องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 492 กดดันเวยเวยรึ
ผู้ว่าการเฉินอยากเดินออกไป แต่เขาก็กลัวว่านี่จะยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
ถ้าเขาอยู่เฉย มันคงเหมือนกับปล่อยให้เจ้าพวกหน้าโง่นั่นเดินเข้าสู่ความตาย!
ผู้ว่าการเฉินนวดขมับ แล้วเผลอหันไปมองหน้าองค์ชายโดยไม่ตั้งใจ
เพียงแค่สายตานั้นที่มองมาก็ทำเอาความรู้สึกเย็นยะเยือกผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจได้แล้ว
ตอนนั้นนั่นเอง เขาจึงรู้ว่าเขาไม่สามารถช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาอาวุโสของตัวเองได้อีกต่อไป เพราะมันอาจฉุดให้เขาซึ่งเป็นผู้ว่าการสามมณฑลตกต่ำไปด้วย
ณ ห้องโถงใหญ่ เฮ่อเหลียนเวยเวยคลายกำปั้นออก แล้วหัวเราะเยาะเย้ยใส่นายท่านเยี่ยน ”เยี่ยนต้าจ้าว ฝีมือในการพลิกจากถูกเป็นผิดนั้นช่างเหนือกว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้เสียอีก” ระหว่างพูด นางก็มองตรงไปข้างหน้าด้วยดวงตาร้อนแรง ”ในเมื่อทุกคนสงสัยนักว่าทำไมข้าถึงได้เป็นห่วงเป็นใยในเรื่องของแม่นางหลิวอินถึงเพียงนี้ ข้าจะบอกเหตุผลให้ฟังก็ได้ ตอนที่ข้ามาถึงเมืองฟู่ผิงเพื่อรับตำแหน่ง ข้าเห็นชายฉกรรจ์สองคนกำลังพยายามฉุดผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปในจวนเยี่ยน ผู้หญิงคนนั้นร้องสุดเสียง แต่ก็ไม่มีใครกล้าก้าวเท้าออกมาห้ามพวกเขา ข้าขอถามพวกเจ้าสักหน่อยก็แล้วกันว่าถ้าแม่นางหลิวอินมีใจให้กับนายท่านเยี่ยนจริง ทำไมนางถึงไม่เดินเข้าไปในจวนเยี่ยนอย่างมีความสุข แต่กลับถูกฉุดเข้าไปแบบนี้หรือ”
ฝูงชนตกอยู่ในความเงียบหลังจากได้ยินที่นางถาม
“น.. นางขโมยเงินไปจากจวนเยี่ยน! ดังนั้นข้าถึงได้ส่งคนไปจับตัวนาง” เยี่ยนต้าจ้าวแก้ตัวเป็นพัลวัน!
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน ”เยี่ยนต้าจ้าว ถ้าเจ้าแต่งงานกับอนุภรรยาที่รักเจ้าเหมือนกัน ทำไมอนุภรรยาคนนั้นถึงต้องขโมยเงินเจ้าด้วยหรือ เจ้าเองก็อ้างอยู่บ่อยๆ มิใช่หรือว่าเจ้าเป็นคนใจกว้าง”
“ข้า ข้า.. นางแต่งงานกับข้าก็เพราะเงินต่างหาก!” เยี่ยนต้าจ้าวเม้มปากเข้าหากันอย่างคนมีความผิด ”ผู้หญิงง่ายๆ อย่างนางอาจจะไปตกหลุมรักชายหน้าตาดีที่ไหนเข้า และคิดว่าเงินที่ข้าให้นางไปนั้นยังไม่พอก็ได้ นางก็เลยฉวยเงินไปเพิ่มเพื่อเอาไปใช้จ่ายร่วมกับเจ้าหมอนั่นอย่างไรเล่า!”
“เยี่ยนต้าจ้าว แก! ทำไมคนอย่างแกถึงไม่รีบตายไปเสียที!” หลิวอินตะโกนสุดเสียง
ทุกคนสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดทรมานของนาง ประชาชนต่างมองหน้ากัน และสายตาของพวกเขาที่มองเยี่ยนต้าจ้าวก็เริ่มแสดงความสงสัยและความโกรธออกมา!
