องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 535 เวยเวยเป็นคนดัง!
ฟุ่บ!
จากนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยจึงเปิดฝาหม้อที่ตุ๋นกุ้งมังกรออก!
ในเวลานั้นเหล้าองุ่นผสานตัวเข้ากับน้ำผึ้งและน้ำปรุงรสจนกลายเป็นน้ำแกงสีสวย
ตอนนี้กุ้งมังกรสีเหลืองทองอร่ามที่วางอยู่บนสุดส่งกลิ่นหอมออกมายิ่งกว่าตอนก่อนที่จะตุ๋นเสียอีก
นอกจากกลิ่นหอมยวนใจนี้ ทุกคนก็ไม่ได้กลิ่นรอื่นอีก
นอกจากนั้น ทุกคนก็ยังไม่เคยเห็นการทำอาหารลักษณะนี้มาก่อน มันยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกสงสัยว่ารสชาติของอาหารเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร
และเช่นเคย เฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงเก็บอาหารเอาไว้ครึ่งหนึ่ง แล้วสั่งให้นำอาหารอีกครึ่งหนึ่งออกไปแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไป
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหรี่ตาพลางเล่นกับถ้วยกระเบื้องเคลือบในมือ น้ำเสียงของเขายังคงแผ่วเบาและสง่างามราวกับหยก ”สำหรับอาหารจานต่อไป ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการเช่นใดแต่พวกเจ้าต้องขวางมันเอาไว้ให้ได้ อย่าให้ข้าเห็นนางทำอาหารให้คนอื่นกินอีก”
“พ่ะย่ะค่ะ” เงาทมิฬหลุบตาลง แล้วคิดกับตัวเองว่าความต้องการครอบครองนางไว้แต่เพียงผู้เดียวของฝ่าบาทนับวันยิ่งมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น เฮ้อ ไม่รู้จริงๆ ว่ามันเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดีกันแน่
นอกหน้าต่างนั้น ประชาชนได้รับกุ้งมังกรมาตัวหนึ่ง ทันทีที่พวกเขาผ่าหลังของมันออก กลิ่นอันเข้มข้นของเนื้อกุ้งมังกรสดใหม่ก็พลันลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณ ยิ่งกว่านั้นยังมีกลิ่นหอมๆ จากเห็ดหอมที่อยู่ข้างในผสานเพิ่มเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง
ชาวบ้านคนหนึ่งทนรอแทบไม่ไหว เขาคีบเนื้อกุ้งมังกรเข้าปากในทันที กลิ่นหอมจากเนื้อนั้นระเบิดไปทั่วกระพุ้งแก้มและฟันของเขา
เห็ดหอมกับเนื้อไก่ที่อยู่ในนั้นก็สดใหม่ยิ่งนัก เมื่อกินพวกมันพร้อมกับกุ้งมังกรและน้ำต้มผัก รสชาติแห่งความเอร็ดอร่อยก็ยิ่งสร้างความพอใจให้กับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง!
“ข้าไม่เคยกินกุ้งมังกรด้วยวิธีการปรุงเช่นนี้มาก่อนเลย! ลิ้นแทบจะละลายอยู่แล้ว!”
“ใต้เท้าเว่ยใส่อะไรลงไปในนี้กันแน่”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วยังเดาไม่ออกอีกด้วย! พ่อครัวหลิ่ว ท่านเป็นพ่อครัว ท่านลองชิมดูอีกครั้งเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ในนั้นดีหรือไม่ ทำไมมันถึงได้อร่อยขนาดนี้!”
พ่อครัวหลิ่วเองก็เป็นพ่อครัวมากประสบการณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารทะเล แต่เขากลับไม่เคยกินอะไรเช่นนี้มาก่อน
อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วน้ำจิ้มเป็นสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญกับมันที่สุด
สำหรับพวกเขาแล้ว คนที่สามารถรักษาความสด รวมถึงเนื้อนุ่มๆ ของสัตว์ทะเลหลังนำไปนึ่ง และสามารถเตรียมน้ำจิ้มรสชาติดีถึงเพียงนี้เอาไว้ได้ย่อมควรค่าแก่การถูกยกให้เป็นพ่อครัวชั้นเยี่ยมอนาคตไกล
แต่เห็นได้ชัดว่าวิธีการที่ใต้เท้าเว่ยใช้ทำอาหารกลับทำให้ความเข้าใจด้านการปรุงอาหารทะเลของพวกเขาพลิกกลับตาลปัตร
หากตั้งใจลิ้มรสชาติของเนื้อกุ้งให้ดี จะพบว่ามันมีรสชาติหวานๆ แฝงอยู่
“นี่คือน้ำตาลหรือ ไม่สิ ไม่ใช่ น้ำตาลทำเช่นนี้ไม่ได้เพราะหากข้าไม่ได้ตั้งใจชิมให้ดี ก็คงไม่มีทางสัมผัสถึงความหวานติดปลายลิ้นนี้ได้ รสชาติมันเหมือนกับ… น้ำผึ้งหรือ? ใช่แล้ว มันคือน้ำผึ้งนี่เอง!” พ่อครัวหลิ่วพยักหน้าแล้วเอ่ยด้วยความชื่นชมว่า ”ข้านึกไม่ถึงเลยว่าใต้เท้าเว่ยจะใส่น้ำผึ้งลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ!”
“มีอย่างอื่นนอกจากน้ำผึ้งหรือเปล่า” คนอื่นๆ รู้สึกสงสัยอย่างมาก หลังจากได้กินเนื้อของกุ้งมังกรตัวนี้ พวกเขาก็อยากกลับไปลองทำกินเองที่บ้านบ้าง
พ่อครัวหลิ่วเอียงศีรษะ แล้วคิดขึ้นมาว่า ”ในนี้ยังมีอยู่อีกอย่าง แต่คนแก่เช่นข้าก็เดาไม่ออกเหมือนกันว่าคืออะไร รสชาตินั้นช่างแปลกประหลาดเสียเหลือเกิน”
“ดูนั่นสิ! ใต้เท้าเว่ยกำลังจะเอาปลาย่างลงจากเตาแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็หันหน้าไปมองทางเฮ่อเหลียนเวยเวย
ตอนแรกทุกคนคิดว่าปลาย่างตัวนั้นคงไม่ได้มีอะไรน่ามองมากนัก
แต่พอเฮ่อเหลียนเวยเวยนำปลาทั้งตัวมาวางลงบนถาดเหล็กอุ่นร้อน จากนั้นวางเครื่องเคียงผสมกับน้ำมันพริก และตบท้ายด้วยการโรยถั่วลิสงกับต้นหอมลงบนนั้น อาหารจานนี้ก็พลันถูกแต่งแต้มไปด้วยสีเขียวและสีแดงสลับกัน ดูงดงามน่ามอง
ปลาทะเลตัวนั้นถูกเผาจนท่วมไปด้วยน้ำมันที่ออกมาจากตัวของมันเอง ทันทีที่นำมันมาวางลงในถาด มันก็ส่งเสียงดังฉ่า และส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ
ตัวปลากรอบนอกนุ่มใน เพียงแค่เห็นสี ก็สามารถบอกได้ว่ารสชาติของมันคงจะคล้ายๆ กับอาหารจานก่อนหน้านี้โดยไม่จำเป็นต้องชิม!
แต่กลิ่นของมันก็ยังจัดว่าหอมเกินไป!
ถ้ากลิ่นของอาหารสองจานก่อนหน้านี้เปรียบเหมือนคลื่นที่กระตุ้นความอยากอาหารอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น กลิ่นของอาหารจานนี้ก็คงเปรียบเหมือนกลิ่นที่ทำให้ทุกคนน้ำลายไหลได้ในทันที!
ทุกคนเลียริมฝีปากของตัวเอง แล้วเข้าแถวรอชิมอาหารจานนั้น แต่แล้วก็มีชายในชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นและหยุดพวกเขาเอาไว้
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว ”เงาทมิฬ?”
เงาทมิฬลดเสียงลง ”พระชายา ฝ่าบาทอยู่ที่หอน้ำชาฝั่งตรงข้าม เขาสั่งให้กระหม่อมยึดอาหารจานนี้ไว้ให้เขาเพียงคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากได้ฟังที่เงาทมิฬพูด เฮ่อเหลียนเวยเวยก็แย้มรอยยิ้มออกมา เป็นอย่างที่นิยายว่าไว้ ตราบใดที่นางนำชื่อของเขามาใช้เป็นชื่ออาหาร เขาจะต้องเป็นฝ่ายที่เข้าหานางก่อนอย่างแน่นอน!
“ในเมื่อฝ่าบาทอยากกิน เช่นนั้นเจ้าก็เอาไปให้เขาเถอะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มให้เขาเล็กน้อย อย่างไรนางก็จัดการเรื่องทางนี้ใกล้เสร็จแล้ว หากนางนำกลยุทธ์สร้างความประหลาดใจออกมาใช้จนหมดละก็ เห็นทีบรรยากาศลึกลับที่นางมีคงได้ลดน้อยลงไปแน่
เมื่ออยู่ต่อหน้าสิ่งที่อยากกิน แต่กลับไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสชาติของสิ่งนั้น ความอยากของคนเราก็มีแต่จะยิ่งเพิ่มพูน!
หากมองในมุมของธุรกิจ เวลาอันเหมาะสมที่สุดที่จะหยุดก็คือตอนนี้นี่เอง
เมื่อประชาชนเห็นว่าตัวเองหมดโอกาสที่จะได้ชิมปลาทะเลตัวนั้น พวกเขาก็ดูผิดหวังเป็นอย่างมาก
แต่ในเวลาเดียวกันนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับใช้ผ้าเช็ดหน้าสีขาวเช็ดมือตัวเอง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างจากเดิมว่า ”สำหรับคนที่ไม่มีโอกาสได้ลองชิมอาหารพวกนี้ก็ไม่ต้องเสียใจไป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกมันจะเข้าไปอยู่ในรายการอาหารของภัตตาคารไห่ปิน!”
เมื่อบรรดาพ่อค้าได้ยินดังนั้น พวกเขาก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที ”ข้าลืมรสชาติของมันไม่ลงเลยขอรับ! ใต้เท้าเว่ย พวกข้าจะได้ทานอีกเมื่อใดหรือ เมื่อถึงเวลานั้น รสชาติของมันจะไม่แตกต่างจากที่พวกข้าเพิ่งได้ทานไปใช่หรือไม่”
ทันทีที่มีคนถามคำถามนี้ขึ้นมา คนที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารเหล่านั้นก็ดูจะคลายความตื่นเต้นลงเล็กน้อย
อากาศคล้ายกับถูกแช่แข็งอยู่กับที่
แต่บนใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยกลับไร้การเปลี่ยนแปลง นางยังคงยิ้มอยู่เช่นเดิม พร้อมกับค่อยๆ ตอบว่า ”ไม่ต้องเป็นห่วง ในอดีตนั้นทุกคนต่างก็เคยถูกภัตตาคารไห่ปินหลอกเอาวัตถุดิบที่ไม่สดใหม่มาทำอาหารให้ทาน แต่จากนี้ไป พ่อครัวของภัตตาคารไห่ปินจะออกมาทำอาหารที่ทางเข้าแห่งนี้ พ่อค้าทุกคนที่สัญจรผ่านไปมาสามารถร่วมเป็นพยานให้กับกระบวนการทำอาหารของพวกเขาได้ในทุกขั้นตอน!”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ พ่อค้าสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเฮ่อเหลียนเวยเวยก็มองหน้ากัน ในดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมที่มีต่อเฮ่อเหลียนเวยเวย
การตั้งเตาไว้ที่ทางเข้าแสดงให้เห็นว่าการทำอาหารทุกขั้นตอนย่อมเป็นไปอย่างโปร่งใส!
นี่คงเป็นที่เดียวและที่แรกจากทั้งประเทศที่มีการทำเช่นนี้ แน่นอนว่ามันย่อมสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันทางการตลาด และสร้างจุดขายให้กับร้านได้อีกด้วย!
ไม่ใช่แค่มันจะสามารถลบล้างชื่อเสียงอันเลวร้ายที่ภัตตาคารไห่ปินเคยมีได้ แต่ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์นี้ย่อมสามารถดึงดูดลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลกให้เดินทางมาที่นี่ได้อีกด้วย
ยิ่งกว่านั้น ตำแหน่งที่ตั้งของภัตตาคารไห่ปินก็เรียกได้ว่าอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ดี เพราะมันอยู่ในจุดที่ทุกคนสามารถมองเห็นได้ทันทีที่ก้าวเข้ามาในเมืองหลวงประจำมณฑล
ด้วยเหตุนี้ การทำอาหารที่หน้าทางเข้าเช่นนี้จึงจัดว่าเป็นวิธีประชาสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก
เมื่อถึงเวลานั้น กลิ่นหอมๆ พวกนั้นย่อมสามารถดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาในภัตตาคารได้ทันทีที่ถึงเวลาอาหาร
พวกเขาย่อมทำเงินจากตรงนั้นได้ไม่ยาก!
ในที่สุดพวกเขาทุกคนก็เข้าใจถึงเหตุผลที่ว่าทำไมร้านเวยเจ๋อถึงโด่งดังขึ้นมาได้ในเวลาเพียงแค่เดือนเดียว
นอกจากความจริงที่ว่าอาวุธของพวกเขาเป็นของมีคุณภาพแล้ว สาเหตุที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือความเก่งกาจด้านการประชาสัมพันธ์ของผู้เป็นเจ้าของร้านนี่เอง!
ทุกย่างก้าวนั้นล้วนแต่เต็มไปด้วยเรื่องเหนือความคาดหมายและสิ่งที่ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ!
คำพูดของเฮ่อเหลียนเวยเวยสามารถกระตุ้นบรรดาพ่อค้าเหล่านั้นได้ชะงัก เพราะเดิมทีนั้นพวกเขาก็มาที่เมืองหลวงประจำมณฑลเพราะอยากรู้รสชาติอาหารทะเลของภัตตาคารไห่ปินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากอาหารอร่อย พวกเขาย่อมยินดีที่จะนำมันกลับไปที่บ้านเกิด แต่เวลาก็ผ่านมาหลายวัน อีกทั้งภัตตาคารไห่ปินแห่งนี้ก็มีแต่ข่าวลือเสียๆ หายๆ เต็มไปหมด ว่ากันว่าผู้จัดการของที่นี่มักจะนำเอากุ้งตัวเล็กมาเปลี่ยนกับกุ้งมังกรอยู่บ่อยๆ ความแตกต่างนั้นชัดเจนเสียจนน่าขัน ชี้ให้เห็นว่าพวกเขาพยายามหลอกลวงคนต่างถิ่นอยู่!
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะพวกเขาจะคัดเลือกวัตถุดิบและทำอาหารกันที่นี่ การทำเช่นนี้ย่อมสามารถสร้างความมั่นใจให้กับทุกคนได้!
แต่…
“แล้วเรื่องราคาล่ะ!?” มีคนรวบรวมความกล้าถามขึ้น ”มันจะไม่ราคาแพงเฉียดฟ้าจนประชาชนเอื้อมไม่ถึงหรอกหรือ!”