องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 521 ฝ่ามือพิฆาตมาแล้ว! เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ!
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้เป็นอย่างดีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ นางกระตุกริมฝีปากบางขึ้น ก่อนจะเอ่ยว่า ”ก่อนเริ่มการไต่สวน ข้ามีคำถามอยากถามแม่ทัพเลี่ยวสักสองสามข้อ”
“อะไรรึ” เลี่ยวฉิงเทียนตอบอย่างไม่ยี่หระ ต่อให้เจ้าถามอะไรข้าในเวลานี้ ข้าก็ยังมีสารพัดวิธีที่จะลงโทษเจ้าได้!
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขา พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดันทรงอำนาจว่า ”คำถามข้อแรก ใครเป็นคนมอบอำนาจให้แม่ทัพเลี่ยวปล่อยเลี่ยวจือฝู่และผู้กระทำความผิดร้ายแรงในชั้นศาลออกมาหรือ”
“ผู้กระทำความผิดร้ายแรงในชั้นศาลหรือ” เลี่ยวฉิงเทียนหัวเราะ ”ข้าได้ตรวจสอบคดีที่ใต้เท้าเว่ยรับผิดชอบดูแล้ว และเห็นว่าหลักฐานที่ท่านใช้อ้างอิงนั้นล้วนแต่ถูกปลอมขึ้นด้วยฝีมือของที่ปรึกษาส่วนตัวของท่าน หลังจากได้รับคำยืนยันจากขุนนางคนอื่นๆ พวกเราทุกคนจึงเชื่อว่ามันไม่สมควรจะถูกนับว่าเป็นหลักฐานได้”
ทันทีที่เลี่ยวฉิงเทียนพูดจบ ขุนนางคนอื่นๆ ก็รีบเอ่ยสมทบว่า ”แม่ทัพเลี่ยวพูดถูกแล้ว ใต้เท้าเว่ย ท่านอย่าคิดเพียงแค่ว่าจะจับใคร บางครั้งท่านก็ควรจะตรวจสอบดูให้ดีด้วยว่าขั้นตอนการไต่สวนของท่านมีข้อบกพร่องหรือไม่”
“สรุปแล้วพวกท่านต้องการจะบอกว่า ต่อให้ใต้เท้าเฉินจะเป็นผู้จับกุมผู้กระทำผิดเหล่านั้นด้วยมือตัวเอง มันก็ไม่ได้หมายความว่าเลี่ยวจือฝู่มีความผิดจริงอย่างนั้นหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยกล่าวอย่างเยือกเย็น ”ใต้เท้าเฉินเป็นถึงผู้ว่าการสามมณฑลที่อดีตฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งและมอบหมายหน้าที่ให้จับกุมบรรดาขุนนางทุจริตทั้งหลาย แม้กระทั่งเด็กสามขวบยังรู้เลยว่าคนในตระกูลเดียวกันไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการไต่สวนคดี แต่แม่ทัพเลี่ยวกลับปล่อยตัวเลี่ยวจือฝู่ตามใจตัวเองเช่นนี้ ท่านไม่เห็นทั้งใต้เท้าเฉินและอดีตฮ่องเต้อยู่ในสายตาหรือไร”
“ใต้เท้าเว่ย ขอความกรุณาอย่าใส่ความเท็จข้าในชั้นศาล” เลี่ยวฉิงเทียนเตือนนางด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
เฮ่อเหลียนเวยเวยเพียงแค่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ”ใจเย็นๆ ก่อนสิแม่ทัพเลี่ยว ข้าเพิ่งถามท่านไปแค่เรื่องเดียว ทำไมท่านถึงได้อารมณ์เสียขึ้นมาเสียแล้วล่ะ”
“อย่าคิดมากไปเลยใต้เท้าเว่ย ข้าไม่ได้อารมณ์เสีย ข้าเพียงแต่กำลังเตือนให้ท่านรู้เท่านั้นว่าสิ่งใดไม่ควรพูด” เลี่ยวฉิงเทียนกระชับมือที่อยู่ภายใต้แขนเสื้อยาวของตัวเองเข้าหากันแน่น แต่น้ำเสียงของเขากลับยังฟังดูเยือกเย็น
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สนใจเขา และเอ่ยต่อ ”คำถามข้อที่สอง คนที่ภัตตาคารไห่ปินกล้าดึงประกาศห้ามเข้าที่ศาลาว่าการเพิ่งนำไปติดออก แม่ทัพเลี่ยวก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย แต่ยังถึงขั้นจัดงานฉลองให้กับเลี่ยวจือฝู่ผู้เป็นน้องชาย และเลี้ยงดูปูเสื่อสร้างความบันเทิงให้กับบรรดาขุนนางทั้งหลายด้วยซ้ำ แม่ทัพเลี่ยว แม้ข้าจะไม่ได้ร่ำเรียนมาสูงนัก แต่ท่านอย่าบอกข้านะว่าท่านไม่รู้ความหมายที่อยู่ในประกาศห้ามเข้าของศาลาว่าการ”
