องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 508 เวยเวยถูกเรียกว่าคนบ้านนอก
กลางดึกคืนนั้น แสงจันทร์สลัวสาดส่องลงมาบนต้นไม้น้อยใหญ่ที่กำลังไหวลู่ลม
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ใช่คนที่จะออกรบโดยไม่รู้จักเตรียมตัวก่อน
ในเมื่อคนที่นางจะต่อกรด้วยคือเลี่ยวฉิงเทียน นางย่อมจำเป็นต้องเอาฐานะของคู่ต่อสู้มาพิจารณาร่วมด้วยในระหว่างการวางกลยุทธ์
เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นแม่ทัพ นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแวะไปที่ร้านเวยเจ๋อ
ในฐานะเจ้าของร้าน เฮ่อเหลียนเวยเวยย่อมรู้สึกดีใจยิ่งนักเมื่อเห็นว่าที่นี่มีร้านสาขาของตัวเองเปิดอยู่ ด้วยเหตุนี้นางจึงอมยิ้มไปตลอดทางจนกระทั่งถึงร้าน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชำเลืองมองนาง และเข้าใจถึงเหตุผลที่นางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่เช่นนี้ได้ในทันที นางคงตื่นเต้นเพราะคิดถึงเงินที่จะได้จากร้านนี้
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจของร้านเวยเจ๋อนั้นได้รับความนิยมอย่างมาก
มีผู้คนมากมายมาที่ร้านแห่งนี้เพื่อนำอาวุธของตนมาปรับแต่ง โดยปกติแล้วร้านขายอาวุธร้านอื่นจะบอกให้ลูกค้ากลับไปก่อน และจะแจ้งพวกเขาอีกครั้งเมื่อกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว
แต่ที่เวยเจ๋อกลับต่างออกไป การบริหารของพวกเขานั้นต้องนับว่าดียิ่งนัก พวกเขาจัดตั้งหอน้ำชาไว้ภายในร้าน ขายทั้งของว่างและขนมทานเล่น ลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะเข้ามานั่งเล่นในหอน้ำชาแห่งนี้ได้ระหว่างรออาวุธของตน
เมล็ดแตงโมไม่คิดเงินก็จริง แต่เวยเจ๋อจะเก็บค่าน้ำชาและขนมทานเล่นกับพวกเขา
เฮ่อเหลียนเวยเวยเพิ่งทานข้าวมา ดังนั้นนางจึงไม่คิดจะกินอะไรอีก นางเพียงบอกให้คนในร้านนำน้ำเปล่ามาให้นางเท่านั้น
ตอนนั้นเองที่หญิงสาวนางหนึ่งกับข้ารับใช้ในชุดเสื้อผ้าราคาแพงเดินผ่านโต๊ะที่เฮ่อเหลียนเวยเวยนั่งอยู่ไปพอดี พวกนางขมวดคิ้ว แล้วเหลือบมองเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างดูถูกเมื่อได้ยินว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยสั่งเพียงน้ำเปล่าเท่านั้น
เด็กสาวที่น่าจะเป็นสาวใช้เอ่ยด้วยเสียงติดจะอู้อี้ว่า ”คุณหนูเจ้าคะ เราไปนั่งที่อื่นกันดีกว่า ประเดี๋ยวจะติดเชื้อคนจนเอาได้”
คุณหนูคนนั้นมองเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างอวดดี ก่อนจะรีบเดินผ่านเฮ่อเหลียนเวยเวยไป จากนั้นนางจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า ”ข้าไม่อยากเห็นคนบ้านนอกอยู่ที่นี่”
“คุณหนูไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ทันทีที่คุณชายหวังมาถึง เขาจะต้องไล่คนพวกนี้ออกไปแน่หลังจากรู้ว่าพวกเขาทำให้คุณหนูไม่พอใจ” สาวใช้คนนั้นบอกขณะถือถ้วยชาไว้ในมือ ”ทำตัวเองขายหน้าแท้ๆ มาถึงร้านเวยเจ๋อแต่กลับสั่งแค่น้ำเปล่า ดูเหมือนว่าชายคนที่แต่งตัวพอดูได้นั่นคงโกหกเรื่องฐานะของตัวเองอยู่กระมัง ข้าว่าพวกเขาคงไม่มีปัญญาซื้ออาวุธจากร้านเวยเจ๋อด้วยซ้ำ พวกเขาคงมาที่นี่เพื่อหาความสุขใส่ตัวเท่านั้น”
คุณหนูคนนั้นเยาะขึ้นอย่างดูถูกว่า ”ช่างเห็นแก่ตัวจริงๆ”
“จริงเจ้าค่ะ” สาวใช้ว่าพร้อมกับมองไปที่เฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างล้อเลียน
เฮ่อเหลียนเวยเวยเห็นว่าเรื่องนี้ไร้สาระยิ่งนัก ดังนั้นนางจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย และทำเพียงเล่นกับถ้วยชาในมือเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าพวกนางเพียงแค่อยากอวดว่าตัวเองร่ำรวยเพียงใด เมื่อพนักงานเดินมาถึง คุณหนูกับสาวใช้ของนางก็สั่งขนมมาเสียมากมาย
“นี่ เอาขนมสองชิ้นไปให้คนพวกนั้นแล้วบอกให้เขาไปนั่งที่อื่นทีสิ พวกเขาไม่ควรทำให้ร้านเวยเจ๋อเสียบรรยากาศนะ” คุณหนูคนนั้นเอ่ยขึ้นอย่างไม่คิดที่จะให้เกียรติเลยแม้แต่น้อย
สาวใช้รับขนมมาจากนาง แล้วเดินเข้าไปที่โต๊ะของเฮ่อเหลียนเวยเวย นางจงใจเชิดหน้าขึ้น พร้อมกับกดสายตาลงมองเฮ่อเหลียนเวยเวย ”คุณหนูของข้าเลี้ยงขนมเจ้า แล้วบอกให้เจ้าออกไปจากที่นี่ทันทีหลังจากกินอิ่มแล้ว”
เฮ่อเหลียนปรายตามองสาวใช้คนนั้นก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย จากนั้นนางจึงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า ”เจ้ามีสิทธิ์ไล่ข้าออกจากร้านนี้หรือ พนักงานของร้านเวยเจ๋อยังไม่เห็นพูดอะไรสักคำ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน”
“เจ้า” สาวใช้คนนั้นนึกไม่ถึงว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะไร้สามัญสำนึกและหัวแข็งถึงเพียงนี้ ”เจ้ารู้หรือเปล่าว่าคุณหนูของข้าเป็นใคร เจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ดูเหมือนเจ้าคงอยากมีเรื่องสินะ ได้! ก็ดีเหมือนกัน! ถ้าเจ้าอยากมีเรื่องพวกข้าก็จะจัดให้! อย่ามาขอร้องให้ข้าช่วยล่ะตอนที่พวกเขาจับเจ้าโยนออกไป!”
