องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 566 นางถูกพบเข้าซะแล้วสิ
หยวนหมิงมองออกไปไกลพร้อมกับเอ่ยว่า ”ด้านหลังของมันเป็นเส้นทางที่นำไปสู่โลกมนุษย์ แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องกำราบมันให้ได้เสียก่อน และต้องเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าของของมันรู้สึกตัว”
“หากว่ากันด้วยรสนิยมด้านความงดงามแล้ว เจ้าของของมันคงมีรสนิยมที่น่าสงสัยเอาการทีเดียว” ตอนอยู่ในยุคปัจจุบัน เฮ่อเหลียนเวยเวยเองก็มีสัตว์เลี้ยงเช่นกัน สุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟฟ์ที่นางเลี้ยงหน้าตาหล่อเหลากว่าเจ้าตัวที่อยู่ตรงหน้าเป็นไหนๆ อย่างน้อยสุนัขของนางก็ไม่ได้นอนน้ำลายไหลยืด
แต่ภารกิจนี้ถือว่าเป็นภารกิจสุดหินสำหรับเฮ่อเหลียนเวยเวยเลยก็ว่าได้ การประชันหน้ากับสุนัขสองหัวทำให้นางแทบไม่มีโอกาสลอบผ่านมันไปได้ง่ายๆ เพราะเมื่อหัวหนึ่งหลับ อีกหัวหนึ่งก็จะตื่นขึ้นมาระวังภัยทันที
แน่นอนว่าหยวนหมิงย่อมเข้าใจถึงความยากลำบากที่นางกำลังเผชิญอยู่ มันหัวเราะขึ้นเบาๆ ว่า ”แม่นาง คราวนี้เจ้าคิดที่จะทำอย่างไร คราวนี้เจ้าคงไม่สามารถหลบผ่านมันไปได้กระมัง”
“ถ้าข้าหลบไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะเผชิญหน้ากับมันตรงๆ” จากนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยิ้มออกมาพร้อมกับถามหยวนหมิงว่า ”เจ้าเคยได้ยินเรื่องคนสองบุคลิกหรือไม่”
หยวนหมิงยังคงงุนงง เขามองเฮ่อเหลียนเวยเวยก้าวออกจากกำแพงหิน นางปรากฏตัวขึ้นและหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของสุนัขสองหัวอย่างไม่กลัวเกรง
ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาเพียงพริบตาเดียว!
หัวที่ตื่นอยู่ของสุนัขตัวนั้นหันมาหาเฮ่อเหลียนเวยเวยทันที ดวงตาสีแดงของมันจับจ้องอยู่ที่นาง ก่อนจะคำรามขึ้นว่า ”กลิ่นหอมยิ่งนัก ข้าไม่ได้กลิ่นหอมน่ากินเช่นนี้มานานแล้ว!”
มันเข้ามาหาเฮ่อเหลียนเวยเวยพร้อมกับเอ่ยเช่นนั้น
หัวอีกหนึ่งข้างที่หลับสนิทอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาเช่นกัน ”เฮ้ย เจ้าทำอะไรอยู่ เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังนอนหลับอยู่”
“มีมนุษย์อยู่ที่นี่ และกลิ่นของนางก็หอมอร่อยยิ่งนัก”
“มนุษย์หรือ” มันเงยคอขึ้น แล้วมองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยดวงตาเป็นประกายราวกับไม่ได้กินเนื้อมาเป็นเวลานาน
“กลิ่นนางหอมดีมิใช่หรือ จับนางมาแบ่งกันดีกว่า!” หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นเพราะจะได้กินเฮ่อเหลียนเวยเวย!
แต่น่าประหลาดใจที่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับหัวเราะขึ้น ”เจ้าแน่ใจหรือว่าพวกเจ้าจะแบ่งร่างของข้ากันคนละครึ่ง เช่นนั้นคนที่ได้ร่างครึ่งบนของข้าไปคงโชคดียิ่งนัก เพราะครึ่งบนของข้ามีไขมันมากกว่าครึ่งล่าง”
“ข้าจะกินครึ่งบน!”
สุนัขสองหัวพูดขึ้นแทบจะพร้อมกัน
พวกมันจ้องหน้ากันอย่างดุร้ายหลังจากพูดจบ ไม่มีใครคิดที่จะยอมแพ้ใคร ”ข้าเป็นคนพบนาง ข้าควรจะเป็นคนแรกที่ได้กินสิ!”
