องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 461 กองกำลังลับยอมรับผู้เป็นนาย
“ขอรับ” เสียงของชื่อเหยียนนั้นแผ่วเบา แต่ก็แฝงไปด้วยความซุกซน เขาเดินไปหาเฮ่อเหลียนเวยเวย จากนั้นจึงเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเขาลุ่มลึก น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ ”นายน้อย”
สองคำสุดท้ายที่ออกมาจากปากของเขาทำให้เฮ่อเหลียนกวงเย่าเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทันที เขากำจดหมายในมือแน่น พร้อมกับหันไปมองชื่อเหยียน!
เป็นไปไม่ได้!
มันไม่มีทางเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างแน่นอน!
ฝูงชนที่ยืนอยู่ไกลออกไปไม่ได้ยินบทสนทนานั้นอย่างชัดเจนเท่าใดนั้น พวกเขาไม่รู้เลยว่าบนนั้นเกิดอะไรขึ้น
แต่พวกเขารู้สึกสับสนยิ่งนัก คนที่เรียกกองกำลังลับมาคือเฮ่อเหลียนกวงเย่ามิใช่หรือ ทำไมแม่ทันคนนั้นถึงเดินไปยืนอยู่ข้างพระชายาล่ะ
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ข้าก็ไม่รู้ คงมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกระมัง”
เสียงกระซิบกระซาบกระจายไปทั่วบริเวณนั้นอีกครั้ง
เฮ่อเหลียนกวงเย่ารู้สึกเหมือนจะเป็นลม เขาไม่กล้าคิดถึงสิ่งที่เขาเพิ่งจะตระหนักได้เลย
ในตอนนั้นนั่นเองที่ต้าสงทนไม่ไหวอีกต่อไป เมื่อเขาเห็นเฮ่อเหลียนเวยเวยเรียกชื่อเหยียนเข้าไปหา เขาก็รีบคุกเข่าข้างหนึ่งลงอย่างไม่ลังเล จากนั้นสมาชิกที่เหลือของกองกำลังลับที่ยืนอยู่ในหมู่คนดูก็เคลื่อนไหวพร้อมกันจนเกิดเสียงดังตุ้บ ภาพอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจจนพูดไม่ออก
เฮ่อเหลียนเวยเวยยืนขึ้นพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย ”เฮ่อเหลียนกวงเย่า เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงคิดว่าตัวเองจะสามารถออกคำสั่งกับกองกำลังลับของข้าได้หรือ คิดจะใช้เพียงแค่จดหมายพวกนั้นน่ะหรือ ต้าสง บอกเขาสิว่าเจ้ามาทำอะไรที่นี่”
“แน่นอนว่าเพื่อรับใช้นายน้อยขอรับ!” เขาตะโกนตอบเสียงดังฟังชัด!
ทันทีที่เขาตะโกนคำตอบนั้นออกมา ฝูงชนเหล่านั้นก็เริ่มส่งเสียงดังเอะอะ
“เมื่อครู่นี้เขาเรียกพระชายาว่าอะไรนะ นาย… นายน้อยหรือ”
“ไม่มีทาง! กองกำลังหาเจ้านายของตัวเองเจอแล้วหรือ?!”
“เป็นไปไม่ได้ กองกำลังลับหายสาบสูญไปนานแล้ว พระชายาไม่มีทางหาพวกเขาเจอหรอกใช่ไหม”
“ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียหน่อย พวกเจ้าดูคนพวกนั้นสิ!”
ทุกคนหันไปมอง และเห็นชายสวมเสื้อคลุมสีดำสนิทจำนวนสิบแปดคนยืนอยู่ตรงนั้น รวมถึงทหารอีกสองนายที่ยืนอยู่ด้านหลังเฮ่อเหลียนเวยเวยเมื่อครู่ด้วย ท่าทางของพวกเขาล้วนแต่ดูแปลกตาเป็นอย่างมาก แต่กลิ่นอายแสนอันตรายที่พวกเขาเผยออกมาให้เห็นนั้นแทบจะทำให้ทุกคนหยุดหายใจ!
“พวกเขา… หาเจ้านายเจอแล้วจริงๆ น่ะหรือ”
บรรดาผู้นำต่างตกตะลึงจนตาค้าง พวกเขาพึมพำกับตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ ถ้วยชาที่เคยอยู่ในมือของพวกเขาถึงกับร่วงลงพื้น!
แต่ซูเหยียนโม่ไม่เชื่อเรื่องนี้ นางไม่เชื่อว่ากองกำลังลับจะหาเจ้านายของตัวเองเจอแล้วจริงๆ!
เมื่อสองวันก่อนพวกเขายังเขียนจดหมายพูดคุยกันอยู่เลย
พวกเขาจะยอมรับนังเด็กชั้นต่ำนั่นเป็นเจ้านายได้อย่างไร!
โกหก!
โกหกทั้งเพ!
“ท่านพี่ รีบบอกพวกเขาสิ! บอกพวกเขาว่าเจ้านายที่แท้จริงของกองกำลังลับคือใคร!” ซูเหยียนโม่ดึงแขนเสื้อของเฮ่อเหลียนกวงเย่า เสียงแหลมสูงของนางกรีดผ่านอากาศราวกับใบมีดอันแหลมคม!
ในใจของนางยังเต็มไปด้วยความคิดที่ว่าสุดท้ายเฮ่อเหลียนเวยเวยจะต้องทำให้ตัวเองขายหน้าอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่ค่อยๆ ซีดบนใบหน้าของเฮ่อเหลียนกวงเย่า
แต่ทันทีที่นางเห็นจดหมายในมือของเขา ในที่สุดซูเหยียนโม่ก็เข้าใจ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจและความสับสนระหว่างที่นางพึมพำออกมาด้วยริมฝีปากสั่นระริกว่า ”ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางเป็นคนตอบจดหมายของพวกเราหรือ นางได้กองกำลังลับมาไว้ในมือก่อนพวกเราหรือ เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร แต่จดหมายพวกนี้ ลายมือนี้! ท่านพี่ พูดอะไรสักอย่างสิ! มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่”
เฮ่อเหลียนกวงเย่าได้ยินเพียงเสียงดังหึ่งๆ ในหูของเขา ตัวของเขาแข็งทื่อไปทั้งร่าง เขารู้สึกเหมือนจะเป็นลม แล้วทันใดนั้นเขาก็แทบจะหายใจไม่ออกขณะที่แขนทั้งสองข้างสั่นอย่างแรงจนเสียการทรงตัว
“ท่านพี่!” ซูเหยียนโม่ร้องขึ้นด้วยความตกใจ นางรีบพยุงเขาด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ
เพราะการกระทำนั้นของนางจึงทำให้เฮ่อเหลียนกวงเย่ายังคงรักษาท่าทางภูมิฐานของตนเอาไว้ได้ เขายกมือขึ้นนวดขมับราวกับกำลังรอให้อาการวิงเวียนศีรษะนั้นผ่านพ้นไป
เมื่อเห็นเขาในสภาพนี้ ซูเหยียนโม่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางเงยหน้าขึ้นไปมองเฮ่อเหลียนเวยเวย แล้วใช้น้ำเสียงตำหนิพูดกับนางว่า ”เวยเวย ต่อให้เจ้าจะทำตัวไร้หัวคิดเพียงใด แต่เจ้าก็ควรรู้มิใช่หรือว่าเขาเป็นพ่อของเจ้า! ข้ารู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เจ้าเกลียดชังข้า และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าทำร้ายท่านพ่อของตัวเองได้ลงคอ ข้าไม่ถือหรอกว่าเจ้าจะปฏิบัติต่อข้าอย่างไร แต่ทำไมเจ้าถึงทำกับพ่อตัวเองได้เช่นนี้ คนเรานั้นต่อให้มีอำนาจมากมายแค่ไหนก็ไร้ค่าหากปราศจากความกตัญญู!”
สีหน้าของซูเหยียนโม่เปี่ยมไปด้วยความซื่อสัตย์ยุติธรรมราวกับนางพร้อมจะเผชิญหน้ากับทุกความยากลำบากที่จะตามมา เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นเพียงแค่คนชั้นต่ำที่สามารถทำร้ายได้แม้กระทั่งพ่อแท้ๆ ของตัวเอง ต่อให้นางจะมีอำนาจและฉลาดเพียงใด แต่นางก็ยังเป็นขยะของสังคมอยู่วันยังค่ำ!
