องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 452 ของขวัญขององค์ชาย
“นางจะต้องแพ้อย่างแน่นอน!” เฮ่อเหลียนกวงเย่าขยำจดหมายในมือแน่น แม้เขาจะหมดเยื่อใยกับซูเหยียนโม่แล้ว แต่เพื่อล้างแค้นให้บุตรสาวสุดที่รัก เขาจะไม่มีวันล้มเลิกการแก้แค้นนี้!
ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะไม่มีวันยอมให้เฮ่อเหลียนเวยเวยเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้
เขาเป็นกังวลจากใจจริงว่าถ้าเขาไม่หยุดนางละก็ สักวันหนึ่งนางจะปีนขึ้นไปอยู่บนหัวของเขา
ดังนั้นนางจะต้องถูกกำจัดออกจากตระกูลก่อนที่จะได้ขึ้นเป็นฮองเฮา
แล้วจากนั้น…
“นังคนชั้นต่ำนั่นถูกวิญญาณสิงอยู่จริงๆ หรือเปล่า” เฮ่อเหลียนกวงเย่าถามซูเหยียนโม่
ซูเหยียนโม่กระตุกยิ้ม แล้วเอ่ยว่า ”มีความเป็นไปได้สูงทีเดียว ถ้าเราสามารถหาทางกำจัดวิญญาณดวงนั้นออกไปจากร่างของนางได้ ต่อให้นางเก่งขนาดไหน แต่สุดท้ายก็ต้องเชื่อฟังพวกเราอยู่ดี!”
“เจ้าควรคิดหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้ให้ดีๆ” เฮ่อเหลียนกวงเย่ายืนขึ้น แล้วกล่าวว่า ”ข้าจะออกไปข้างนอกเพื่อหารือเรื่องกองกำลังลับสักหน่อย”
เมื่อซูเหยียนโม่ได้ยินเขาพูดถึงกองกำลังลับ นางก็รู้สึกเหมือนนางได้ยินข่าวคราวของเฮ่อเหลียนเวยเวย แกะดำของครอบครัวที่ถูกเตะออกจากตระกูล
นางบอกตัวเองว่าในอีกไม่ช้า นังคนชั้นต่ำนั่นจะต้องสูญเสียทุกอย่างไปจนหมดสิ้น!
ตกดึก
เฮ่อเหลียนเวยเวยฟังรายงานจากข้ารับใช้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางกระตุกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า ”ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะคิดถึงข้ามากถึงเพียงนั้น บอกให้ชื่อเหยียนติดต่อกับพวกเขาซะ”
“ขอรับ” ข้ารับใช้คนนั้นถอยหลังออกไป
วังหลวงตกสู่ความเงียบอีกครั้ง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนตั่งเหมือนไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสอง เขาพลิกม้วนกระดาษโบราณในมือพร้อมกับเอนกายไปด้านหลัง ทันทีที่เขาเห็นเฮ่อเหลียนเวยเวยเดินเข้ามา เขาก็กระดิกนิ้วเรียกนาง แล้วบอกว่า ”มานี่สิ”
ตอนแรกเฮ่อเหลียนเวยเวยคิดว่าสุดท้ายแล้วเขาจะตำหนินาง
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับบอกว่า ”ข้ามีของขวัญให้เจ้า”
“ของขวัญอะไรหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว จะโทษนางที่มีปฏิกิริยาเช่นนั้นก็ไม่ได้ เพราะของขวัญทุกชิ้นที่นางได้รับมาจากองค์ชายสามนั้นล้วนแต่เป็นของแปลกๆ ทั้งสิ้น
ยกตัวอย่างเช่นปลอกคอที่อยู่บนคอของนาง…
คราวนี้เขาคิดจะให้อะไรกับนางอีก
หูแมวหรือ
มุมปากของเฮ่อเหลียนเวยเวยถึงกับกระตุก
จากนั้นนางก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาข้างใน ผู้หญิงคนนั้นมีรูปโฉมงดงาม ร่างกายบอบบางสมส่วน และดูดีเป็นอย่างมาก อีกทั้งชุดที่นางสวมอยู่ก็ยังดูสง่างามยิ่งนัก นางคุกเข่าลง แล้วเอ่ยทักทายเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยน้ำเสียอ่อนหวาน ”หม่อมฉันคารวะพระชายาเพคะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้วพร้อมกับหันไปมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยด้วยท่าทางเฉื่อยชา และหัวเราะออกมาเบาๆ ”ท่านยกผู้หญิงให้ข้าหรือ องค์ชาย ข้าไม่สนใจผู้หญิง ท่านน่าจะยกผู้ชายให้ข้าแทน”
ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเรืองแสงวาบเมื่อเขาได้ยินดังนั้น ”ทำไมข้าถึงต้องยกผู้ชายให้เจ้าด้วย เจ้าจะเอาไปทำไม หือ”
แย่ล่ะสิ นางเผลอไปกระตุกหนวดเสือเข้าให้แล้ว!
