องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 558 ใส่ร้ายองค์ชาย
เจ้าเจ็ดยกมือขึ้นเกาหูเล็กๆ ของตัวเอง ”ข้างนอกเสียงดังน่ารำคาญเกินไปขอรับ ถ้าข้ากินตอนนี้ หลังจากนี้ข้าก็ยังต้องลุกไปสู้อยู่ดี สู้ข้าเก็บไว้กินหลังจากสู้เสร็จเสียยังดีกว่า” ระหว่างที่พูด เขาก็เอียงคอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าเล็กๆ ของเขาดูเอาจริงเอาจังอย่างมากขณะเอ่ยขึ้นว่า ”ทำไมพี่สะใภ้ไม่ช่วยห่อเก็บไว้ให้ข้าล่ะขอรับ ไม่อย่างนั้น หากหลังจากนี้มีการต่อสู้เกิดขึ้น ขนมคงได้หล่นหมดกันพอดี”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเด็กชายตัวน้อย ที่ด้านนอกก็พลันมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น!
ฮ่องเต้ไม่พอใจกับท่าทางของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คิ้วหนาของเขาจึงขมวดเข้าหากันแน่นยิ่งกว่าเดิม ”ไปดูสิว่าข้างนอกนั่นเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้เสียงดังนัก!”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ขันทีเการับคำสั่งก่อนเดินออกไป
ผู้อาวุโสทั้งสองที่นั่งอยู่ในท้องพระโรงเลื่อนถ้วยชาออกไป ทั้งสองสบตาและพยักหน้าให้กัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นการกระทำลับๆ ล่อๆ ของทั้งสอง นางยืนขึ้นเพื่อหาข้ออ้างพาเจ้าเจ็ดออกไปนอกวัง
เหล่าสนมได้รับอนุญาตให้ออกไปก่อนหน้านี้แล้วด้วยซ้ำ และฮ่องเต้ก็ไม่ได้คิดที่จะห้ามพวกนาง
ดังนั้นตอนที่เฮ่อเหลียนเวยเวยเดินออกไป นางจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากใครเท่าใดนัก
ผู้อาวุโสอู่เห็นภาพนั้นเช่นกัน แต่หลังจากแผนการใช้คาถาเรียกวิญญาณล้มเหลว เฮ่อเหลียนเวยเวยจะอยู่หรือไม่นั้นย่อมไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป
การที่นางออกไปนับว่าเป็นเรื่องดี เพราะนางย่อมไม่สามารถช่วยพูดให้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพ้นผิดได้
ตราบใดที่องค์ชายสามยังอยู่ในท้องพระโรงแห่งนี้ ทุกอย่างจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน!
ผู้อาวุโสอู่จิบชา รอดูก็แล้วกัน! เขาจะต้องจับไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมาถลกหนังอย่างไร้ความปรานีให้จงได้!
“ฝ่าบาท! ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ! เกิดเรื่องร้าย! เกิดเรื่องร้ายขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” ขันทีเกาที่ออกไปก่อนหน้านี้วิ่งกลับเข้ามา เขาหอบหายใจอย่างหนักตอนที่เขากลับมาถึง
ฮ่องเต้ตวัดสายตามองเขาอย่างเดือดดาล ”มีอะไร ทำไมถึงได้แตกตื่นนัก”
“ฝ- ฝ่าบาท มีกองกำลังทหารบกฏกลุ่มหนึ่งอยู่ข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ พวกเขากำลังสู้กับทหารรักษาพระองค์อยู่!” หน้าผากของขันทีเกาชุ่มไปด้วยเหงื่อระหว่างเอ่ยเช่นนั้น ”พวกเขาคงมาถึงตำหนักเจาหยางในไม่ช้านี้พ่ะย่ะค่ะ!”
ทันทีที่ขันทีเกาพูดจบ ก็ราวกับมีคนกดปุ่มหยุดภาพนั้นเอาไว้
บรรยากาศทั่วท้องพระโรงจมสู่ความเงียบสงัด
เสียงเคี้ยวขนมหายไป บรรดาพระชายาและสนมน้อยใหญ่ต่างตกใจจนตัวแข็ง
แม้กระทั่งฮ่องเต้ก็ยังตกใจไม่แพ้กัน เขาตกใจจนคิดว่าตัวเองอาจจะได้ยินอะไรผิด ”เจ้าว่าอะไรนะ!”
