องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 542 องค์ชายผู้ชั่วร้ายปะทะเวยเวย
“ไม่อย่างนั้นท่านจะหักขาข้า ท่านพูดประโยคนี้กับข้ามาไม่ต่ำกว่าสิบครั้งได้แล้วกระมัง” เฮ่อเหลียนเว่ยเว่ยไม่รู้สึกกังวลเลยแม้แต่น้อย นางหลับตาลง มือยังโอบอยู่รอบเอวของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย นางดูไม่มีทีท่าหวาดกลัวต่อสิ่งใดหรือผู้ใดเลยแม้แต่น้อย
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า ”ใครบอกหรือว่าข้าจะหักขาเจ้า”
“มีอย่างอื่นด้วยหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยหาว
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขยับตัวเข้าไปหานาง เขากะตำแหน่งให้ริมฝีปากของตัวเองอยู่ด้านหลังใบหูของนาง ”ข้าอยากให้เจ้า… ลงจากเตียงไม่ได้ต่างหาก”
ลงจากเตียงไม่ได้หรือ เฮ่อเหลียนเวยเวยที่กำลังอ้าปากหาวอยู่ถึงกับชะงัก นางพยายามหนีโดยไม่คิดที่จะเสียเวลามองใบหน้าหล่อเหลานั้นด้วยซ้ำ
จากนั้นนางก็ตระหนักได้ว่าหนีไม่พ้น ความจริงแล้วคนที่เป็ยฝ่ายกอดเขาเอาไว้คือนางต่างหาก นางเผลอกอดเขาโดยไม่รู้ตัวเพราะถูกกลิ่นหอมของเขาล่อลวง
สิ่งที่เขาต้องทำก็แค่เคลื่อนมือไปโอบด้านหลังของนางไว้ จากนั้นนางก็ถูกตรึงให้อยู่ในท่านั้น
“ทำไมไม่ลองประมือกันดูสักยกล่ะ” ดวงตาเป็นประกายของเฮ่อเหลียนเวยเวยเคลื่อนไปมองเขา นางกำลังพยายามหาเรื่องเปลี่ยนประเด็น ”ท่านลองคิดดูสิ พวกเราเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองหลวง แต่พวกเรากลับไม่เคยประลองกันมาก่อน ท่านไม่คิดว่ามันน่าเสียดายหรือ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า ”ยอดฝีมือ เจ้าน่ะรึ”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : …สีหน้านั่นมันอะไรกัน?!
ตอนแรกเฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้อยากประลองกับเขาเป็นพิเศษแต่อย่างใด แต่เมื่อเห็นสายตาที่เขาใช้มองนางในเวลานี้เข้า นางไม่ประลองไม่ได้แล้ว!
“แน่นอน ข้าประลองกับเจ้าก็ได้” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยประทับริมฝีปากตัวเองเข้ากับของนาง ”ข้าชนะ คืนนี้เจ้าเป็นคนรุกก็แล้วกัน”
ทีแรกนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยไม่คิดที่จะเห็นด้วยกับเขา แต่หลังจากนั้นดวงตาของนางก็เป็นประกายอยู่ครู่หนึ่ง และสุดท้ายนางก็ยอมรับข้อเสนอนั้น ”ได้ แต่ท่านต้องยอมให้ข้ามัดท่านถ้าข้าชนะ!” นางเป็นฝ่ายถูกมัดมาหลายต่อหลายครั้ง นางจะต้องแก้แค้น!
“มัดข้าหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกมุมปากขึ้นพร้อมกับตอบอย่างช้าๆ ว่า ”ตกลง”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเอ่ยขึ้นหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ”ท่านห้ามเอากิเลนอัคคีออกมานะ!”
“ได้” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยวางมือของเขาลงบนศีรษะของอีกฝ่าย แล้วเล่นกับเส้นผมของนาง
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว ”ทำไมคืนนี้ท่านถึงได้พูดง่ายนักล่ะ”
“แค่จัดการกับเจ้า ข้าจำเป็นต้องใช้กิเลนอัคคีด้วยหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
สีหน้าน่าหมั่นไส้นั่นอีกแล้ว!
เฮ่อเหลียนเวยเวยสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า ”ห้ามนำอาวุธที่ข้าสร้างให้มาใช้ด้วย”
คราวนี้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้ตอบตกลงในทันที
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม ”อะไรกัน ข้าคิดว่าท่านบอกว่าการรับมือกับข้าเป็นเรื่องง่ายเสียอีก ท่านคิดว่าท่านยากจะเอาชนะข้าได้หากไร้ซึ่งอาวุธหรือ”
“เวยเวย” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยว่า ”ทำไมไม่บอกข้ามาล่ะว่าสามีเช่นข้าจะสามารถนำอะไรติดตัวได้บ้าง”
เฮ่อเหลียนเวยเวยชำเลืองมองสีหน้าชั่วร้ายของเขา จากนั้นจึงขยับตัวเข้าไปใกล้ แล้วจูบลงที่ดวงตาคู่นั้น ”ห้ามนำสิ่งใดติดตัวมาด้วย เพราะอย่างไรท่านก็ต้องปล่อยให้ข้าชนะอยู่ดี”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้นอย่างยียวน ”สรุปว่าเจ้าอยากจับข้ามัดมากสินะ หืม”
นั่นไม่ใช่ประเด็นเสียหน่อย!
ประเด็นคือนางจะเป็นคนรุกได้อย่างไร!
นางจะเป็นคนเริ่มได้อย่างไร!
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม ”เป็นอันตกลง! ข้าขอเรียกเสี่ยวไป๋ออกมาก่อน แล้วก็ขอตัวไปเอาร่มพันกลไกด้วย ข้าน่าจะทิ้งมันไว้ในช่องเก็บของ…”
“ข้าควรมอบให้เจ้าเป็นผู้ออกคำสั่งกับกิเลนอัคคีด้วยหรือเปล่า” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยประสานมือไว้ด้านหลังศีรษะพร้อมกับยกขาขึ้นไขว้กัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังจดจ่ออยู่กับการรวบรวมของที่จำเป็น นางหันกลับมาทันที แล้วตอบว่า ”ไม่ล่ะ อย่าได้คิดที่จะส่งกิเลนอัคคีมาเป็นสายลับเพื่อสืบเรื่องข้าเชียว ข้าไม่ยอมรับมันหรอก” นางก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะ!
“จริงหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยค่อยๆ หย่อนขาลงนั่ง เสื้อคลุมของเขาระกับพื้น นิ้วเรียวของเขาเล่นกับแหวนสีเงินบนนิ้วตัวเอง จากนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า ”เจ้าอาจจะมีโอกาสชนะมากขึ้นหากมีกิเลนอัคคีอยู่ด้วย”
เฮ่อเหลียนเวยเวยคว้ากล่องเหล็กใบหนึ่งออกมา พร้อมกับหยิบขนมขึ้นมาสองสามชิ้น นางจัดการป้อนขนมชิ้นหนึ่งใส่ปากเขา พร้อมกับกัดขนมอีกชิ้นเข้าปากตัวเอง จากนั้นจึงบอกว่า ”ท่านใจดีเกินไปจนผิดปกติ ท่านคิดว่าข้าไม่รู้หรือ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ติดพันธสัญญากับผู้เป็นนายของพวกมันอยู่ และพันธสัญญานั้นก็ห้ามไม่ให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์จู่โจมผู้เป็นนายได้”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลืนขนมในปากลงคอด้วยท่าทางไม่สนใจ
เฮ่อเหลียนเวยเวยป้อนขนมให้เขาอีกหนึ่งชิ้นเมื่อเห็นว่าเขากินชิ้นแรกหมดแล้ว
สายตาอบอุ่นที่ไม่เคยมีมาก่อนพลันวาบขึ้นในดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยามเมื่อเขามองนาง ”หายากนักที่แม้กระทั่งเจ้าก็ยังรู้เรื่องนี้ด้วย” ดูเหมือนเขาคงต้องคิดหาวิธีอื่นเพื่อทำให้นางรู้สึกเป็นต่อแล้วกระมัง หึ…
“อืม ข้าถึงได้บอกอย่างไรล่ะว่าข้าน่ะเป็นคนรอบรู้ ดังนั้นอย่าได้โกหกข้าเชียว” เฮ่อเหลียนเวยเวยปัดมือตัวเองพร้อมกับเอ่ยว่า ”ในเมื่อตอนนี้เราจัดการของว่างหมดเกลี้ยงแล้ว ได้เวลาลงสนามกันเสียที”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขมวดคิ้วสวยของตัวเองขึ้นพร้อมกับตอบว่า ”ได้”
เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตาลงมองเขาพร้อมกับเริ่มขยับนิ้ว สายลมก่อตัวขึ้นในอากาศ ก่อนพัดตรงเข้าใส่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทันที!
