องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 532 เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดจะทำอะไร
ในจำนวนนั้นมีพ่อค้าสองคนที่เฮ่อเหลียนเวยเวยพบในภัตตาคารไห่ปินตอนที่นางเพิ่งมาถึงเมืองหลวงประจำมณฑล
เฮ่อเหลียนเวยเวยเรียกทั้งสองมาพบเป็นการส่วนตัวที่ด้านในของศาลาว่าการ แล้วสั่งให้ต้าสงเตรียมน้ำชาให้กับพวกเขา
เจ้าเจ็ดนั่งอยู่ข้างเฮ่อเหลียนเวยเวย สายตาจับจ้องอยู่ที่ปูหลายตัวในมือของคนทั้งสอง
ทั้งสองคนนั้นก็รู้หน้าที่ดีทีเดียว เมื่อเห็นว่าเจ้าเจ็ดเป็นเพียงแค่เด็ก พวกเขาก็คลายเชือกที่มัดปูออก และยื่นปูตัวหนึ่งให้กับเขาแม้จะไม่รู้ฐานะของเขาก็ตาม
เดิมทีพวกเขาตั้งใจว่าจะให้เด็กชายเอามันไปเล่นเท่านั้น
เพราะอย่างไรเสียปูตัวนั้นก็ยังไม่ตาย
เจ้าเจ็ดรับปูมาและกล่าวขอบคุณพวกเขาอย่างสุภาพ จากนั้นทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ เด็กชายก็อ้าปากขึ้นแล้วกัดมันเข้าไปคำโต!
“มันยังเป็นๆ อยู่นะ!” ทั้งสองคนตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นอย่างมาก จากนั้นพวกเขาก็รีบตะโกนขึ้นว่า ”กินไม่ได้นะ!”
เจ้าเจ็ดขมวดคิ้วหนาของตัวเองเข้าหากัน แล้วมองปูที่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวอยู่ในมือ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงส่งมันให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวยพร้อมกับพูดว่า ”พี่สะใภ้สาม คืนนี้เรามานึ่งมันกินกันเถอะขอรับ กินทั้งอย่างนี้ก็คงจะไม่อร่อยอยู่ดี”
ทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆ ถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินที่เขาพูด มุมปากของพวกเขากระตุกแทบไม่หยุดด้วยความเดือดดาล ปัญ… ปัญหาตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่รสชาติเสียหน่อย!
“แค่ตัวเดียวเจ้ากินไม่อิ่มหรอก” เฮ่อเหลียนเวยเวยหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองขึ้นมา แล้วช่วยเช็ดมุมปากให้กับเด็กชายพลางเอ่ยว่า ”หลังข้าเสร็จธุระแล้ว ข้าจะทำปูให้เจ้ากินสักร้อยตัว เอาเป็นปูนึ่งสักห้าสิบตัว แล้วก็ปูผัดเผ็ดอีกสักห้าสิบตัว เจ้าจะต้องชอบแน่”
องค์ชายเจ็ดตัวน้อยพยักหน้าตกลงอย่างว่าง่าย ดูไม่สมกับเป็นเขาเอาเสียเลย!”
ขันทีซุนที่มองภาพนี้อยู่ข้างๆ แทบหลั่งน้ำตา นี่คือเคล็ดลับในการจัดการกับองค์ชายเจ็ดหรือ!
เขาควรทำแบบเดียวกันตั้งแต่ตอนที่เขากัดปลาทองตัวนั้นเข้าไปแล้ว!
เฮ่อเหลียนเวยเวยลูบศีรษะของเด็กชายตัวน้อย แล้วมองไปที่สองคนนั้นพลางเอ่ยว่า ”ข้าเชิญท่านทั้งสองมาเพราะอยากรบกวนให้ช่วยอะไรเสียหน่อย”
“ไม่รบกวนเลยขอรับใต้เท้าเว่ย ไม่ว่าท่านต้องการสิ่งใด ขอให้สั่งข้ากับท่านพี่มาได้เลยขอรับ!” หนึ่งในนั้นเป็นชายนิสัยตรงไปตรงมา เขากล่าวต่อว่า ”ใต้เท้าเว่ย ท่านไม่ได้แค่ช่วยพวกข้าจัดการกับขุนนางทุจริตเหล่านั้นเท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้ภัตตาคารไห่ปินที่ดีแต่หลอกลวงชาวบ้านปิดตัวลงได้อีกด้วย เพียงแค่นี้พวกข้าก็ปลาบปลื้มยิ่งนักแล้วขอรับ! พวกข้าย่อมสามารถช่วยท่านได้ทุกอย่าง!”