“เจ้ากินก่อนก็ได้ แต่ต้องยกครึ่งบนให้ข้า” ในที่สุดการทะเลาะวิวาทระหว่างหัวสุนัขทั้งสองหัวก็เริ่มขึ้น พวกมันจ้องตากันด้วยสายตาดุดัน
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มอย่างเงียบๆ และตั้งใจว่าจะใช้โอกาสนี้วิ่งผ่านสัตว์ตัวนั้นไป
แต่ในเวลานั้นเอง น้ำเสียงที่นางคาดไม่ถึงก็ดังขึ้นขัดความตั้งใจนั้นเข้า
น้ำเสียงนุ่มนวลนั้นเอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า ”เจ้าใหญ่ เจ้ารอง พวกเจ้าช่างโง่เขลายิ่งนักถึงได้ไม่รู้ว่าตัวเองถูกหลอกเข้าเสียแล้ว!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยหันหน้าไปมองบริเวณที่แสงส่องลงมา
คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเด็กชายตัวน้อยหน้าตางดงาม เขาดูมีอายุราวห้าขวบเห็นจะได้
ในจำนวนเด็กที่เฮ่อเหลียนเวยเวยเคยพบมา นางไม่เคยเห็นเด็กคนไหนงดงามเท่าเด็กชายคนนี้มาก่อน นางสามารถเดาได้ว่าเด็กคนนี้จะต้องโตขึ้นกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามขยี้ใจสาวน้อยสาวใหญ่ทุกคนอย่างแน่นอน
บรรยากาศมั่นใจที่เขาแผ่ออกมานั้นเหมือนกับกำลังประกาศให้โลกรู้ว่าสาวงามทุกคนต้องเป็นของข้า แต่เขากลับคาบจุกนมเอาไว้ในปาก สวมสร้อยคอทำจากกระดูกไว้รอบคอ และถือขวานขนาดใหญ่เอาไว้ในมือ ขวานเล่มนั้นมีขนาดใหญ่กว่าตัวเขา แต่มันก็ไม่ได้ดูแปลกตาเท่าใดนักในยามที่ยกมันขึ้นมาพาดไว้บนบ่า เขามองเฮ่อเหลียนเวยเวยพร้อมกับหรี่ตาลงและทำจมูกฟุดฟิด ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมาแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าขนลุกว่า ”น่าสนใจ นี่มันกลิ่นของมนุษย์เป็นๆ นี่ ตอนนี้ข้าก็รู้แล้วว่าทำไมเจ้าใหญ่กับเจ้ารองถึงอยากได้เจ้านัก เจ้าจะยอมเสนอตัวให้สุนัขสองหัวด้วยความเต็มใจ หรือจะให้ข้าอัดเจ้าจนตายดี”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นคนรักเด็ก ทันทีที่เห็นเด็กชายหน้าตาน่ารัก นางก็ข่มความตื่นเต้นของตัวเองเอาไว้ไม่ไหว เฮ่อเหลียนเวยเวยวิ่งเข้าไปอุ้มเด็กชายขึ้นมากอดโดยไม่ถามความสมัครใจของเขา จากนั้นก็ลูบผมสีดำของเขาในทันที ”ทำไมเจ้าถึงมีปีกค้างคาวด้วยล่ะ”
“นั่นไม่ใช่ปีกค้างคาวเสียหน่อย!” เด็กชายรูปงามฉุนเฉียว จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยว่า ”เจ้า วางข้าลงเดี๋ยวนี้นะ!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยปล่อยมือจากเด็กชายอย่างรวดเร็ว
เด็กชายรูปงามหยิบกระจกขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋า แล้วรีบตรวจดูสภาพหน้าผมของตัวเองในกระจก จากนั้นเขาจึงถอนหายใจยาวออกมา ”โชคดีที่ผมไม่เสียทรง ข้ายังหน้าตาหล่อเหลาเช่นเคย”
มุมปากของเฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุก เด็กสมัยนี้หลงตัวเองกันหมดแล้วหรือ
“เฮ้ย เจ้าน่ะ!” เด็กชายรูปงามเอนตัวลงแล้วทับร่างของสุนัขสองหัวเอาไว้ เขานั่งไขว่ห้างแล้วถามว่า ”เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
เฮ่อเหลียนเวยเวยตอบอย่างใจเย็นว่า ”มีคนสร้างค่ายกลแล้วขังข้าเอาไว้ที่นี่”