แน่นอนว่าคำพูดของนางย่อมทำให้เกิดความไม่พอใจขึ้นอีกระลอก อย่างไรเสียพวกนางก็อยู่ในยุคโบราณ
ในยุคโบราณนั้น ความกตัญญูคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ซูเหยียนโม่พยายามก่อความวุ่นวายขึ้นเพื่อไม่ให้นางได้ตำแหน่งนี้ไปหรือ
ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเย็นเยียบ รอยยิ้มพาดผ่านบนใบหน้าอันงดงามของนาง ”กตัญญูหรือ นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเขามีค่าพอให้ข้าพยายามทำเช่นนั้นหรือเปล่า!” นางชี้หน้าเฮ่อเหลียนกวงเย่าอย่างดุร้าย ”เจ็ดปีที่แล้ว ตอนที่ท่านแม่ของข้าได้รับบาดเจ็บจนนอนซมอยู่บนเตียง เจ้าคนเฮงซวยนี่มันทำอะไรอยู่หรือ เขาไม่ได้เพียงแค่ไปหาผู้หญิงคนอื่นลับหลังท่านแม่ของข้า แต่ยังแอบแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นอีกด้วย ถ้าท่านคิดว่าท่านสั่งสอนข้าได้ เช่นนั้นข้าก็ขอถามท่านสักคำถามก็แล้วกัน ท่านแม่ของข้าเป็นคนฉลาดและมีความยุติธรรม นางทำอะไรผิดหรือ ถ้าเขาไม่อยากอยู่ในตระกูลเฮ่อเหลียน ที่เขาต้องทำก็แค่เก็บของออกไปซะ! แต่เพราะความโลภไม่รู้จักพอของเขา เขาถึงได้วางยาพิษท่านแม่ของข้าเพื่อให้ตัวเองได้ปกครองตระกูลเฮ่อเหลียน! เฮ่อเหลียนกวงเย่าติดค้างชีวิตกับทั้งท่านตาและท่านแม่ของข้าอยู่ ไอ้คนเฮงซวยนี่ไม่สมควรเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ ท่านตาของข้าคงไม่รู้ว่าการช่วยชีวิตของมันไว้จะกลับกลายเป็นการชุบเลี้ยงหัวขโมยไร้ศีลธรรมจรรยาเช่นนี้ได้!”
“เจ้า เจ้า เจ้า…” เฮ่อเหลียนกวงเย่าโมโหกับคำพูดของเฮ่อเหลียนเวยวยจนพูดไม่เป็นคำ
ทันทีที่รู้ถึงความลับอันยิ่งใหญ่ที่สะเทือนไปทั้งแผ่นดินนั้น บรรดาผู้นำทุกคนก็หันหน้าไปมองเฮ่อเหลียนกวงเย่าและซูเหยียนโม่ด้วยความตกใจ!
ซูเหยียนโม่ไม่กลัว ตอนที่พวกนางลงมือ ที่นั่นมีเพียงนางกับเฮ่อเหลียนกวงเย่าแค่สองคนเท่านั้น ใครจะพิสูจน์ได้ล่ะว่าพวกเขาเป็นคนที่ฆ่านาง
“เวยเวย เจ้าจะทำให้ชื่อเสียงของพ่อตัวเองแปดเปื้อนเพื่อหาข้ออ้างให้ตัวเองเช่นนี้ไม่ได้!” ซูเหยียนโม่มีแผนการของตัวเองเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะต้องผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้ แม้มันจะเป็นเพียงแค่ฉากหน้าก็ตาม
คนฉลาดอย่างเฮ่อเหลียนเวยเวยย่อมรู้ว่าซูเหยียนโม่กำลังพยายามที่จะปกปิดความผิด ดังนั้นนางจึงหัวเราะออกมาขณะที่ก้าวเข้าไปหาอีกฝ่าย นางมองไปด้านข้างแล้วกระซิบเบาๆ ข้างหูซูเหยียนโม่ว่า ”ฮูหยินซู ทำไมท่านถึงด่วนสรุปเช่นนี้ล่ะ ของขวัญชิ้นที่สองของข้ายังมาไม่ถึงเลย”
ทันทีที่นางพูดจบ ร่างบอบบางและงดงามก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก ก่อนจะตรงเข้าสวมกอดเฮ่อเหลียนกวงเย่าในทันใด นางเงยหน้าขึ้นอย่างน่าสงสาร ใบหน้าเล็กๆ ของนางเป็นประกายด้วยหยาดน้ำตา ”กวงเย่า ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า”
เฮ่อเหลียนกวงเย่าคาดไม่ถึงว่าหลานเหลียนจะมาที่นี่ เขาพยายามผลักนางออกไป อย่างไรตอนนี้พวกเขาก็อยู่ต่อหน้าคนอื่น และท่าทางสนิทสนมเช่นนี้ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมแต่อย่างใด แต่เมื่อเห็นความเป็นห่วงในดวงตาของนางแล้ว เขาก็รู้สึกซาบซึ้งใจจนเผลอยกมือขึ้นลูบแผ่นหลังของนางเบาๆ เขาถอนหายใจยาวออกมา ใบหน้าเล็กๆ ของนางสามารถทำให้เขาใจอ่อนได้อยู่เสมอ…
“นางเป็นใคร?!!” เสียงของซูเหยียนโม่ดังขึ้นข้างหูเขา มันแหลมสูงจนแทบจะเผยความชั่วร้ายทั้งหมดของนางออกมา ”กวงเย่า อธิบายมาเดี๋ยวนี้ นางเป็นใคร”
นางนึกไม่ถึงมาก่อนเลยว่าจะในเวลาเช่นนี้นางจะได้เห็นสามีของตัวเองกอดกับผู้หญิงคนอื่น!