“จะว่าไปแล้ว ข้าก็อยากถามใต้เท้าเว่ยอยู่เหมือนกัน ท่านรู้หรือไม่ว่าการสั่งปิดภัตตาคารไห่ปินโดยที่ยังไม่ได้ตรวจสอบเรื่องราวให้ดีก่อนเช่นนี้สร้างผลกระทบให้กับเมืองหลวงประจำมณฑลแห่งนี้อย่างมหันต์” เลี่ยวฉิงเทียนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ ”ภัตตาคารแห่งนั้นเป็นภัตตาคารเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีในเมืองหลวงประจำมณฑล มีพ่อค้าจำนวนนับไม่ถ้วนมาที่นี่เพียงเพื่ออาหารทะเลของภัตตาคารไห่ปิน การกระทำของท่านสร้างความสูญเสียครั้งใหญ่ให้กับเมืองหลวงประจำมณฑลทั้งเมือง”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว ”แม่ทัพเลี่ยวช่างมีวาจาคมคายยิ่งนัก แต่ไหนๆ แม่ทัพเลี่ยวก็พูดเรื่องการลงทุนจากพ่อค้าขึ้นมาพอดี ข้าเองก็เก็บสถิติอย่างคร่าวๆ มาเหมือนกัน และข้าพบว่าเมืองหลวงประจำมณฑลไม่มีนักลงทุนจากต่างเมืองเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่รายเดียวตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว ดังนั้นข้าจึงมองไม่เห็นเลยจริงๆ ว่าการปิดภัตตาคารไห่ปินโดยมีจุดประสงค์เพื่อทำการสืบสวนเรื่องราวโดยละเอียดจะสร้างผลกระทบใหญ่โตอันใดให้กับเมืองหลวงประจำมณฑลได้ สิ่งเดียวที่สามารถส่งผลกระทบต่อความประทับใจที่พ่อค้าคนอื่นจะมีต่อเมืองหลวงประจำมณฑลได้ก็คือราคาอาหารที่แพงเฉียดฟ้าของภัตตาคารไห่ปินต่างหาก!”
เมื่อเลี่ยวฉิงเทียนได้ยินคำพูดของนาง เขาก็หรี่ตาลงพร้อมกับรอยยิ้ม ”ดูเหมือนอคติที่ใต้เท้าเว่ยมีต่อภัตตาคารไห่ปินจะรุนแรงทีเดียว คนทั้งเมืองหลวงประจำมณฑลต่างก็รู้ว่าภัตตาคารไห่ปินขึ้นชื่อเรื่องอาหารรสชาติเยี่ยมในราคาที่เอื้อมถึง อีกทั้งกุ้งและปูที่ร้านของพวกเขาก็ยังสดใหม่ที่สุดอีกด้วย ข้าคิดว่าการที่ใต้เท้าเว่ยปล่อยข่าวลือมั่วซั่วเกี่ยวกับภัตตาคารไห่ปินออกมาต่อหน้าคนมากมายในชั้นศาลเช่นนี้คงดูไม่ดีเท่าไรกระมัง”
คำพูดของเลี่ยวฉิงเทียนก่อให้เกิดเสียงเอะอะโวยวายขึ้นทันที
“ใช่แล้ว! ท่านคิดว่าท่านจะสามารถทำให้ชื่อเสียงของภัตตาคารไห่ปินของเราแปดเปื้อนได้เพียงเพราะท่านเป็นขุนนางจากราชสำนักหรือ ไปถามใครที่ไหนในเมืองหลวงประจำมณฑลเอาก็ได้ พวกเขาย่อมตอบว่าภัตตาคารไห่ปินเป็นภัตตาคารที่สามารถมั่นใจในคุณภาพและความอร่อยของอาหารได้ ท่านทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่ามันจะกลายเป็นการสร้างความโกรธแค้นให้กับประชาชนหรือ!” มีเสียงตะโกนดังลั่นขึ้นมาจากฝูงชน มันดังเสียจนฟังดูไม่สมจริง
เลี่ยวฉิงเทียนลูบเคราของตน ”ใต้เท้าเว่ย ท่านก็คงได้ยินแล้ว นี่คือเสียงของประชาชน ในฐานะขุนนางแล้ว ท่านไม่ควรตัดสินคดีนี้จากอคติเพียงอย่างเดียว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยลดสายตาลงทันทีที่นางได้ยินคำพูดของเขา
เลี่ยวฉิงเทียนเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกกลัว ดังนั้นเขาจึงยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ
จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงกลองดังขึ้น!