“มีกองกำลังทหารกบฏจากนอกวังบุกเข้ามาพ่ะย่ะค่ะ…”
“หุบปาก!” ฮ่องเต้ขัดขึ้นก่อนที่ขันทีเกาจะทันได้พูดจบ เสียงของฮ่องเต้เต็มไปด้วยความเย็นชา มิหนำซ้ำยังฟังดูดุร้ายยิ่งนัก ”เป็นไปไม่ได้! วังหลวงแห่งจักรวรรดิจ้านหลงของข้าจะถูกบุกรุกง่ายๆ ได้อย่างไร?!”
“แต่…” นั่นเป็นสิ่งที่ขันทีเกาได้ยินมา!
เมื่อผู้อาวุโสอู่เห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ เขาจึงก้าวออกมาแล้วเอ่ยว่า ”ฝ่าบาท ในเมื่อขันทีเกากล่าวเช่นนั้น มันก็คงเป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ เสียงที่ดังอยู่ข้างนอกนั่นล้วนแต่เป็นเสียงอาวุธปะทะกันจริงๆ”
“อืมๆๆ!” ขันทีเกาพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีกเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร
ฮ่องเต้หรี่ตาลงอย่างไม่เป็นมิตร เขาสะบัดมือและกวาดเอาถ้วยชาทุกใบร่วงลงกับพื้น!
“ใคร?! ใครกันที่กล้าดีถึงเพียงนี้!”
ผู้อาวุโสอู่ก้มหน้าลง ”กระหม่อมก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะว่าคนคนนั้นเป็นใคร แต่ก็ถูกอย่างที่ฝ่าบาทตรัสว่า วังหลวงมีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา มีห้องและตำหนักมากมายนับไม่ถ้วน ยิ่งกว่านั้นเราก็ยังมีกองทหารรักษาพระองค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิจ้านหลงอารักขาอยู่หน้าตำหนักเจาหยาง กองกำลังทหารกบฏธรรมดาๆ พวกนั้นย่อมไม่สามารถฝ่ามาถึงที่นี่ได้ในสถานการณ์เช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ พวกเขาคงถูกกวาดล้างก่อนจะทันได้ก้าวขาข้ามพ้นประตูเข้ามาด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อพวกเขาเข้ามาได้ เช่นนั้นย่อมสามารถพิสูจน์ได้เรื่องหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ นั่นคือต้องมีใครบางคนในตำหนักเจาหยางแห่งนี้ร่วมมือกับกบฏพวกนั้นอยู่เป็นแน่!”
“ผู้อาวุโสอู่หมายความว่า…” ฮ่องเต้ผุดลุกขึ้น ริมฝีปากของเขาซีดเผือด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เขากวาดตามองทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรง ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ”มีใครบางคนกำลังวางแผนจัดการข้าหรือ”
ผู้อาวุโสอู่ตอบอย่างเคารพว่า ”กระหม่อมเพียงแค่คาดเดาเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ เพราะการพูดถึงเรื่องนี้ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง กระหม่อมไม่กล้าใส่ความผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่กระหม่อมต้องการตรวจสอบให้แน่ใจ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสอู่ก็เงียบไป เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กลับส่งสายตามองไปทางไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
ขายาวของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไขว่ห้างเข้าหากัน ความสง่างามและเย็นชายังคงปรากฏอยู่บนใบหน้านั้น ใบหน้าด้านข้างของเขานั้นงดงามราวกับภาพวาด เขาดูเหมือนไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกเลยแม้แต่นิดเดียว
ฮ่องเต้ก็มองเขาอยู่เช่นกัน เขาละสายตาออกมา แล้วหันกลับไปมองผู้อาวุโสอู่ ”ผู้อาวุโสอู่ พูดออกมาตามตรงเถอะ”