พ่อค้าอีกคนหนึ่งยังไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว แต่กลับทำเพียงแค่ยื่นมือออกไปกระตุกแขนเสื้อผู้เป็นเพื่อนพร้อมกับกระซิบอะไรบางอย่างกับเขา
คนคนนั้นหันหน้ากลับไป เขาเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ”พี่หวัง ทำไมท่านถึงเอาแต่กระตุกแขนเสื้อข้าเล่า!”
“เจ้าไม่ได้ยินที่เด็กคนนั้นเรียกนางว่าพี่สะใภ้สามหรือ” ชายที่ใช้แซ่หวังลดเสียงลง เขาเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ ”หรือจะเป็นอย่างที่ชาวบ้านลือกันว่าจริงๆ แล้วใต้เท้าเว่ยเป็นสตรี”
เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะ และตอบว่า ”ข้าเป็นสตรีก็จริง แต่เรื่องนี้ก็ไม่ควรที่จะกระทบต่อความร่วมมือของเรามิใช่หรือ”
“ไม่กระทบแน่นอนขอรับ” ทั้งสองตอบขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกสับสนกับฐานะของเฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงถามว่า ”แต่สตรีขึ้นมาเป็นขุนนางได้อย่างไรหรือขอรับ”
ขันทีซุนที่ยืนอยู่ด้านข้างยิ้มกริ่ม และตอบเขาว่า ”ในเมื่อพระชายาอยากเป็น เช่นนั้นนางก็เลยได้เป็นน่ะสิ”
พระชายาหรือ
ทั้งสองคนถึงกับตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก!
เมื่อตั้งสติได้อีกครั้ง พวกเขาก็รีบคุกเข่าลงแล้วร้องออกมาว่า ”พวกกระหม่อมช่างโง่เขลาเบาปัญญายิ่งนักจึงจำพระชายาไม่ได้ หวังว่าท่านจะ…”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่รอให้พวกเขาได้พูดจบ นางช่วยพยุงทั้งสองคนขึ้น และเอ่ยว่า ”พวกท่านสองคนไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้หรอก แต่เมื่อครู่นี้พี่หลี่พูดผิดไป ภัตตาคารไห่ปินยังไม่ได้ปิดตัว”
“ยังไม่ปิดหรือ” ทั้งสองขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวพร้อมกับถามว่า ”ทำไมล่ะ” พวกเขาสอบสวนเรื่องนี้โดยละเอียดแล้วมิใช่หรือ ทำไมพวกเขาถึงยังไม่ปิดภัตตาคารที่เป็นอันตรายแห่งนั้นไปอีก!
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มแทนคำตอบ และกล่าวว่า ”ไม่ใช่แค่ยังเปิดอยู่ แต่ข้าตั้งใจที่จะขยายกิจการมันออกไปอีกด้วย”
“หมายความว่าอย่างไรหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเล่นกับพู่หยกในมือ แล้วจึงตอบว่า ”จากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะรับช่วงต่อกิจกาจของภัตตาคารไห่ปินอย่างเป็นทางการ อย่างไรเสียมันก็เป็นภัตตาคารที่มีชื่อเสียงโด่งดังคู่กับจักรวรรดิจ้านหลงมาอย่างยาวนาน มีพ่อค้าจำนวนมากที่เดินทางมาที่เมืองหลวงประจำมณฑลแห่งนี้ และมักจะแวะไปที่นั่นเสมอ เมืองหลวงประจำมณฑลเป็นเมืองติดทะเลเพียงแห่งเดียวในแคว้นทางเหนือ และประชาชนส่วนใหญ่ของที่นี่ก็ยังต้องอาศัยการทำประมงเพื่อยังชีพอีกด้วย การสั่งปิดภัตตาคารอาจจะสร้างความพอใจได้เพียงแค่ในระยะหนึ่งเท่านั้น แต่พอนานเข้ามันจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี หากไม่มีภัตตาคารที่ซื้อสัตว์ทะเลมาทำอาหาร ประชาชนย่อมไม่สามารถนำพวกมันมาขายเป็นเงินได้ และสุดท้ายคนที่จะต้องลำบากก็ยังคงเป็นประชาชนอยู่ดี”
“ยังเป็นเวยเวยที่รอบคอบเหมือนเคย” เสียงทุ้มลึกดังขึ้นจากนอกห้อง
องค์ชายเจ็ดตัวน้อยหันหน้ากลับไป จากนั้นจึงหยิบปูขึ้นมาพร้อมกับวิ่งไปทางชายชรา แล้วตะโกนเรียกเขา ”เสด็จปู่!”
อดีตฮ่องเต้ลูบศีรษะหลานชาย แล้วมองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยรอยยิ้มชื่นชม
เฮ่อเหลียนเวยเวยลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางสบายๆ แม้จะไม่ได้ดูอ่อนน้อมหรือก้าวร้าวจนเกินไป แต่ท่าทางที่นางแสดงออกมานั้นก็เต็มไปด้วยความเคารพในตัวชายชรา ”หากเป็นเสด็จปู่ ท่านก็คงไม่สั่งปิดภัตตาคารแห่งนี้ด้วยเหตุผลเดียวกันกระมัง สิ่งที่หม่อมฉันพยายามทำนั้นยังเทียบไม่ได้กับความเห็นใจที่ท่านมีให้กับประชาชนและประเทศชาติเลยเพคะ”
“เจ้าเด็กคนนี้” อดีตฮ่องเต้หัวเราะแล้วพูดต่อ ”ดูเหมือนเจ้าจะมีทางออกอยู่แล้ว เช่นนั้นก็จงจัดการตามนั้นเถิด ถ้าเจ้าต้องการความช่วยเหลือจากฝ่ายใดก็มาบอกปู่ก็แล้วกัน”
“เพคะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยสัญญากับเขาพร้อมกับยิ้มออกมา
เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย อดีตฮ่องเต้จึงยุ่งจนมือเป็นระวิง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนัก หลังจากให้คำแนะนำกับเฮ่อเหลียนเวยเวยเสร็จ เขาก็ตรงกลับเมืองหลวงพร้อมกับขันทีซุน
เฮ่อเหลียนเวยเวยหันหน้ากลับมา แล้วเริ่มต้นบทสนทนาที่คุยค้างเอาไว้กับพ่อค้าทั้งสอง ”พวกท่านทั้งสองคุ้นเคยกับสินค้าทางทะเล และช่องทางการค้าขายดี พวกท่านเต็มใจอยู่ที่เมืองหลวงประจำมณฑลแห่งนี้ต่อและช่วยจัดการเรื่องการเปิดกิจการใหม่ให้กับภัตตาคารไห่ปินได้หรือไม่”
“เต็มใจขอรับ! พวกข้าย่อมเต็มใจอยู่แล้ว!”
เวลานี้พ่อค้าทั้งสองคนต่างรู้สึกเหมือนกับมีโอกาสทองร่วงจากฟ้าลงมาบนตัก
ใครจะไม่เต็มใจรับหน้าที่นี้!
นางเป็นเจ้าของร้านเวยเจ๋อ เป็นอัจฉริยะที่สร้างปาฏิหาริย์ให้กับวงการธุรกิจ!
สำหรับคนที่ทำงานค้าขายเช่นพวกเขาแล้ว การได้ติดตามรับใช้นางเช่นนี้นับว่าโชคดีไปถึงสามชาติ
“เช่นนั้นมาเริ่มที่การเลือกสินค้าทางทะเลก่อนก็แล้วกัน” เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดพร้อมกับยิ้มออกมา ”เที่ยงวันนี้ ศาลาว่าการจะประกาศให้ชาวประมงทุกคนไปรวมกันที่หน้าทางเข้าภัตตาคารไห่ปินเพื่อนำสินค้าของตัวเองมาเสนอ และพวกเราจะไปเลือกกันที่นั่น อาหารทะเลต้องตัวใหญ่และสด ส่วนเนื้อจะต้องสวยและมีมันแทรก กุ้งและปูประเภทนี้ถึงจะสามารถนำมาทำอาหารเลิศรสได้”
“ไม่มีปัญหาขอรับ! ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกข้าสองพี่น้องได้เลย!” พ่อค้าทั้งสองคนรีบเตรียมการทันที
แต่หลังจากนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยกลับเอ่ยคำสั่งที่ทุกคนไม่เข้าใจออกมา
“ย้ายกระทะเหล็กใบใหญ่ที่ใช้ทำอาหารไปไว้ตรงทางเข้าภัตตาคาร จากนั้นก็เตรียมเขียง ฟืน ขิง กระเทียม เกลือ น้ำส้มสายชู แล้วก็น้ำตาลให้ข้า อย่าลืมพวกเครื่องเทศต่างๆ ล่ะ ที่สำคัญ ไปเตรียมพริกและถั่วลิสงเอาไว้ด้วย เอาล่ะ รีบไปจัดการได้แล้ว”
ต้าสงกับเฉินเหลียงมองหน้ากันแล้วตอบว่า ”ขอรับ!”
พวกเขาพึมพำกับตัวเองว่า ลูกพี่คิดจะทำอะไรกันแน่
ย้ายกระทะเหล็กใบใหญ่มาไว้ที่ทางเข้าภัตตาคารหรือ
มันจะไม่เป็นการขวางทางเข้าหรือ
แล้วจะมีคนมากินหรือ