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเจ้าของบรรยากาศอันชั่วร้ายเดินเข้ามาในศาลาว่าการ แล้วกล่าวขึ้นว่า ”ข้ามาที่นี่เพื่อฟ้องเลี่ยวฉิงเทียน”
ศาลาว่าการตกอยู่ในความวุ่นวายเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของเขา
บรรดาขุนนางทั้งหลายต่างมองหน้ากัน
สายตาของอดีตฮ่องเต้ที่กำลังดื่มชาอยู่ก่อนหน้านี้เคลื่อนไปหยุดลงที่ใบหน้าของชายคนนั้น ทันทีที่เห็นอีกฝ่าย สายตารู้ทันก็พลันวาบขึ้นในดวงตาของเขา
หึๆ เจ้าเด็กจากตระกูลเฮยก็อยู่ที่นี่ด้วย
นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเหนือความคาดหมายทีเดียว
เวยเวยวางแผนอะไรเอาไว้กันแน่
เดิมทีนั้นอดีตฮ่องเต้ตั้งใจมาที่นี่เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวย แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนความคิดแล้ว…
เลี่ยวฉิงเทียนขมวดคิ้วพลางพยายามรวบรวมความคิด ”น้องชายท่านนี้ ข้าคิดว่าท่านน่าจะเข้าใจผิดแล้ว ข้า เลี่ยวฉิงเทียนไม่เคยทำอะไรอันเป็นการทำร้ายประชาชนของเรามาก่อน”
“เจ้าย่อมรู้ในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปดี ข้าจะบอกอะไรให้ คนที่ข้าตั้งใจมาฟ้องก็คือเจ้า” เฮยเจ๋อกระตุกยิ้มอย่างชั่วร้าย รอยยิ้มนั้นทำให้เขารู้สึกโมโหได้ในทันที!
เลี่ยวฉิงเทียนไม่เคยพบเจอใครที่กล้าพูดคุยกับเขาด้วยท่าทางเช่นนี้มาก่อน เจ้าหมอนี่ไม่รู้เสียแล้วว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร!
เลี่ยวฉิงเทียนคำรามอย่างเย็นชา และกล่าวเสียงดังว่า ”เจ้าคนชั้นต่ำไร้การศึกษาผู้นี้เป็นใครกัน กล้าดีอย่างไรถึงได้มากล่าวหาให้ชื่อเสียงของข้าต้องแปดเปื้อน! ข้าขอสั่งให้จับเขาโบยห้าสิบที พาตัวไป!”
“แม่ทัพเลี่ยว!” เจี่ยงหลิวอวิ๋นรีบเดินเข้ามาทันทีที่เขาได้ยินว่ามีคนกำลังจะทำร้ายคุณชายรอง ”นายน้อยของข้าทำผิดอะไรต่อเจ้าหรือ เจ้าถึงได้อยากลงโทษเขาด้วยการโบยถึงห้าสิบที”
เลี่ยวฉิงเทียนดูคล้ายกับถูกพรากเสียงไปในทันใด เขามองใบหน้าของเจี่ยงหลิวอวิ๋นด้วยความตกใจ จากนั้นจึงถามเสียงตะกุกตะกักว่า ”นายน้อยหรือ”
“เขาเป็นหลานชายของนายท่านเฮย” เจี่ยงหลิวอวิ๋นตอบเขาเพียงประโยคเดียว
เลี่ยวฉิงเทียนแทบนั่งไม่ติดที่ แต่เขาก็ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวอันใดได้
อดีตฮ่องเต้จิบชาพลางถามอย่างใจเย็นว่า ”เสี่ยวเฮย เจ้าตั้งใจจะมาฟ้องเลี่ยวฉิงเทียนด้วยข้อหาอันใดหรือ”
“ใช้อำนาจของตำแหน่งตัวเองในทางที่ผิด และสั่งให้กองกำลังรักษาการณ์เข้ามาในเมืองเพื่อฆ่าคนคนหนึ่งตอนกลางวันแสกๆ พ่ะย่ะค่ะ!” เฮยเจ๋อชี้นิ้วไปที่แขนของตัวเอง ”บาดแผลนี้คือหลักฐานพ่ะย่ะค่ะ”
เลี่ยวฉิงเทียนชะงัก ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็พลันซีดเผือด!
เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร!
เขาออกคำสั่งกับคนของตัวเองอย่างชัดเจนว่าให้กำจัดแม่เฒ่าหวังเพียงคนเดียวเท่านั้น!
แล้วคุณชายเฮยพลอยได้รับลูกหลงจากเหตุการณ์นั้นไปด้วยได้อย่างไร
แต่ที่สำคัญก็คือ คุณชายเฮยไปทำอะไรในที่แบบนั้นต่างหาก
แค่บังเอิญผ่านไปพอดีหรือ
เลี่ยวฉิงเทียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ!
ตอนนี้เมื่อลองมาคิดอย่างรอบคอบ คนพวกนั้นก็ใช้เวลานานเกินไปจริงๆ ต่อให้หัวหน้าหวังคิดจะเล่นสนุก แต่ป่านนี้จางซินก็น่าจะนำข่าวกลับมาบอกเขาแล้ว
แต่ความจริงก็คือ เขายังหาตัวจางซินไม่เจอเลยด้วยซ้ำ
ลางสังหรณ์และประสบการณ์ในฐานะขุนนางของเขากำลังบอกเขาว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง!