องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 509 คิดจะไล่เวยเวยออกจากร้านหรือ
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ขยับ สาวใช้ก็คิดอย่างดีใจว่านี่ย่อมเป็นข่าวดีสำหรับคุณหนูของนาง นางจึงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า ”คุณชายหวัง คุณหนูของพวกข้าสั่งของว่างมามากถึงขนาดนี้เพราะนางกลัวว่าท่านจะมัวแต่ทำงานจนปล่อยให้ท้องหิวเจ้าค่ะ แต่ใครเลยจะรู้ว่าในร้านเวยเจ๋อจะมีคนบ้านนอกคอกนากล้าแสดงละครว่าตัวเองเป็นขุนนางสูงศักดิ์ทั้งที่ไม่มีเงินสักแดงจริงๆ…”
ทันทีที่พูดจบ นางก็เชิดคางขึ้นพร้อมกับมองกลับไปที่พวกของเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างดูถูก
ในเวลานั้นหวังเถิงอวิ๋นกำลังมองออกทิวทัศน์ข้างนอกอยู่โดยคิดว่านายน้อยของเขาอาจจะยืนหลบอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าจะมองหาอย่างไรเขาก็ยังหาอีกฝ่ายไม่เจอ
เขาขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วยทันทีที่ได้ยินคำพูดของสาวใช้คนนั้น ”เจ้า…”
หวังเถิงอวิ๋นเอ่ยด้วยความไม่พอใจพลางหันหน้ามองตามสายตาของสาวใช้คนนั้นไป ในตอนที่เขากำลังจะบอกให้คนพวกนั้นหยุดพูด และเลิกทำเหมือนตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่นเสียที ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกตะลึง!
นั่น นั่นมัน นั่นมัน… นายน้อยกับองค์ชายสาม!
นายน้อยของเขาทำเพียงแย้มรอยยิ้มออกมาและมองมาทางพวกเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย…
ไม่รู้ว่าทำไม แต่หวังเถิงอวิ๋นรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะดวงตก เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
สาวใช้คนนั้นพูดต่อ ”คุณชายหวังดูเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมสิเจ้าคะ จริงๆ เลย ชิ…”
สีหน้าของหวังเถิงอวิ๋นเปลี่ยนไปด้วยความไม่พอใจทันที
เลี่ยวเหวินเหวินไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ มิหนำซ้ำยังคิดไปไกลถึงขั้นว่าเขาเองก็คงไม่ชอบใจกับการปล่อยให้คนชั้นต่ำพวกนี้เข้ามาทำลายบรรยากาศของร้านเวยเจ๋อเช่นกัน ดังนั้นนางจึงดึงแขนเสื้อของเขา แล้วเอ่ยเบาๆ ว่า ”คุณชายหวัง…”
หวังเถิงอวิ๋นทนไม่ไหวอีกต่อไป หลังจากแกะมือของนางออกได้ เขาก็เดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะของเฮ่อเหลียนเวยเวยและทำท่าเหมือนจะกล่าวทักทายนางด้วยคำว่า ’นายน้อย’ จริงๆ
เฮ่อเหลียนเวยเวยเคลื่อนสายตาขึ้นมองเขาเป็นเชิงเตือน
หวังเถิงอวิ๋นเป็นคนฉลาด เขาเข้าใจได้ทันทีว่านายน้อยของตัวเองต้องการบอกอะไร ดังนั้นเขาจึงหยุดคิดไปเล็กน้อย และตัดสินใจที่จะไม่กล่าวทักทายเฮ่อเหลียนเวยเวย
จากนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยจึงเป็นฝ่ายที่ลุกขึ้นยืนก่อน พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่าฟังว่า ”แซ่ของข้าคือเว่ย”
“แค่กๆ คุณชายเว่ย” หวังเถิงอวิ๋นยังคงรักษาสีหน้าอันราบเรียบของตัวเองเอาไว้ได้ แต่เขากลับคิดขึ้นมาในใจว่า นายน้อยเปลี่ยนแซ่ตัวเองเป็นเว่ยตั้งแต่เมื่อไหร่ โลกเปลี่ยนเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ เขารับไม่ได้!
สาวใช้คนนั้นเยาะเย้ยว่า ”เจ้าคิดจะประจบคุณชายหวังของพวกข้าหรือ”
ใครเป็นของพวกเจ้ากัน?! ข้าแซ่หวัง ส่วนพวกเจ้าแซ่เลี่ยวต่างหาก! เลิกทำให้ข้าดูแย่ในสายตาของนายน้อยได้แล้ว! หวังเถิงอวิ๋นรู้สึกเหมือนถูกทำร้ายจิตใจยิ่งนัก
นายน้อย ท่านต้องแยกแยะถูกผิดให้ออกนะขอรับ ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!
