันทีที่ฮูหยินเลี่ยวได้ยินบทสนทนาจากคนที่อยู่รอบตัว นางก็แทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไป ในตอนแรกนั้นนางมีความสัมพันธ์กับเลี่ยวอู๋เหลียงเพราะนางชอบเขา และตระกูลของนางมีชื่อเสียง นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้นางกับเขาลงเอยกัน
ที่เลี่ยวอู๋เหลียงมีตำแหน่งการงานอย่างทุกวันนี้ได้ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลของนางมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
นางนึกไม่ถึงเลยว่าลับหลังนาง เขาจะกล้าทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ได้!
ที่สำคัญ คนที่ขโมยสามีของนางไปก็คือเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ เด็กสาวที่นางเห็นนางเติบโตมากับตาตัวเอง!
ฮูหยินเลี่ยวตัวสั่นอย่างรุนแรงระหว่างที่คิดถึงเรื่องนี้ นางตวัดสายตาไปมองทางเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์โดยไม่แม้แต่จะมองจดหมายที่อยู่ในมือของเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยซ้ำ นางกระชากผมของอีกฝ่ายอย่างแรง ”เจ้าไม่มีความรู้สึกกระดากอายบ้างหรือ นี่คือสิ่งที่ท่านแม่ของเจ้าสั่งสอนมารึ นางสอนให้เจ้าให้ท่ากับชายทุกคนหรือไร”
“โอ๊ย! ปล่อยข้านะ!” สิ่งเดียวที่เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ต้องการในเวลานี้คือการมองหาหลุมเพื่อซ่อนตัวเท่านั้น นางคิดไม่ถึงเลยว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะรู้เรื่องระหว่างเลี่ยวอู๋เหลียงกับนางได้ มิหนำซ้ำยังนำมันมาป่าวประกาศเช่นนี้อีก
ความรู้สึกตื่นตระหนกซัดสาดเข้าใส่นางอย่างรุนแรง
หลังจากนี้นางควรทำเช่นไร
ในอนาคตนางจะแต่งงานได้อย่างไร
ต่อให้นางเป็นพระชายามาเกิดใหม่ แต่จะมีใครกล้าแต่งงานกับนางหรือ
ระหว่างที่คิดเช่นนั้นอยู่ในหัว เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็ยิ่งพยายามขัดขืน นางโต้กลับโดยไม่คิดเลย ”ข้าบอกให้ปล่อยอย่างไรล่ะ ไม่ได้ยินหรือ เฮ่อเหลียนเวยเวย เจ้าปรักปรำข้า! เจ้ากุเรื่องขึ้นใส่ร้ายป้ายสีข้า! เจ้าอิจฉาข้า! เอายายแก่ปากร้ายนี่ออกไปจากข้า แล้วเรามาสู้กันอย่างตรงไปตรงมาดีกว่า!”
“เจ้าเรียกใครว่ายายแก่ปากร้ายนะ นังเด็กแพศยา!” ทันทีที่ฮูหยินเลี่ยวได้ยินคำพูดหยาบคายของเจียวเอ๋อร์ นางก็ยิ่งเพิ่มแรงที่มือขึ้น และกระชากผมของอีกฝ่ายอย่างแรง!
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เจ็บปวดอย่างมาก ดังนั้นนางจึงใช้พลังปราณทั้งหมดของตนถีบฮูหยินเลี่ยวลงไปกองกับพื้นทันที
ฮูหยินเลี่ยวร่วงลงกับพื้นด้วยความเจ็บ นางใช้มือทั้งสองข้างของตนกุมท้องเอาไว้ก่อนจะล้มลงเสียงดัง จากนั้นนางก็เริ่มร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่น
ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น เฮ่อเหลียนเวยเวยทำเพียงมองดูพวกเขาด้วยสีหน้าราบเรียบ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา
ใต้เท้าเลี่ยวยืนอยู่ตรงกลาง เขาดึงแขนคนหนึ่งไว้พร้อมกับขวางอีกคนไปด้วย เครื่องแบบขุนนางที่เขาสวมอยู่ยับยู่ยี่ แม้กระทั่งหมวกก็ยังเอียงไปด้านข้าง
เขาอยากช่วยพยุงฮูหยินเลี่ยวขึ้น แต่กลับถูกนางผลักออกไปอีกทาง!
เขาเซถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้นจึงรู้สึกราวกับว่ามีเงาของคนคนหนึ่งทาบทับลงมาเหนือศีรษะ
เงานั้นให้ความรู้สึกกดดันอย่างรุนแรง เขารู้ได้ทันทีว่าเป็นของใครโดยที่ไม่ต้องหันหน้ากลับไปมอง
“เลี่ยวอู๋เหลียง เจ้าทำได้ดีมาก”
มันเป็นแค่คำพูดเพียงไม่กี่คำ และบนริมฝีปากของเขาก็ยังคงมีรอยยิ้มปรากฏอยู่
รังสีแห่งความอาฆาตที่แผ่ออกมาจากดวงตาของชายคนนั้นทำให้เขาตกใจกลัวจนถึงกับเข่าอ่อน
เขาคำนับศีรษะลงกับพื้นจนเกิดเป็นเสียงดัง ตึง!ตึง!ตึง!
