องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 459 ทำเอาพูดไม่ออก
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่แม้แต่จะมองซูเหยียนโม่เลยด้วยซ้ำ นางสะบัดเสื้อคลุมของตัวเองครั้งหนึ่ง แล้วก้าวขาออกไป ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ประมุขตัวนั้น
นางสูดหายใจเข้าลึกพลางมองลงไปที่บรรดาผู้นำที่อยู่ด้านล่าง
ตลอดเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมา นางไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะได้เข้าร่วมในการประชุมประจำตระกูล
แต่เจ็ดปีให้หลัง ในที่สุดนางก็ได้เก้าอี้ที่เดิมทีเคยเป็นของท่านตากลับคืนมา!
เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตาลงราวกับว่านี่เป็นเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้นางสามารถข่มอารมณ์มากมายที่กำลังเดือดพล่านอยู่ในเลือดของนางได้
ใจเย็นเข้าไว้
นี่ยังไม่ถึงไหนเลยด้วยซ้ำ
ความสนุกเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นเอง
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มเป็นสัญญาณเริ่มการประชุม
บรรดาผู้นำมองหน้ากันก่อนที่ผู้นำที่มีประสบการณ์มากกว่าคนอื่นๆ จะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำมากไปด้วยอายุว่า ”ในเมื่อการประชุมประจำตระกูลในครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ พวกเราจึงไม่ควรเสียเวลามากไปกว่านี้อีกแล้ว ประกาศการประชุมประจำตระกูลถูกประกาศออกไปตั้งแต่เมื่อครึ่งเดือนก่อน และอย่างที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าถึงแม้หลังการจากไปของนายท่านคนก่อน ตระกูลเฮ่อเหลียนจะยังคงรักษาความรุ่งเรืองของตนเอาไว้ได้ แต่ตระกูลของเราก็ไม่ได้มีฐานะที่สูงส่งเหมือนก่อนหน้านี้ สมาชิกในตระกูลไม่อาจรวมเป็นหนึ่งได้ภายใต้ตัวแทนประมุข ดังนั้นพวกเราจึงต้องทำการเลือกประมุขที่แท้จริงขึ้นมา เวลานี้มีผู้ลงสมัครจำนวนสิบคนในการประชุมครั้งนี้ และคืนนี้หนึ่งในนั้นจะได้เป็นประมุขของเรา ข้าคิดว่าทุกคนคงมีผู้ลงสมัครที่อยู่ในใจแล้ว เพื่อความยุติธรรม ขอให้ทุกคนเริ่มยกมือขึ้นเพื่อลงคะแนนเสียงด้วย”
ผู้นำคนนั้นบอกว่ามีผู้ลงสมัครจำนวนสิบคน
แต่บรรดาคนที่เข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันต่างก็รู้ว่าอันที่จริงนั้นนี่เป็นศึกสายเลือดระหว่างเฮ่อเหลียนกวงเย่าและเฮ่อเหลียนเวยเวย
ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา เฮ่อเหลียนกวงเย่าที่เป็นลูกเขยถือครองอำนาจทั้งหมดของตระกูลเฮ่อเหลียนเอาไว้ในมือ
ในอดีตนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยเคยเป็นคนไร้ประโยชน์มาตลอด และไม่เคยแม้แต่จะถูกพูดถึงเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เฮ่อเหลียนกวงเย่าจะได้สิทธิ์ที่นางมีมาแต่กำเนิดไป
แต่นายท่านคนก่อนเป็นคนสร้างตระกูลเฮ่อเหลียนมากับมือ
หากไม่ใช่เพราะผลงานทางการทหารในช่วงสงครามของนายท่านเฮ่อเหลียนคนก่อน ตระกูลเฮ่อเหลียนก็คงไม่ได้กลายเป็นตระกูลอันรุ่งเรืองอย่างในทุกวันนี้
แต่เฮ่อเหลียนกวงเย่าอยู่ในอำนาจมาหลายปีแล้ว เขาย่อมไม่คิดที่จะวางมือไปง่ายๆ
ตอนนี้เมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยต้องการเอาสิทธิ์ในตระกูลของนางกลับคืนมา ไม่ใช่แค่ความยินยอมในการส่งต่ออำนาจของเฮ่อเหลียนกวงเย่าเท่านั้นที่เป็นปัญหาสำหรับนาง แต่นางยังต้องรับมือกับบรรดาผู้นำที่คอยสนับสนุนเฮ่อเหลียนกวงเย่าอยู่เบื้องหลังด้วย