แต่เมื่อสายลมกรรโชกนั้นมาถึงตัวเขา พวกมันกลับสลายหายไปราวกับมีกำแพงกั้นและทำให้สายลมนั้นไม่มีผลกระทบใดต่อเขา
เพล้ง!
เครื่องเคลือบลายครามที่อยู่ด้านหลังเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ!
เฮ่อเหลียนเวยเวยชะงักไป ก่อนจะหัวเราะแล้วหมุนตัวกลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย นางยกขาขึ้น ดูเหมือนว่าลูกถีบของนางกำลังจะถึงตัวไป๋หลี่เจียเจวี๋ยในไม่ช้า!
แต่แล้วนางก็จงใจยั้งเอาไว้ แล้วถอยกลับไปด้านหลังสองสามก้าว นางขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อมกับถามว่า ”ท่านไม่ได้ใช้พลังปราณหรือ”
“ข้าบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าจะต่อให้” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยคว้ามือนาง แล้วดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด ”เอาล่ะ เจ้าชนะแล้ว เจ้าอยากมัดข้าอย่างไรล่ะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยนิ่วหน้า นางเงียบไปครู่หนึ่ง ”ทำไมเมื่อครู่นี้ท่านไม่ใช้พลังปราณล่ะ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังคงเงียบ เขาหลับตาลงเล็กน้อย ท่าทางเช่นนั้นทำให้เขาดูห่างเหินและเย็นชาโดยไม่มีสาเหตุ…
เฮ่อเหลียนเวยเวยเหมือนจะคิดอะไรออก นางยกมือขึ้นทันที ”พลังปราณของท่านหายไปหรือ”
“แค่ชั่วคราวเท่านั้น” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดูคุ้นเคยกับเรื่องนี้เป็นอย่างดี แขนเสื้อยาวของเขาทิ้งลงข้างตัว ใบหน้าด้านข้างของเขายังคงสมบูรณ์แบบราวกับรูปสลักอันงดงาม
เฮ่อเหลียนเวยเวยจำได้ว่าเคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับเขามาก่อน นางรีบตรวจสอบดวงตาของเขาโดยทันที ”ท่านมองเห็นไหม ข้าทำให้ท่านบาดเจ็บหรือเปล่า ท่านเสียพลังปราณไปเช่นนี้ ทำไมถึงยังยอมตกลงที่จะสู้กับข้าอีกล่ะ”
“เจ้าอยากเอาชนะข้ามาตลอดมิใช่หรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหัวเราะออกมาเบาๆ ”นี่เป็นโอกาสดีของเจ้า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยจ้องหน้าเขา ”กลับไปที่เตียงแล้วนอนพักซะ”
“เจ้าไม่จับข้ามัดแล้วหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกยิ้มขึ้นที่มุมปาก
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกจนปัญญายิ่งนัก นางผลักองค์ชายกลับไปที่เตียง แล้วบอกว่า ”นอนลง!”
“แค่นอนเฉยๆ หรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองนางพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงถอนหายใจ ”ก็ได้ หากมันจะสามารถทำให้ข้าฟื้นฟูพลังปราณของตัวเองกลับมาได้..”
กิเลนอัคคีไม่สามารถทนอยู่เฉยได้อีกต่อไป มันกระโดดออกมาแล้วกล่าวว่า ”ท่านกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ขอรับ นายท่าน ท่านไม่ได้สูญเสียพลังปราณไปเสียหน่อย!”
ท่านยอมให้ตัวเองเจ็บตัวเพื่อหาผลประโยชน์จากนางอีกแล้ว!
นายท่าน ท่านไร้ยางอายถึงเพียงนี้จะดีหรือขอรับ!
“ออกไป” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยออกคำสั่งอย่างเย็นชาพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงชั่วร้ายว่า ”ข้าไม่ชอบถูกใครจับตามองตอนกำลังลงมือทำอะไร…”