“ค่ายกลหรือ” เด็กชายตัวน้อยถามพร้อมกับหรี่ตาสีอำพันของตัวเองลง ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา พร้อมกับมองไปที่นาง และกล่าวว่า ”เช่นนั้นเจ้าก็คือหนึ่งในลูกหลานของผู้ขับไล่วิญญาณร้ายสินะ แต่ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด เจ้ามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดนี่ แล้วเจ้ามาปรากฏตัวในงยุคโบราณได้อย่างไร”
ทันทีที่ได้ยินคำถามของเขา เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ตวัดสายตาขึ้นมองเขาทันที จากนั้นนางจึงตอบด้วยความมั่นใจดังเดิมว่า ”ข้าก็อยากถามผู้คุมกฎของยมโลกด้วยคำถามนี้เหมือนกัน ทำไมถึงส่งข้ากลับไปในสมัยโบราณ”
“หืม...” เด็กชายรูปงามใช้นิ้วลูบคางพร้อมกับเอ่ยว่า ”ข้าคงต้องตรวจสอบดูเสียแล้วว่าพวกเขาทำอะไรผิดตรงไหนหรือเปล่า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มแล้วบอกว่า ”ไม่จำเป็น ข้าออกจะชอบที่นั่นด้วยซ้ำ”
“จริงหรือ” เด็กชายรูปงามหัวเราะอีกครั้ง ก่อนจะขู่ว่า ”แต่ข้ายังไม่ทันอนุญาตให้เจ้าออกไปเลย ทำไมเจ้าถึงตัดสินใจเอาเองล่ะว่าจะได้ออกไปจากที่นี่ แม้จะเป็นเชื้อสายของผู้ขับไล่วิญญาณร้าย แต่อย่างไรเจ้าก็ต้องจ่ายค่าชดเชยที่มาหลอกเจ้าใหญ่กับเจ้ารองอยู่ดี”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้ว ”ข้าคิดว่าชายหนุ่มรูปงามอย่างท่านจะเป็นมิตรกว่านี้เสียอีก”
“เจ้าว่าอะไรนะ” ดวงตาของเด็กชายรูปงามเป็นประกายด้วยความดีใจ
เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดช้าๆ ว่า ”ข้าคิดว่าท่านจะเป็นมิตรกว่านี้เสียอีก”
“ไม่ ไม่ใช่ประโยคนั้น” เด็กชายรูปงามพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
มุมปากของเฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุกขึ้นอีกครั้ง ”ข้าคิดว่าชายหนุ่มรูปงามอย่างท่าน…”
“ช่างเป็นผู้หญิงที่สายตาเฉียบแหลมนัก!” เด็กชายรูปงามหยิบกระจกพกขึ้นมาชื่นชมใบหน้าของตัวเองอีกครั้ง แล้วบอกว่า ”การกังวลกับความหล่อของตัวเองทุกวันก็เป็นเรื่องที่ลำบากเช่นกัน”
เฮ่อเหลียนเวยเวยแสร้งยิ้มออกมา เด็กชายหลอกง่ายยิ่งนัก เขายังเป็นแค่เด็กแท้ๆ แต่กลับหลงใหลในหน้าตาตัวเองอะไรขนาดนี้!
“ทำไมเสี่ยวโกวถึงไม่ชอบเด็กที่ทั้งหล่อและรวยเช่นข้ากันนะ” เด็กชายย่อตัวลงแล้วเริ่มถอนขนสุนัขอย่างใจลอย ใบหน้ายับยู่ยี่ของเขาแสดงออกถึงความเสียใจ
ดวงตาของสุนัขสองหัวเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาเพราะถูกเด็กชายทรมาน พวกมันทนแบกรับความเจ็บนั้นอยู่เงียบๆ ไม่กล้าส่งเสียงบ่นหรือโอดครวญแต่อย่างใด
เฮ่อเหลียนเวยเวยถามขึ้นว่า ”เสี่ยวโกวคือใครหรือ” ผู้หญิงที่เขาหลงรักหัวปักหัวปำเช่นนี้คือใครกันแน่
“เพื่อนสนิทของข้า” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กชายทันทีที่เขานึกถึงคนที่ตัวเองรัก ”เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน”
เฮ่อเหลียนเวยเวยถึงกับนิ่วหน้า เส้นเลือดที่ขมับของนางเต้นตุบๆ นางถามว่า ”คนที่เจ้าชอบเป็นผู้ชายหรือ”