องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 453 เวยเวยปะทะมือที่สาม
หลานเหลียนไม่เข้าใจสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวย แต่นางรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นางจงใจกล่าวชมความเฉลียวฉลาดของนางต่อหน้าองค์ชาย
นางพยายามกันให้นางอยู่ห่างจากฝ่าบาทหรือ
สายตาของหลานเหลียนพลันมืดมิดทันทีที่นางคิดได้เช่นนั้น จากนั้นนางจึงกล่าวต่อว่า ”พระชายาชมหม่อมฉันเกินไปแล้วเพคะ”
กลับกลายเป็นว่าหลานเหลียนต่างหากที่คิดมากเกินไป
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้คิดอะไรมากเท่านาง นางเคาะนิ้วลงกับโต๊ะเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ”ตามข้าไปที่การประชุมประจำตระกูลในวันมะรืนนี้ แล้วเล่าเรื่องระหว่างเจ้ากับเฮ่อเหลียนกวงเย่าให้พวกเขาฟังซะ เจ้าคงไม่ขัดข้องประการใดใช่ไหม”
“เพคะ” หลานเหลียนก้มหน้าลงอีกครั้ง น้ำเสียงของนางฟังดูไม่จริงใจเล็กน้อย ”ไม่ขัดข้องเพคะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยหยิบถ้วยชาขึ้นมา แล้วใช้ปลายนิ้วหมุนมันเบาๆ ”ข้าเกลียดการบังคับให้คนอื่นต้องฝืนใจทำในสิ่งที่ตนไม่อยากทำ เจ้าตัดสินใจได้เมื่อไหร่แล้วค่อยมาให้คำตอบกับข้าก็แล้วกัน ถ้าเจ้าเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับเฮ่อเหลียนกวงเย่าต่อหน้าสาธารชนละก็ ชื่อเสียงของเจ้าจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน”
หลานเหลียนช้อนตาคู่สวยของตัวเองขึ้น สายตานั้นจับจ้องไปทางไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
แต่แล้วนางก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่แม้แต่จะปรายตามามองนางเลยด้วยซ้ำ
หลานเหลียนรู้สึกผิดหวังอย่างเสียไม่ได้ แต่ความรักที่อยู่ในดวงตาของนางก็ไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด ”พระชายาไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ ฝ่าบาทเป็นผู้มอบภารกิจนี้ให้หม่อมฉันด้วยตัวเอง และไม่ว่าภารกิจนั้นจะเป็นสิ่งใด หม่อมฉันก็พร้อมที่จะทำมันให้สำเร็จแม้จะต้องแลกมาด้วยชีวิตก็ตาม นับประสาอะไรกับการเสื่อมเสียชื่อเสียงเล่าเพคะ”
เห็นได้ชัดว่านางจงใจพูดเช่นนี้กับเฮ่อเหลียนเวยเวยเพื่อแสดงให้นางเห็นการเสียสละและความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ของนาง
ตอนนั้นนั่นเองที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเหมือนเพิ่งจะรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของนาง เขาขมวดคิ้วหลังจากได้ฟังสิ่งที่นางพูด
ในฐานะคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยเหยียดยิ้ม แล้วบอกกับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยว่า ”ท่านออกไปข้างนอกก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องต้องคุยกับหลานเหลียน”
“ให้ข้าออกไปหรือ” สายตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดำทะมึน สิ่งเดียวที่อยู่ในใจเขาในเวลานี้คือการลงมือสังหารหลานเหลียน!
ทำไมคนที่ปรากฏตัวต่อหน้านางถึงได้ทำตัวมีปัญหากันอยู่เรื่อย
ความเกลียดชังอันรุนแรงปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
หลานเหลียนตัวสั่น ใบหน้าของนางซีดเผือดราวกับกระดาษขาว นางลืมนิสัยของฝ่าบาทไปได้อย่างไร…
“ท่านคิดจะฆ่าคนต่อหน้าข้าหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มแล้วบีบมือเขา
รอยยิ้มเสแสร้งกลับคืนมาสู่ใบหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยภายในพริบตา จากนั้นเขาก็อุ้มนางขึ้น แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า ”จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร อย่าเอาแต่เข้าใจสามีตัวเองผิดเช่นนี้สิ”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : …เข้าใจผิดหรือ ถ้านางไม่ห้ามเขา เกรงว่าป่านนี้ตรงหน้านางก็คงได้มีศพกองอยู่แล้วกระมัง
“เจ้าจะคุยอะไรก็คุย แสร้งทำเหมือนว่าข้าไม่อยู่ที่นี่แทนก็แล้วกัน” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก้มหน้าลงแล้วจุมพิตหน้าผากของนาง
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกจนปัญญายิ่งนัก เขาตัวสูงและยังมีบรรยากาศกดดันแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ นางจะแกล้งทำเหมือนกับว่าเขาไม่อยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยกริมฝีปากขึ้น แล้วจับมือของนางออกจากหน้าผากตัวเอง ก่อนจะเอ่ยว่า ”ถ้าเจ้าเกิดความเข้าใจผิดขึ้นระหว่างการสนทนากับนาง มันก็คงไม่ยุติธรรมสำหรับข้าผู้เป็นสามีเท่าใดนัก”
“พวกเรายังไม่ทันได้เริ่มคุยอะไรกันเลยด้วยซ้ำ ทำไมท่านถึงรู้สึกว่ามันจะไม่ยุติธรรมเสียแล้วล่ะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยถอนหายใจเล็กน้อย ”ก็ได้ หลานเหลียน เจ้ากลับไปก่อน ไว้ข้าค่อยคุยกับเจ้าอีกที”
“เพคะ” หลานเหลียนตอบ รู้สึกดีใจที่นางสามารถหนีไปจากที่นี่ได้ นางไม่อยากให้ฝ่าบาทรู้ถึงความรู้สึกที่นางปิดบังเอาไว้มาเป็นเวลานานนี้
แต่คราวนี้เสียงที่ดังขึ้นกลับเป็นเสียงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ”ในเมื่อเจ้าไม่อยากคุยกับนาง เช่นนั้นข้าคุยกับนางแทนก็แล้วกัน” ทันทีที่พูดจบ เขาก็มองไปที่หลานเหลียนด้วยสายตาเย็นชา
หลานเหลียนตัวแข็งทื่อ นางรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเดินเข้าไปหานางอย่างไม่แยแส ”เจ้าชอบข้าหรือ”
หลานเหลียนเงยหน้าขึ้นทันที ใบหน้าของนางร้อนผ่าว ”หม่อมฉัน.. หม่อมฉัน…”
“ข้าไม่ชอบเจ้า” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่รอฟังคำตอบของนาง เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ”อีกทั้งข้าก็ไม่เคยทำอะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่าข้าสนใจเจ้าอีกด้วย”
หลานเหลียนกัดริมฝีปาก แล้วทำท่าจะแก้ตัวออกมา!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่เปิดโอกาสให้นางพูด ”ทีนี้บอกข้ามาสิว่าเมื่อครู่นี้เจ้ามีจุดประสงค์อะไรถึงพูดเช่นนั้นออกมา”
“หม่อมฉัน… หม่อมฉันไม่ได้มีจุดประสงค์อันใดทั้งนั้นเพคะ” หลานเหลียนแทบจะร้องไห้โฮออกมา ”หม่อมฉัน.. เพียงแค่พูดความจริงเท่านั้น”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเหลือบมองนาง แล้วยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ”พูดความจริงหรือ เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ ดูเหมือนช่วงนี้ข้าคงจะใจดีเกินไปกระมัง พวกเจ้าถึงได้พากันเห็นภาพลวงตาเอาได้”
“ฝ่าบาท!” หลานเหลียนสะอื้นไห้ ดวงตาคู่สวยของนางเต็มไปด้วยหยดน้ำตา ”จริงอยู่ที่หม่อมฉันชอบฝ่าบาท แต่หม่อมฉันสมควรตายเพราะเรื่องนี้หรือเพคะ” เวลานี้นางควรพูดทุกอย่างออกมาเสีย!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเงียบ ความมืดมิดปกคลุมไปทั่วดวงตาของเขา ก่อนจะรวมกันเป็นกลุ่มควันสีดำสนิท เขาไม่อยากฆ่าคนต่อหน้าเจ้าตัวเล็ก แต่คนพวกนี้ทำให้เขารู้สึกรำคาญลูกตาจริงๆ!