“องค์… องค์ชาย ได้โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยเถิด! กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมไม่รู้ว่านางคือพระชายาพ่ะย่ะค่ะ!” เขาพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปทางเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ ”ทุกอย่างเป็นความผิดของนางพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นคนยั่วยวนกระหม่อม! ในเวลานั้นกระหม่อมเพียงแค่ถูกล่อลวง…”
เลี่ยวอู๋เหลียงยังไม่ทันได้พูดจนจบประโยคด้วยซ้ำ เพราะเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก้าวเข้ามาเผชิญหน้ากับเขาเสียก่อน ”เจ้ามันก็แค่ชายแก่น่ารังเกียจ เจ้าบอกว่าข้าเป็นคนไปยั่วยวนเจ้าหรือ เจ้าต่างหากล่ะที่เอาแต่จ้องมองข้าตั้งแต่หัวจรดเท้า! ถ้าไม่ใช่เพื่อกำจัดคนคนนั้น มีหรือที่ข้าจะไปยุ่งเกี่ยวกับเจ้าได้”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์พ่นทุกอย่างออกมาโดยไม่สนใจอีกต่อไปว่าตนพูดถึงอะไรอยู่ ภาพลักษณ์ของเด็กสาวมากพรสวรรค์ที่สุดในเมืองหลวงหายไปจนหมดสิ้น ใบหน้าอันงดงามของนางเปรอะไปด้วยเครื่องสำอาง อีกทั้งผมเผ้าของนางก็ยังกระเซอะกระเซิงราวกับคนเสียสติ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เสื้อคลุมบนร่างสะบัดไปมาตามสายลม เขายังคงดูเยือกเย็นและสง่างามยิ่งนักขณะที่ทอดสายตามองชายหญิงที่กำลังต่อล้อต่อเถียงกันอยู่ จากนั้นเขาก็ออกคำสั่งอย่างเย็นชาว่า ”พาตัวพวกเขาออกไปแล้วประหารให้หมด”
ประหาร
ประหารหรือ
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น ไม่ใช่แค่เพียงเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์กับเลี่ยวอู๋เหลียงเท่านั้นที่ตัวแข็ง แม้แต่ฮูหยินเลี่ยวก็ยังถึงกับหยุดร้องไห้ไปด้วย นางปาดน้ำตาแล้วคลานเข้าไปหาไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ”องค์ชาย แม้สามีของหม่อมฉันจะผิดจริง แต่เขาก็ไม่รู้ว่านางคือพระชายานะเพคะ หากเขารู้ เขาย่อมไม่กล้าทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน คนที่หมายจะทำร้ายพระชาคือนังแพศยาคนนั้นต่างหากล่ะเพคะ สามีของหม่อมฉันเป็นเพียงผู้เคราะห์ร้ายเพราะนางเท่านั้น!”
“เจ้าหมายความว่าเจ้าจะทำร้ายสาวงามคนใดก็ได้ตราบใดที่นางไม่ใช่พระชายาหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยปรายตามองชายเสื้อของตนที่ยับย่นเพราะฮูหยินเลี่ยว คิ้วยาวของเขาขมวดเข้าหากัน อุณหภูมิในดวงตาของเขาลดต่ำลงอย่างมาก ”ลากตัวไป ประหาร!”
ฮูหยินเลี่ยวตกตะลึง แล้วทรุดลงไปกับพื้น เมื่อนางเห็นเลี่ยวอู๋เหลียงกับนังแพศยาเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ถูกพาตัวออกไปพร้อมกัน นางก็ยิ่งรู้สึกตกใจยิ่งนัก
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ขัดขืนด้วยกำลังทั้งหมดพร้อมกับร้องไห้ออกมาเสียงดัง ”หม่อมฉันต้องการพบท่านแม่ หม่อมฉันต้องการพบท่านตา! องค์ชาย ท่านจะประหารหม่อมฉันไม่ได้นะเพคะ! ท่านจะต้องเสียใจแน่! อย่าลืมนะว่าหม่อมฉันเป็นพระชายากลับชาติมาเกิด! หากหม่อมฉันตาย จักรวรรดิจ้านหลงจะต้องพินาศสาบสูญ ท่านอยากเป็นรัชทายาทที่ทำลายบ้านเมืองของตนเองหรือเพคะ”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์อาจจะเสียงดังเกินไป องครักษ์ทุกนายจึงหยุดเดินโดยไม่รู้แล้ว แล้วหันไปมองผู้เป็นนายของตนแทน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยค่อยๆ ปัดฝุ่นออกจากเสื้อคลุมของตัวเองพร้อมกับออกคำสั่งอย่างเด็ดเดี่ยว เขาเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยราวกับว่าเขาเกิดมาพร้อมกับความเย็นชาเฉยเมย และความเกลียดชังในสิ่งมีชีวิตทั้งปวง น้ำเสียงอันโหดเหี้ยมของเขาเอ่ยออกมาเพียงคำเดียวเท่านั้นว่า ”ประหาร”
ทุกคนล้วนแต่เห็นตรงกันว่าเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์สมควรตาย!
เด็กสาวเช่นนี้น่ะหรือจะเป็นร่างกลับชาติมาเกิดของพระชายา หากเป็นเช่นนั้นจริงก็คงน่าอับอายขายหน้ายิ่งกว่าเดิมเสียอีก!
แต่ฮูหยินเลี่ยวไม่อาจทนเห็นสามีของตนถูกประหารได้ เมื่อนางสังเกตเห็นว่าการขอร้องใช้ไม่ได้ผลกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย นางจึงคลานเข้าไปหาเฮ่อเหลียนเวยเวยแทน ”พระชายาเพคะ ท่านเป็นคนมีเหตุผล ได้โปรดเถิดเพคะ สามีของหม่อมฉันเพียงแค่ทำเรื่องนั้นลงไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น…”