เฮ่อเหลียนเวยเวยทำเป็นเพิกเฉยต่อสายตาร้องขอความเป็นธรรมของที่ปรึกษาทางการทหารหมายเลขสองของตน พร้อมกับยืนอยู่ข้างๆ ชมละครตรงหน้าอย่างไม่คิดจะเห็นใจเลยแม้แต่น้อย
เลี่ยวเหวินเหวินเองก็เดินเข้ามาทางพวกเขา แล้วชำเลืองมองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยความรังเกียจตอนที่ได้ยินคำพูดของสาวใช้ จากนั้นนางก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า ”คุณชายหวัง บางครั้งพวกเราก็ไม่ควรเข้าใกล้คนพวกนี้เกินไปนะเจ้าคะ เมื่อครู่นี้ข้าเพียงต้องการแบ่งของว่างให้พวกเขาเพราะสงสาร แต่ไม่เพียงแค่พวกเขาจะไม่รู้จักบุญคุณ แต่พวกเขายังไม่รู้จักซาบซึ้งกับน้ำใจของข้าด้วยเจ้าค่ะ คนบ้านนอกที่จงเกลียดจงชังคนรวยเช่นนี้ย่อมไม่มีค่าพอให้พวกเราผูกมิตรด้วยหรอก”
หวังเถิงอวิ๋น : …
คนบ้านนอกหรือ
ใครนะ
เจ้าหมายถึงนายน้อยกับองค์ชายสามหรือ
ถามจริงๆ เถอะ ดวงตาเจ้ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า
เวลานี้นายน้อยตัวดำ และยังสวมเสื้อผ้าธรรมดา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เจ้าจะเข้าใจผิดว่านางเป็นคนจน
แต่เจ้าไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งความสูงศักดิ์ขององค์ชายสามบ้างเลยหรือ
เจ้าคิดว่าเสน่ห์เช่นนี้จะหาจากใครที่ไหนก็ได้อย่างนั้นหรือ
โง่เขลาเสียไม่มี!
คำพูดของหวังเถิงอวิ๋นติดอยู่ในลำคอ และสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะกลืนมันกลับลงคอไป แต่สีหน้าของเขากลับดูเย็นชาขึ้นกว่าเดิม!
ในขณะเดียวกันเสี่ยวเอ้อร์ที่อยู่ข้างๆ รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ผู้ดูแลหวังดูเหมือนจะให้ความเคารพกับลูกค้าโต๊ะนั้นเป็นอย่างยิ่ง เขาดูไม่เหมือนตัวเองในเวลาปกติเลย
แต่เมื่อลองคิดดูให้ดีแล้ว บรรยากาศก็เปลี่ยนไปตั้งแต่ลูกค้าสองคนนั้นบอกให้พวกเขานำจดหมายฉบับหนึ่งไปมอบให้กับผู้ดูแลหวัง
สองคนนั้นเป็นใครกันแน่
เสี่ยวเอ้อร์มองหน้ากันด้วยความสงสัยในฐานะที่แท้จริงของพวกเฮ่อเหลียนเวยเวย
“คุณชายหวัง…” เลี่ยวเหวินเหวินรู้สึกกระอักกระอ่วนเมื่อเห็นว่าหวังเถิงอวิ๋นไม่สนใจนางเลยแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นนางจึงเรียกเขาขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล
สาวใช้คนนั้นถือโอกาสรีบช่วยทันที ”คุณชายหวัง สองคนนี้ทำตัวเสียมารยาทกับคุณหนูของพวกเราเป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะ มิหนำซ้ำยังกล้าดูถูกนางอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นการปล่อยให้ใครสักคนก่อความวุ่นวายขึ้นในร้านเวยเจ๋อเองก็ถือเป็นข้อห้ามสำคัญด้วยมิใช่หรือเจ้าคะ คุณหนูของข้าไม่ใช่คนโหดร้าย ดังนั้นหากพวกเขายอมขอโทษ พวกเราก็จะยอมปล่อยเรื่องนี้ไปเจ้าค่ะ แต่ถ้าหากพวกเขาปฏิเสธ คุณชายหวังก็ควรไล่พวกเขาออกไปจากที่นี่นะเจ้าคะ ข้าเหม็นกลิ่นคนจนเต็มทีแล้ว”
“ไล่พวกข้าออกไปหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับเอนตัวพิงพนักเก้าอี้และยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง ท่าทางเกียจคร้านของนางดูชั่วร้ายและซุกซนยิ่งนัก
คิดจะไล่นางที่เป็นเจ้าของร้านเวยเจ๋อออกจากร้านอย่างนั้นรึ
นางต้องยอมรับเลยว่าคุณหนูกับสาวใช้คู่นี้สมควรได้รับบทเรียนจริงๆ
หวังเถิงอวิ๋นก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน!