“การชอบใครสักคนไม่ใช่เรื่องผิดหรอก” เฮ่อเหลียนเวยเวยจับข้อมือของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอาไว้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลว่า ”แต่เจ้าผิดที่ชอบคนที่มีครอบครัวอยู่แล้วต่างหาก เจ้าไม่คิดที่จะยอมแพ้ก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อครู่นี้เจ้ากำลังพยายามที่จะท้าทายข้าใช่หรือเปล่า หลานเหลียน ความรักคือการไม่ทำร้ายบุคคลที่สามในความสัมพันธ์นี้ ความพยายามที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับหัวใจของคนอื่นนั้นไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจอันแน่วแน่ แต่กลับจะยิ่งทำให้ตัวเจ้าเองต้องขายหน้าเท่านั้น ถ้าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตกหลุมรักเจ้าจริงๆ เช่นนั้นก็เอาเขาไปจากข้าได้เลย ข้า เฮ่อเหลียนเวยเวย ไม่มีวันยอมรับชายที่หัวใจรวนเรอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เจ้าพยายามทำกลับเป็นการก้าวเข้ามาในความสัมพันธ์ของพวกเราขณะที่พวกเรายังรักกันดี หึ หลานเหลียน ข้าไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะชอบใคร แต่ถ้าเจ้าไม่รู้ขอบเขตของมันละก็ ข้าจะถีบเจ้าออกไปจากวังหลวงทันที ข้ามีวิธีการรับมือกับมือที่สามเป็นร้อยวิธีเชียวล่ะ เจ้าอยากลองดูสักวิธีหรือเปล่า ทิ้งความคิดพวกนั้นไป และทำตัวให้สมกับเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ซะ”
ผู้หญิงเราต้องรู้จักทำตัวโหดร้ายเพื่อรักษาสถานะของตัวเอง
เฮ่อเหลียนเวยเวยเชื่อในคำพูดประโยคนี้
อย่างที่นางบอก นางไม่ได้ห้ามให้ใครหยุดรักไป๋หลี่เจียเจวี๋ย อย่างไรพวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้น
แต่หลังจากยั่วโมโหนาง นางกลับยังกล้าทำเหมือนตัวเองถูกทำร้ายอยู่อีกหรือ
นางไม่รังเกียจที่จะให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรสในสิ่งที่ตัวเองทำหรอก!
ถ้าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมีส่วนในเรื่องนี้ด้วย นางก็จะไม่ลังเลแม้แต่น้อย
นางจะปล่อยมือจากเขา และไปจากที่นี่
อาจเป็นเพราะว่าพ่อของนางก็เคยถูกมือที่สามแย่งไปเหมือนกัน
นางถึงได้รับความทุกข์ทรมานจากความสัมพันธ์อันสกปรกมาตั้งแต่ยังเด็ก
นางขอเลือกระหว่างอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าหรืออยู่ตัวคนเดียวเสียยังดีกว่า
นางเป็นคนประเภทที่ทนเห็นเม็ดฝุ่นอยู่ในสายตาไม่ได้
นางเป็นคนเช่นนี้มาตลอด
ความคิดของหลานเหลียนถูกเฮ่อเหลียนเวยเวยเปิดโปงออกมาจนหมดสิ้น มันทำให้นางรู้สึกอับอายขายหน้าและหวาดกลัวเป็นที่สุด นางเพิ่งจะตระหนักได้ว่าทำไมเมื่อครู่นี้ฝ่าบาทถึงเดินตรงเข้ามาหานาง
เขาตั้งใจจะฆ่านางจริงๆ!
ถ้าพระชายาไม่ได้หยุดเขาเอาไว้ละก็ เห็นทีนางคงได้กระอักเลือดตายอย่างแน่นอน
สิ่งที่คนอื่นมองออก ฝ่าบาทเองก็ย่อมมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งเช่นกัน…