เยี่ยนต้าจ้าวไม่สนใจสายตาพวกนั้นแม้แต่น้อย เขากลับรีบฉวยโอกาสนี้เข้าโจมตีหลิวอินแทน ”ใต้เท้า ได้โปรดช่วยควบคุมตัวหญิงสติวิปริตผู้นี้ทีขอรับ นางเกลียดข้ามาโดยตลอด ข้ากลัวจริงๆ ว่านางจะเข้ามาทำร้ายข้า ดูนางสิขอรับ นางทำหน้าเหมือนอยากฆ่าข้าให้ตายไม่มีผิด”
บรรดาขุนนางจากเมืองหลวงประจำมณฑลกระแอมในลำคอ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พวกเขาทำเพียงเตือนเลี่ยวจือฝู่ทางสายตาเป็นสัญญาณให้เขาบอกให้เยี่ยนต้าจ้าวควบคุมตัวเองเสียบ้าง
เลี่ยวจือฝู่เองก็รู้ว่าการทำให้สถานการณ์วุ่นวายขึ้นย่อมไม่ใช่เรื่องดี ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะห้ามเยี่ยนต้าจ้าว
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับกระตุกยิ้มขึ้น กระนั้นในดวงตาของนางกลับไร้ซึ่งรอยยิ้ม ”เยี่ยนต้าจ้าว เจ้าเป็นคนที่หน้าด้านไร้ยางอายที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาเลย เจ้าปรักปรำคนอื่นด้วยคำโป้ปดเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าใครกันที่มอบความกล้าให้เจ้าทำเช่นนั้นได้!”
“ข้ามิกล้าหรอกขอรับ” เยี่ยนต้าจ้าวมองเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างเย็นชา ”ใต้เท้าเว่ยลืมไปแล้วหรือขอรับ เมื่อครู่นี้มีคนพิสูจน์แล้วว่าข้าถูกใส่ร้าย ทำไมตอนนี้ท่านถึงกล่าวหาว่าข้าแต่งเรื่องขึ้นเพื่อใส่ร้ายคนอื่นล่ะขอรับ ข้าคิดว่าคนที่มีปัญหาในเวลานี้คือท่านใต้เท้าเว่ยมากกว่า”
ทันทีที่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด หลิวอินก็หันหน้าไปมองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นทันที ”เสี่ยวชุ่ย พวกเจ้าตั้งใจจะให้ใต้เท้าเว่ยเป็นแพะรับบาปแทนตัวเองจริงๆ หรือ ใครกันที่เป็นคนมาขอร้องกับใต้เท้าเว่ย แล้วขอให้ใต้เท้าเว่ยช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้พวกเรา พวกเจ้าลืมกันไปหมดแล้วหรือ”
เด็กสาวที่ชื่อเสี่ยวชุ่ยตัวสั่น ศีรษะของนางยิ่งก้มต่ำลง ราวกับไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
เฉินเหลียงอยากไปจากที่นี่ยิ่งนัก แต่ตอนที่เขามาถึงก่อนหน้านี้ ลูกพี่บอกให้เขาคอยสังเกตการณ์จากด้านข้างโดยอย่าสร้างปัญหา
แต่ตอนนี้เขาจะทำเพียงแค่ยืนอยู่ข้างๆ และมองดูเจ้าพวกขุนนางชั้นเลวพวกนั้นวางแผนเล่นงานให้ลูกพี่ของเขาต้องตกที่นั่งลำบากเช่นนี้น่ะหรือ
“พอได้แล้วใต้เท้าเว่ย เลิกพยายามคิดหาวิธีปกป้องแม่นางหลิวผู้นี้เสียเถิดขอรับ ถ้าพวกเขาคิดว่าเงินค่าสินสอดที่ข้าให้ไปมันน้อยเกินไป เช่นนั้นข้าก็จะให้พวกเขาเพิ่ม” ระหว่างที่พูดเช่นนั้น เยี่ยนต้าจ้าวเจ้าของพุงพลุ้ยๆ นั่นก็ก้มหน้าลงมองหลิวอินอย่างอวดดี น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามขณะกล่าวว่า ”บอกข้ามาสิว่าเจ้าอยากได้เงินเท่าไหร่”
หลิวอินกัดริมฝีปากของตัวเองจนเลือดซิบเพราะรู้สึกอับอายอย่างรุนแรง
รอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยนต้าจ้าวเหยียดกว้างขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่เขามองไปยังคนพวกนั้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
พวกเขาก็เป็นแค่คนจนๆ แต่กลับคิดที่จะต่อสู้กับเขา
พวกเขาสามารถพลิกคำให้การของตัวเองได้อย่างง่ายดายเพียงเพราะเศษเงินที่เขาจ่ายให้!
ยิ่งกว่านั้น เขาก็เคยหลับนอนกับบุตรสาวสองคนจากในสามคนของพวกเขาแล้วอีกด้วย!