เฮ่อเหลียนเวยเวยสัมผัสได้ถึงแรงที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นตรงช่วงเอวของตน นางรู้สึกผิดเล็กน้อย ”ข้าจะเอามามอง”
“มองหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกยิ้ม
เฮ่อเหลียนเวยเวย… หึ อย่างกับว่าเขาจะยอมให้ข้าแตะต้องผู้ชายคนอื่นอย่างนั้นล่ะ
“ดูเหมือนว่าภรรยาของข้าจะคิดว่าข้ายังมีเสน่ห์ไม่พอสินะ นางถึงได้อยากมองผู้ชายคนอื่น” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเชยคางของนางขึ้นและจ้องนางเขม็ง ”เจ้าจะลองหาดูก็ได้ แล้วมาดูกันว่าเจ้าจะหาคนคนนั้นเจอได้เร็วกว่า หรือข้าจะฆ่าคนคนนั้นได้เร็วกว่ากันแน่”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขาด้วยรอยยิ้ม ”เช่นนั้นข้าไม่หาแล้วก็ได้ ข้าไม่คิดว่าจะมีใครที่ไหนดูดีเท่าท่านอีกแล้ว”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพยักหน้า
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกประสบความสำเร็จในใจเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเขา
ฮ่าๆ ในที่สุดนางก็แกล้งเขาสำเร็จ!
“เจ้าช่างเป็นคนตื้นเขินนักที่สนใจแต่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขยับตัวเข้าไปหานาง เขาจับมือของนางขึ้นมาก่อนจะประสานนิ้วมือนั้นเข้าหากัน แต่น้ำเสียงของเขาไม่มีความเย็นชาหลงเหลืออยู่อีกต่อไป
เฮ่อเหลียนเวยเวยยอมรับว่านางเป็นคนตื้นเขินจริง แต่นางก็ไม่ได้สนใจแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก นางยังสนใจลักษณะนิสัย บุคลิก และความรู้ความสามารถของคนคนนั้นอีกด้วย
สองอย่างสุดท้ายเป็นสิ่งที่องค์ชายสามไม่เคยเปิดเผยออกมา
แต่ถ้าคะแนนเต็มหนึ่งร้อย หน้าตาอันดึงดูดนั่นก็คงกินคะแนนไปแล้วเก้าสิบเก้าคะแนน
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกมาตลอดว่าด้วยใบหน้าทรงเสน่ห์นี้ ต่อให้บางครั้งผู้ชายคนนี้จะล้างสมองนางด้วยเรื่องสุดแสนจะไร้สาระ แต่นางก็คงจะยอมให้อภัยในสิ่งที่เขาทำอยู่ดี
แม้ว่าบางครั้งเขาจะทำตัวหน้าด้านไร้ยางอาย แต่นางเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก
ทั้งสองคนต่างก็เข้ากันได้ดี เหมาะที่จะทำงานร่วมกันยิ่งนัก
ผู้หญิงคนที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นคนนั้นกัดริมฝีปากบางของตน นางไม่เคยเห็นองค์ชายแสดงความรักกับใครถึงเพียงนี้มาก่อน
เดิมทีนางคิดว่าองค์ชายจะไม่มีอารมณ์ความรู้สึกให้กับใคร
เขาเหมาะที่จะนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรแล้วปกครองแผ่นดินนี้
แต่ตอนนี้…
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองสายตาของผู้หญิงคนนั้น นางรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เอาอีกแล้ว
ดูเหมือนว่าผู้หญิงทุกคนที่รับใช้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมักจะลงเอยด้วยการตกหลุมรักเขาอยู่เสมอ…
เฮ่อเหลียนเวยเวยพอจะทำความเข้าใจกับเรื่องนั้นได้ ที่สำนักถังเองก็มีคนที่แอบชอบถังเส่าอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน
แต่ถังเส่าเตือนพวกเขาเอาไว้แต่แรกแล้วว่าเขาจะทำให้คนที่คิดไม่ดีกับเขาจะต้องได้กินลูกปืน
ตอนนั้นนางเคยคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องตลก