ในเวลานี้เขาอยากยืนให้ห่างจากเลี่ยวเหวินเหวินสักสิบฉื่อเพื่อแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ของตัวเอง!
แต่เลี่ยวเหวินเหวินที่ไม่รู้เรื่องนั้นกลับทำเพียงมองหวังเถิงอวิ๋น ”คุณชายหวัง ท่านไม่ต้องทำถึงขั้นนั้นหรอกเจ้าค่ะ ตราบใดที่เรื่องนี้ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง ข้าก็ไม่ถือสาหรอกเจ้าค่ะ ใช่ว่าข้าจะถือโทษโกรธแค้นในความผิดที่พวกเขาได้กระทำเสียเมื่อไหร่กัน…”
“คุณหนูเลี่ยวช่างเป็นคนใจกว้างนัก” เฮ่อเหลียนเวยเวยยกนิ้วขึ้นแตะปลายคางของตัวเอง และยิ้มออกมา ”สมกับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพเลี่ยว แต่ข้าสงสัยนักว่ามีคนเคยบอกเจ้าหรือเปล่าว่าที่นี่คือร้านเวยเจ๋อ ไม่ใช่จวนเลี่ยว ดังนั้นข้าแนะนำให้เจ้าเลิกแสดงตัวเหมือนเป็นเจ้าของร้านเวยเจ๋อเสีย ข้ามองแล้วรู้สึกอึดอัดยิ่งนัก ถ้าเจ้าหน้าใหญ่นัก เช่นนั้นก็กลับบ้านไปส่องกระจกดูเงาตัวเองซะ อย่าได้คิดว่าเจ้าจะทำเหมือนทุกที่เป็นบ้านของเจ้าด้”
“เจ้า!” เลี่ยวเหวินเหวินกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น ไม่ว่านางจะไปอยู่ที่ไหน นางก็มักจะได้รับคำสรรเสริญเยินยออยู่เสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าพูดกับนางเช่นนี้ ชาวบ้านคนนี้รนหาที่ตายเสียแล้ว ”คุณชายหวัง ทีนี้ท่านก็คงได้เห็นเองกับตาแล้วสินะเจ้าคะ คนผู้นี้ไม่คิดที่จะสำนึกผิดเลยด้วยซ้ำ ข้า… ต่อให้ข้าจะดูรังแกได้ง่าย แต่เขาก็ไม่ควรทำเช่นนั้นกับข้านะเจ้าคะ!”
ทันทีที่นางพูดจบ เลี่ยวเหวินเหวินก็จงใจยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดบังดวงตาของตัวเองไว้คล้ายกับกำลังจะร้องไห้ออกมา
“เรียกคนเข้ามา!” ในที่สุดหวังเถิงอวิ๋นก็เอ่ยปากขึ้น น้ำเสียงของเขาเย็นชา
เลี่ยวเหวินเหวินมองไปทางเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยความยินดี สิ่งที่นางคิดถูกเขียนเอาไว้บนใบหน้านั้นอย่างชัดเจน ทีนี้ก็รู้แล้วล่ะสิ ถ้าเจ้าเสียมารยาทต่อคุณหนูอย่างข้า ต่อให้จะเป็นในร้านเวยเจ๋อ หรือแม้แต่ในเมืองหลวงประจำมณฑล คนที่จะต้องมีปัญหาก็คือเจ้าเอง!
แต่แล้วนางก็ต้องประหลาดใจเมื่อนางได้ยินคำสั่งต่อมาของหวังเถิงอวิ๋น ”พาพวกคุณหนูเลี่ยวออกไปจากที่นี่ และแจ้งให้ผู้ดูแลทุกคนของร้านเวยเจ๋อรู้ด้วยว่าต่อแต่นี้ไปร้านเวยเจ๋อไม่ต้อนรับคุณหนูเลี่ยวอีก”
“ท่าน… ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ” ดวงตาของเลี่ยวเหวินเหวินเบิกกว้างในทันใด นางคิดว่าหูตัวเองอาจจะมีปัญหา นางถึงขั้นลืมแสร้งทำเป็นร้องไห้ต่อเลยด้วยซ้ำ สีหน้าของนางเหมือนกับคนที่เพิ่งถูกต่อยหน้าไม่มีผิด มันช่างเป็นภาพที่น่ามองเสียจริง!
ลูกค้าทุกคนล้วนแต่หันมองมาทางนี้ทั้งสิ้น เพราะอย่างไรร้านเวยเจ๋อก็ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านที่ยึดมั่นในคำขวัญของตัวเองว่าจะสร้างผลกำไรด้วยสันติวิธี
พวกเขาไม่เคยปฏิเสธลูกค้าคนใดง่ายๆ แต่ตอนนี้การกระทำของพวกเขากลับดูเข้มงวดเป็นอย่างมาก
คุณหนูเลี่ยวทำให้ผู้ดูแลหวังไม่พอใจเรื่องอะไรกันแน่…