พวกเขาทรยศความตั้งใจของนายท่านคนก่อนเพื่อติดตามรับใช้เฮ่อเหลียนกวงเย่า อีกทั้งยังได้รับผลประโยชน์มากมายเป็นการตอบแทนมาหลายปี
ถ้าเฮ่อเหลียนเวยเวยสามารถชิงตำแหน่งของนางในตระกูลกลับมาได้ ไม่ใช่แค่เรื่องผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับเท่านั้นที่จะแดงขึ้นมา แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยก็จะรู้ความจริงเรื่องที่ว่าพวกเขาทรยศนายท่านคนก่อนด้วยเช่นกัน
พูดอีกอย่างก็คือ การต่อสู้เพื่อเอาสิ่งที่ควรเป็นของตนกลับคืนมาของเฮ่อเหลียนเวยเวยย่อมไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถทำได้โดยง่าย
มีหลายคนในจำนวนนั้นที่ไม่ได้ตั้งความหวังกับผลงานของเฮ่อเหลียนเวยเวยไว้สูงนัก พวกเขาทำเพียงแค่มองหน้ากันแล้วส่ายหน้าไปมา
เฮ่อเหลียนเวยเวยดื่มชาอย่างใจเย็นราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบกายนั้นไม่เกี่ยวข้องกับนางแต่อย่างใด
ผู้ลงสมัครจำนวนแปดคนแรกไม่ได้รับคะแนนเลยแม้แต่คะแนนเดียว
หลังจากเห็นว่าผู้นำเหล่านั้นทำตามแผนการของตัวเองเป็นอย่างดี ดวงตาของเฮ่อเหลียนกวงเย่าก็เป็นประกายวาววับจากตำแหน่งด้านข้างที่เขาถูกไล่ให้มานั่ง
เรื่องเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น
นางจำเป็นต้องเห็นให้ชัดกับตาตัวเองว่าใครกันแน่ที่จะได้เป็นผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฮ่อเหลียน!
“คนต่อไป เฮ่อเหลียนเวยเวย” เสียงพึมพำและเสียงกระซิบกระซาบดังไปทั่ว มันยิ่งทวีความดังขึ้นทันทีที่ผู้นำจางเอ่ยชื่อของเฮ่อเหลียนเวยเวยขึ้นมา
เฮ่อเหลียนเวยเวยยืนขึ้นอย่างมั่นใจ เสื้อคลุมตัวยาวของนางทิ้งตัวลง ขณะที่แขนเสื้อของนางสะบัดขึ้นลงอย่างสวยงาม ”อย่างที่ข้าเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ เจ็ดปีที่แล้ว ข้ายังเด็กและด้อยประสบการณ์ที่จะเข้าใจว่าข้าถูกหลอกใช้ ยิ่งกว่านั้นข้าก็ยังถูกวางยาพิษอีกด้วย ดังนั้นการกระทำของข้าที่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ แต่ตอนนี้ข้าหายดีแล้ว ข้าจะทำให้มั่นใจว่าทั้งแผ่นดินจะให้ความเคารพกับตระกูลเฮ่อเหลียน พวกเขาจะไม่กล้าล้ำเส้นพวกเราอีกอย่างแน่นอน!”
คำพูดของนางสร้างความตกตะลึงให้กับผู้ฟัง เพราะพวกเขารู้ว่าสิ่งนี้คือเจตนารมณ์อันยิ่งใหญ่ที่นายท่านคนเก่ามีตั้งแต่สมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่
นอกจากนายท่านคนก่อนแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าให้สัญญาเช่นนั้นอีก
เพราะว่านางเป็นหลานสาวของเขาหรือ
ขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆ เฮ่อเหลียนกวงเย่าก็เริ่มหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของเขาเย็นชาปราศจากความอบอุ่น เขาเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า ”เวยเวย เรื่องบางเรื่องย่อมต้องการมากกว่าคำสัญญา เจ้าไม่เคยจัดการเรื่องอันใดในตระกูลมาก่อน แล้วเจ้ารู้เรื่องของตระกูลมากเพียงใดหรือ ประมุขผู้ยิ่งใหญ่ย่อมไม่แก้ปัญหาด้วยอารมณ์และความหุนหันพลันแล่น” เฮ่อเหลียนกวงเย่าไม่เปิดโอกาสให้เฮ่อเหลียนเวยเวยได้พูดต่อ เขาหันหน้าไปทางผู้นำจางแล้วกล่าวว่า ”เอาล่ะ ลงคะแนนกันต่อเถอะ”
ผู้นำจางพยักหน้าพร้อมกับสบตากับเฮ่อเหลียนกวงเย่า แล้วยกมือขึ้นเป็นสัญญาณบอกให้บรรดาผู้นำคนอื่นๆ ดำเนินการลงคะแนนต่อ