“กระหม่อมได้ยินข่าวลือมาว่ามีคนเห็นองค์ชายสามเร่งสั่งตัดฉลองพระองค์ชุดใหม่อยู่ ผ้าที่ใช้ตัดเป็นผ้าไหมสีทอง และยังปักกรงเล็บมังกรอยู่บนนั้นอีกด้วย” ผู้อาวุโสอู่กล่าวพลางเงยหน้าขึ้นมองฮ่องเต้ ”ฝ่าบาท ตามกฎระเบียบที่เหล่าบรรพบุรุษได้ว่าไว้ มีเพียงฝ่าบาทผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถสวมชุดที่ตัดมาจากผ้าไหมสีทองชุดนั้นได้ กระหม่อมเพียงแค่สงสัยเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะว่าเหตุใดองค์ชายสามจึงต้องเร่งสั่งให้คนของตนตัดเย็บชุดใหม่โดยเจาะจงว่าต้องเป็นสีนั้นด้วย”
ชุดผ้าไหมสีทองและมีกรงเล็บมังกรปักอยู่หรือ มันบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขากำลังก่อกบฏ! สีหน้าของฮ่องเต้เย็นชาขึ้นทีละน้อยระหว่างฟังคำพูดนั้น ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ของเหลวสีดำที่ทะลักออกมาจากดวงตาของเขาทำให้คนที่เห็นรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง ”อาเจวี๋ย เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร”
“ก็แค่เรื่องแต่ง” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตอบฮ่องเต้เพียงแค่สี่คำด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น นิ้วยาวของเขากำอยู่รอบถ้วยชา เขาดูใจเย็น แต่ทุกคนกลับรู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่อยู่ในตัวเขาได้
ก่อนที่ฮ่องเต้จะทันได้เอ่ยต่อ ผู้อาวุโสอู่ก็ตัดบทขึ้น เขาแสร้งทำเป็นยอมอ่อนข้อให้เพื่อประโยชน์ที่จะตามมา ”บางทีคนผู้นั้นอาจจะมองผิดก็ได้พ่ะย่ะค่ะ แต่มีข้ารับใช้เอ่ยถึงเรื่องนี้กันจริงๆ ดังนั้นกระหม่อมจึงต้องการสอบถามให้รู้ถึงที่มาที่ไปของมันพ่ะย่ะค่ะ หากองค์ชายไม่ถือสา กระหม่อมขอเสนอให้เราลองส่งคนไปตรวจสอบห้องบรรทมขององค์ชายสามดีหรือไม่ หากทำเช่นนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เราจะสามารถกำจัดข่าวลือไม่ดีเหล่านั้นไปได้ แต่ยังสามารถล้างมลทินให้กับองค์ชายสามได้อีกด้วย!”
“ผู้อาวุโสอู่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าความผิดข้อหาบุกรุกเข้าตรวจค้นห้องบรรทมขององค์ชายนั้นร้ายแรงเพียงใด” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยถามกลับอย่างเย็นชา
ผู้อาวุโสอู่หน้าหนาพอดู เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า ”กระหม่อมเพียงแค่เป็นห่วงชื่อเสียงของท่านเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย หากองค์ชายไม่มีของสิ่งนั้นอยู่จริง ท่านก็น่าจะยอมให้พวกเราตรวจสอบห้องของท่านเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์นี่พ่ะย่ะค่ะ”
“ทำตามที่ผู้อาวุโสอู่บอก” ฮ่องเต้มองไปทางไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เขากดเสียงลงต่ำจนฟังดูแทบจะไร้ความปรานี ”ทหาร ไปที่ตำหนักจิ่วฉง และค้นหาเสื้อคลุมสีทองที่ผู้อาวุโสอู่ว่ามา!”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!” ทหารจำนวนหนึ่งรับคำสั่งก่อนถอยออกไป
เสียงต่อสู้นอกท้องพระโรงยังคงดังขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ดวงตาของฮ่องเต้ดำทะมึนอย่างถึงที่สุด
ผู้อาวุโสอู่กลับรู้สึกมีความสุขอย่างมาก เขากำลังคิดว่าไม่ว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะฉลาดเพียงใด แต่เขาก็คงคาดไม่ถึงว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะถูกวางแผนมาไว้ล่วงหน้าแล้ว!
หนึ่งวันก่อนหน้านี้ เขาส่งคนนำเสื้อคลุมลายมังกรเข้าไปซ่อนไว้ในตำหนักจิ่วฉง จุดที่พวกเขาซ่อนมันเอาไว้อาจไม่สะดุดตานัก แต่ค้นหาเพียงเล็กน้อยก็สามารถหาเจอได้อย่างง่ายดาย!
เขาอยากเห็นจริงๆ ว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อเสื้อคลุมลายมังกรตัวนั้นถูกนำมาที่นี่!