ไม่มีใครคาดคิดว่าวันหนึ่งจะมีคนแอบเข้าไปในห้องของเขาตอนที่เขาเมา
คนคนนั้นตายจริงๆ
พวกเขาไม่ได้ทำอะไร แต่เป็นนางต่างหากที่ล้ำเส้นของถังเส่า
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่เคยเห็นสีหน้าโกรธเคืองของถังเส่ามาก่อน
เขาเป็นออทิสติกมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เมื่อโตขึ้นเขาก็แฝงตัวเข้าไปอยู่ในแวดวงคนที่มีชื่อเสียงทั้งหลายด้วยการปั้นรอยยิ้มอันเสแสร้ง ใครต่อใครต่างก็บอกว่าเบื้องหลังรอยยิ้มนั้นของเขาจะต้องมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่แน่ นานทีปีหนเขาถึงจะสูญเสียการควบคุมสักครั้ง แต่ในวันนั้นเขากลับทุบกระจกแตกไปนับไม่ถ้วน
เขากระตุกยิ้มแล้วมองคนที่กำลังเคลื่อนศพออกไป น้ำเสียงของเขาเย็นชา ”จำเอาไว้ว่าไม่มีใครทำให้ฉันทรยศผู้หญิงของตัวเองได้ มีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น”
หลังจากเหตุการณ์นั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยจึงตระหนักได้ว่าเขาถนอมตัวเองเอาไว้ให้ใครคนหนึ่ง
เขาถึงกับเรียกคนคนนั้นว่า ’ผู้หญิงของเขา’ เลยด้วยซ้ำ
แต่เหตุการณ์นั้นก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนเลิกแอบรักเขา
สถานการณ์คล้ายๆ กันนี้ก็เกิดขึ้นกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเช่นเดียวกัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุกยิ้มให้กับผู้หญิงคนที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้านาง นางไม่ได้ละสายตาออกจากอีกฝ่ายเลยแม้แต่วินาทีเดียว
หลานเหลียนลนลานเมื่อความคิดของนางถูกเฮ่อเหลียนเวยเวยอ่านออก นางตัวแข็งทื่อแล้วรีบหลุบสายตาลง
รู้ตัวก็ดี
เฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุกริมฝีปากขึ้น แล้วถามว่า ”องค์ชาย ทำไมท่านถึงยกผู้หญิงคนนี้ให้ข้าหรือ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ตอบ เขาชำเลืองมองหลานเหลียนที่ลุกขึ้นยืนแล้วเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลานเหลียนรีบตอบอย่างนุ่มนวลทันทีว่า ”พระชายาเพคะ หม่อมฉันรับใช้อยู่ข้างกายใต้เท้าเฮ่อเหลียนตลอดเวลาที่ผ่านมา หม่อมฉันรู้ทุกเรื่องของเขาราวกับมันเป็นหลังมือของหม่อมฉันเอง เขาหมั้นกับหม่อมฉันแล้ว และหม่อมฉันจะแต่งงานเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ผู้พิทักษ์หลังจบการประชุมประจำตระกูลเพคะ”
แต่งงานเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ผู้พิทักษ์หรือ
ซูเหยียนโม่จะไม่โกรธจนควันออกหูตายหรอกหรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยเข้าใจได้โดยไม่ต้องอธิบายให้มากความ นางหันไปหาไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแล้วกล่าวว่า ”ท่านจงใจสั่งให้หลานเหลียนเข้าหาเฮ่อเหลียนกวงเย่าหรือ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดเสียงเบา ”ข้าต้องสั่งให้คนจงใจเข้าหาเฮ่อเหลียนกวงเย่าด้วยหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะ ”ต่อให้เขาจะเป็นคนป่าเถื่อน แต่เขาก็ยังเป็นคนที่ระมัดระวังตัวอยู่เสมอ หลานเหลียนคงเป็นคนที่มีความสามารถมากทีเดียว นางถึงสามารถเข้าหาเขาได้”
“หม่อมฉันเพียงแค่ทำตามขั้นตอนที่ฝ่าบาทบอกเท่านั้นเพคะ…”