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูเหยียนโม่ก็ยกชาขึ้นจิบด้วยความโล่งใจ และรู้สึกว่าการแก้แค้นของนางกำลังจะมาถึงอย่างรวดเร็ว นังเด็กชั้นต่ำนั้นอาจจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แต่ผู้นำเหล่านี้ล้วนแต่ถูกติดสินบนมาตั้งแต่ต้นแล้ว
นอกจากผู้นำจางที่เป็นคนสนิทของพวกเขา ก็ยังมีผู้นำอีกสองสามคนที่ได้รับผลประโยชน์จากพวกเขา และกำลังรอที่จะบีบให้เฮ่อเหลียนเวยเวยออกจากตำแหน่งมาตั้งแต่การประชุมประจำตระกูลเริ่มต้นขึ้น
แม้ว่าจะยังมีชายชราคนหนึ่งที่พวกเขาไม่สามารถจัดการได้
แต่อย่างไรเขาก็มีแค่คนเดียวเท่านั้น สัดส่วนก็ยังเป็นหนึ่งต่อเก้าอยู่ดี ชัดเจนอยู่แล้วว่าผู้ชนะจะเป็นใคร
ขณะที่ซูเหยียนโม่วางถ้วยชาลง นางก็เบนสายตาไปมองทางเฮ่อเหลียนเวยเวย รอที่จะได้เห็นว่าละครฉากนี้จะจบลงเช่นไร
“เช่นนั้น ขอให้ผู้นำทุกคนลงคะแนนเสียงได้” ทันทีที่ผู้นำจางพูดจบ ก็ไม่มีใครที่อยู่ที่นี่นอกจากผู้อาวุโสจงเท่านั้นที่ยกมือขึ้น เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาจึงคิดว่าการลงคะแนนเสียงในรอบนี้เป็นโมฆะ และเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มว่า ”ในเมื่อไม่มีใครลงคะแนน เช่นนั้นพวกเรา…”
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นเสียงของเขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงนั้น!
ผู้นำจางชะงักอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นว่าผู้นำคนอื่นๆ ต่างก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นทีละคน เขาเผลอส่งสายตามองไปทางเฮ่อเหลียนกวงเย่าโดยไม่รู้ตัว
เฮ่อเหลียนกวงเย่าตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นในทันทีราวกับเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ทีแรกใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ แต่จากนั้นมันก็เปลี่ยนไปเป็นความเดือดดาลอันยากจะปกปิดได้!
แม้กระทั่งซูเหยียนโม่ก็ยังแทบจะรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่!
มันเป็นไปได้อย่างไร
ทำไมพวกเขาถึงลงคะแนนให้เฮ่อเหลียนเวยเวยล่ะ
“เจ้า พวกเจ้า!…” เฮ่อเหลียนกวงเย่าพูดไม่จบเพราะความโกรธ เขากำลังพยายามอย่างมากเพื่อที่จะควบคุมโทสะของตัวเองเอาไว้
หนึ่งในผู้นำกล่าวอย่างเป็นมิตรว่า ”อย่าทำหน้าเช่นนั้นเลยพี่กวงเย่า ในเวลาเช่นนี้พวกเราก็แค่ทำตามคนที่จ่ายเงินให้เรามากกว่าก็เท่านั้น”
ใบหน้าของเฮ่อเหลียนกวงเย่าดำคล้ำทันทีที่ได้ยินดังนั้น แต่เขาก็รู้ว่าความโกรธรังแต่จะสร้างปัญหามาให้ เขาจึงหันหน้าไปทางเฮ่อเหลียนเวยเวย แล้วบอกว่า ”ดูเหมือนข้าจะประเมินวิธีการของเจ้าต่ำเกินไป”
“ท่านกวงเย่า ดูเหมือนท่านจะลืมไปเสียแล้วว่าท่านเป็นคนเริ่มใช้วิธีนี้ก่อน ข้าเพียงแค่เพิ่มเงินจากแผนการเดิมของท่านเพราะข้าคิดว่ามันเป็นแผนการที่ดีก็เท่านั้น” เฮ่อเหลียนเวยเวยนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้นราวกับไม่แยแส นางเอนศีรษะเข้าหามือที่เท้าคางอยู่พร้อมกับเลิกคิ้วใส่เฮ่อเหลียนกวงเย่าไปพร้อมกัน ”ข้าเหลือผู้นำจางเอาไว้เพราะเห็นว่าเขาเป็นคนสนิทของท่าน แต่คนอื่นๆ ต่างก็ลงคะแนนตามเจตนารมณ์ของตัวเองทั้งนั้น เก้าต่อหนึ่ง นี่คงเป็นแผนการที่ท่านวางเอาไว้ตั้งแต่แรกล่ะสิ แต่น่าเสียดายที่คนที่ได้เก้าคะแนนคือข้า ส่วนท่านมีแค่หนึ่งคะแนนเท่านั้น!”