“สักห้าสิบตำลึงพอหรือเปล่า” เยี่ยนต้าจ้าวเยาะเย้ยพร้อมกับยกมือขึ้นนับตั๋วเงินสองใบในมือ ก่อนจะโยนพวกมันใส่หน้าของหลิวอิน
เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตาเข้าหากันทันที เสีงยของนางเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ”เยี่ยนต้าจ้าว ข้าขอเตือนว่าถ้าเจ้าไม่หยุดเสียตั้งแต่ตอนนี้ ข้าจะทำให้มั่นใจว่าตระกูลทั้งตระกูลของเจ้าจะต้องถูกฝังไปพร้อมกับเจ้าแน่”
“ใต้เท้าเว่ย ท่านรู้สึกไม่ดีหรือขอรับ” เยี่ยนต้าจ้าวหัวเราะ ”อ๋อ จริงสิ ข้าเพิ่งนึกออกว่าใต้เท้าเว่ยเองก็ไม่ได้มาจากตระกูลที่มีฐานะดีเช่นกัน ข้าพนันเลยว่าท่านคงไม่เคยเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้เหมือนกันสินะขอรับ ท่านอยากให้ข้าเอาให้ดูมากกว่านี้หรือเปล่าล่ะ ใต้เท้าเว่ย”
“ไม่จำเป็น” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่เงียบมาตลอดการไต่สวนเอ่ยขึ้นเบาๆ เขาเคลื่อนสายตาไปมองคนนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นพวกนั้นอย่างเยือกเย็น แล้วจากนั้นจึงสบตากับเยี่ยนต้าจ้าว ”ใต้เท้าเว่ยไม่มีวันสนใจเงินจำนวนเล็กน้อยของเจ้าหรอก”
เยี่ยนต้าจ้าวสับสน ทำไมเขารู้สึกถึงความกดดันอันรุนแรงจากร่างของที่ปรึกษาส่วนตัวธรรมดาๆ ได้ล่ะ ความรู้สึกราวกับมีใครบางคนกำลังบีบคอเขาเอาไว้จนหายใจแทบไม่ออกนี้ทำให้หนังศีรษะของเขาชาวาบ แต่เขาก็จำเป็นต้องเดินหน้าทำตามแผนการที่ได้ตกลงเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงบอกกับเฮ่อเหลียนเวยเวยราวกับจะยืนกราน ”ท่านพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ใต้เท้าเว่ยจะสามารถพิสูจน์ได้อย่างไรขอรับว่าทุกสิ่งที่ท่านทำลงไปเพื่อหลิวอินนั้น ท่านไม่ได้ทำเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของตน การที่นายอำเภอจะลงมาจัดการกับคดีนี้ด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ หรือขอรับ”
“เยี่ยนต้าจ้าวพูดถูก” เลี่ยวจือฝู่คว้าโอกาสนั้นเอาไว้ แล้วกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า ”ใต้เท้าเว่ย ท่านควรปล่อยมือจากคดีนี้สักระยะเพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดความสงสัยว่าท่านจะตัดสินคดีนี้เข้าข้างคนรู้จัก ทำไมเราไม่มาตัดสินเรื่องนี้กันอีกทีหลังจากที่ใต้เท้าคนอื่นๆ ทำการพิจารณาดูล่ะว่าท่านยังสมควรอยู่ที่เมืองฟู่ผิงแห่งนี้หรือไม่”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเลี่ยวจือฝู่ด้วยสายตาคมกริบ ”ใต้เท้าเลี่ยว คนที่เป็นจำเลยในตอนนี้คือเยี่ยนต้าจ้าว ไม่ใช่ข้า อีกอย่าง หลิวอินกับข้าก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันใดกัน พวกเราเพิ่งรู้จักกันได้เพียงสองวันเท่านั้น พวกเราจะมีความรู้สึกส่วนตัวประเภทใดให้กันได้หรือ ท่านห้ามไม่ให้ข้าทำงานของตัวเองต่อโดยไม่มีแม้กระทั่งหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันสักชิ้นเลยด้วยซ้ำ ใต้เท้าเลี่ยว ท่านได้คำนึงถึงผลที่ตามมาหรือไม่ว่าจะเป็นอย่างไร”
ผลที่ตามมาหรือ เลี่ยวจือฝู่หัวเราะเย็นชา ”ใต้เท้าเว่ย ข้าคิดว่าคนที่ควรจะคำนึงถึงผลที่ตามมานั้นควรจะเป็นท่านต่างหาก การบอกให้ท่านหยุดการไต่สวนนี้เป็นสิ่งที่คนอื่นๆ เองก็ต้องการ ยิ่งกว่านั้น ก็มีคนพูดแล้วไม่ใช่หรือว่าคำให้การของพวกเขาก่อนหน้านี้นั้นเป็นเพียงแค่การใส่ร้ายป้ายสีเยี่ยนต้าจ้าวเท่านั้น อย่าเรื่องมากไปหน่อยเลย ใต้เท้าเว่ย ระวังเถอะว่าท่านจะไม่สามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้!”
“ใต้เท้า” น้ำเสียงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเย็นชามากเสียจนเขาแทบหายใจออกมาเป็นไอ สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เลี่ยวจือฝู่
สายตานั้นสุดแสนจะเย็นชา!
มันแช่แข็งเลี่ยวจือฝู่ได้ในทันที ร่างของที่ปรึกษาหลงดูคุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง แต่เขากลับนึกไม่ออกว่าตัวเองเคยเห็นร่างอันคุ้นตานี้ที่ไหนมาก่อน...