แม้จะถูกท้าทาย แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ดูไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด นางตอบอย่างไร้อารมณ์ว่า ”ไปซะ”
ใบหน้าของสาวใช้คนนั้นซีดจนเป็นสีขาวด้วยความโกรธ ก่อนที่นางจะกลับไปหาเจ้านายของตัวเองอย่างไม่พอใจ
“คุณหนู…”
เด็กสาวในชุดอันงดงามคนนั้นขยำผ้าเช็ดหน้าในมือจนยับยู่ยี่ พร้อมกับบ่นขึ้นว่า ”เจ้าคนบ้านนอกพวกนี้ช่างไร้มารยาทยิ่งนัก ไปพาคุณชายหวังมาแล้วบอกให้เขาจัดการเรื่องนี้ซะ”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบก่อนจะตรงไปทางหลังร้านของร้านเวยเจ๋อ ตอนที่นางเดินออกจากหอน้ำชา นางก็หันมาจ้องหน้าเฮ่อเหลียนเวยเวยกับคนที่มาด้วยอย่างชั่วร้ายราวกับเป็นการเตือน
เฮ่อเหลียนเวยเวยเอนตัวพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน พร้อมกับลูบนิ้วไปตามถ้วยชาอย่างช้าๆ
คุณชายหวังหรือ
นางกำลังพูดถึงเด็กที่ชื่อหวังเถิงอวิ๋นอยู่หรือ
นางสงสัยว่าหวังเถิงอวิ๋นไปเป็นเพื่อนกับคุณหนูและสาวใช้คนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
หึ…
ที่ด้านหลังร้านของร้านเวยเจ๋อ หวังเถิงอวิ๋นกำลังตรวจสอบอะไหล่ของอาวุธที่เพิ่งส่งมาถึงอยู่ แต่แล้วก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาขัดจังหวะเขาพร้อมกับส่งจดหมายให้ฉบับหนึ่ง
จดหมายฉบับนั้นได้รับการปิดผนึกเป็นอย่างดี หวังเถิงอวิ๋นไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเนื้อหาข้างในเป็นอย่างไร เขาคลี่จดหมายฉบับนั้นออก แล้วก็ถึงกับตกใจกับแสงสีทองที่วาบผ่านเข้ามาในดวงตา
จากนั้นเขาก็คว้าตัวพนักงานคนนั้นเข้ามาแล้วถามว่า ”คนที่ฝากจดหมายฉบับนี้มาอยู่ที่ไหนหรือ” โอ้ สวรรค์ นายน้อยมาที่เมืองหลวงประจำมณฑลหรือ ทำไมข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลยล่ะ
“ข้าว่า… เขาน่าจะกำลังดื่มชาอยู่ที่ห้องโถงขอรับ…” พนักงานคนนั้นไม่เคยเห็นคุณชายหวังผู้มักจะสุภาพอ่อนโยนตกอยู่ในอาการประหม่าและดูตื่นเต้นถึงเพียงนี้มาก่อน ยังไม่ทันที่พนักงานคนนั้นจะพูดจบ หวังเถิงอวิ๋นก็รีบวิ่งออกไปที่ห้องโถงทันที
กว่าพนักงานคนนั้นจะตั้งสติได้ หวังเถิงอวิ๋นก็หายไปเสียแล้ว
หวังเถิงอวิ๋นรีบมองหาคนที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงทันทีที่เขามาถึงหอน้ำชา
“คุณชายหวัง คุณหนูอยู่ทางนี้เจ้าค่ะ” สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาหาหวังเถิงอวิ๋นเพื่อนำทางเขาไปที่โต๊ะ
หวังเถิงอวิ๋นเข้าใจผิดว่าสาวใช้คนนี้เป็นสาวใช้คนใหม่ที่นายน้อยเพิ่งจ้างมา แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจที่ได้พบกับเลี่ยวเหวินเหวิน บุตรสาวคนโตของตระกูลเลี่ยวแทน
หวังเถิงอวิ๋นหรี่ตา แต่สีหน้าของเขายังไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลง
เลี่ยวเหวินเหวินยิ้มอย่างงดงามให้กับเขา นางดูแตกต่างจากผู้หญิงน่ารังเกียจที่เพิ่งกล่าววาจาว่าร้ายเฮ่อเหลียนเวยเวยไปเมื่อครู่ราวกับเป็นคนละคน นางเลื่อนจานใส่ขนมทานเล่นออกไปข้างหน้า แล้วเอ่ยเบาๆ ว่า ”คุณชายหวัง ทานขนมก่อนสิเจ้าคะ อย่าหักโหมเกินไปนักเลย”
หวังเถิงอวิ๋นไม่มีความตั้งใจที่จะสนิทสนมกับตระกูลเลี่ยว แต่เขาจำเป็นต้องทำตัวเป็นมิตรกับพวกนางเพราะเขาอยู่ในเมืองหลวงประจำมณฑล
ตั้งแต่วันที่เขากับนางบังเอิญเจอกัน เลี่ยวเหวินเหวินก็มาที่ร้านเวยเจ๋อทุกวันเพียงเพื่อมาหาเขา
หวังเถิงอวิ๋นขมวดคิ้วหนาเข้าหากัน แล้วปฏิเสธอย่างสุภาพว่า ”ข้าคงต้องขอโทษคุณหนูเลี่ยวด้วย แต่ตอนนี้ข้ามีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าต้องทำอยู่” จากนั้นเขาก็ตั้งใจจะเดินออกไป นี่เจ้าล้อข้าเล่นอยู่หรือไร ข้ายังหานายน้อยไม่เจอเลยด้วยซ้ำ แล้วข้าจะมัวมาเสียเวลาอยู่กับเจ้าได้อย่างไร
“คุณชายหวัง!” เลี่ยวเหวินเหวินเอ่ยขึ้นอย่างมีมารยาท
ความจริงแล้วนางเองก็มีใบหน้าที่น่ารักทีเดียว
ใบหน้ารูปไข่ของนางประดับด้วยดวงตากลมโตคู่งาม นอกจากนั้นนางยังมักจะแต่งตัวอย่างงดงามชวนมองอยู่เสมอ ภาพลักษณ์อันงดงามของนางเป็นผลจากความพยายามอย่างหนักของเลี่ยวฉิงเทียน เขาใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะเลี้ยงบุตรสาวสุดที่รักคนนี้ขึ้นมา แผนการของเขาคือการสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ โดยใช้ความช่วยเหลือจากใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูของบุตรสาวคนนี้
มีคุณชายจากตระกูลขุนนางมากมายในเมืองหลวงประจำมณฑลที่สนใจอยากทำความรู้จักกับนาง
แต่ในความเห็นของเลี่ยวเหวินเหวินนั้น นางไม่สนใจจะเป็นเพื่อนกับผู้ชายที่เกิดและโตมาในชนบทเช่นนี้ แต่หวังเถิงอวิ๋นนั้นแตกต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิง เขาได้รับการเลี้ยงดูโดยตระกูลที่มีชื่อเสียงตระกูลหนึ่ง ยิ่งกว่านั้น เขาก็ยังมาจากเมืองหลวง มิหนำซ้ำยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลร้านค้าแห่งนี้อีกด้วย
ร้านเวยเจ๋อไม่เหมือนร้านขายอาวุธร้านอื่น มีแต่คนชั้นสูงในจักรวรรดิจ้านหลงเท่านั้นที่จะสามารถดูแลร้านแห่งนี้ได้
ด้วยเหตุนี้เลี่ยวเหวินเหวินจึงรู้สึกชอบหวังเถิงอวิ๋นทันทีที่นางได้พบเขา
นางคิดว่าหวังเถิงอวิ๋นย่อมไม่สามารถปฏิเสธเด็กสาวหน้าตาน่ารักอย่างนางได้
เมื่อคิดได้ดังนั้น มือนุ่มๆ ของนางก็คว้าเข้าที่แขนข้างซ้ายของหวังเถิงอวิ๋น นางเอ่ยด้วยเสียงราวกับลูกแมวว่า ”ข้ามาที่นี่ด้วยตัวเองก็เพราะท่าน ท่านน่าจะใช้เวลาอยู่กับข้ามากกว่านี้นะเจ้าคะ”
หวังเถิงอวิ๋นคำรามขึ้นในใจว่า เขาไม่เคยเห็นสตรีคนใดที่ก้าวร้าวเช่นนี้มาก่อนเลย…