องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 567 แทนที่เวยเวย
“คนสองคนที่ไม่ได้เป็นเพศเดียวกันจะรักกันได้อย่างไร” เด็กชายรูปงามถามอย่างเด็ดเดี่ยว ”แต่เขากลับปฏิเสธที่จะยอมรับความรู้สึกตัวเอง เฮ้อ… เด็กหนุ่มรูปงามผู้นี้ตั้งใจทรมานข้าชัดๆ”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : …ดูเหมือนว่าเจ้าต่างหากที่เป็นคนทรมานเขา เจ้าอายุเท่าใดกันเชียว เจ้ายังเด็กเกินกว่าจะมัวมาทุกข์ใจกับชีวิตรักของตัวเองนะ! ข้าอยากเห็นเด็กผู้ชายคนนั้นชะมัด เขาช่างแข็งแกร่งจริงๆ ที่ไม่กลัวเจ้า
“ช่างเถอะ เห็นแก่ที่เจ้ามีสายตากว้างไกล ข้าจะให้รางวัลเจ้าก็แล้วกัน” เด็กชายรูปงามชี้ไปที่สุนัขสองหัวที่อยู่ในสภาพไม่น่ามองนักหลังจากถูกกลั่นแกล้ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า ”ถ้าเจ้าสามารถเอาชนะเจ้าใหญ่กับเจ้ารองได้ ข้าจะยอมให้เจ้ากลับโลกมนุษย์ แต่ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ ถ้าเจ้ายังเอาชนะเจ้าใหญ่กับเจ้ารองไม่ได้ เจ้าก็เอาชนะชายที่อยู่บนนั้นไม่ได้เช่นกัน ถ้าเจ้ากลับไป สุดท้ายก็ต้องตายกลับมาอยู่ดี ลำบากข้าต้องมาต้อนรับเจ้าในยมโลกนี่อีก”
เฮ่อเหลียนเวยเวยจ้องหน้าเขาพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า ”ตกลง”
“เช่นนั้นก็เริ่มได้เลย” เด็กชายรูปงามเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
ทันทีที่ได้ยินว่ามันจะได้กินเนื้อมนุษย์ สุนัขสองหัวก็ผุดลุกขึ้นมาอีกครั้ง มันเงื้อกรงเล็บขึ้นแล้วกระโจนเข้าใส่เฮ่อเหลียนเวยเวย!
เฮ่อเหลียนเวยเวยรวบรวมสมาธิมาไว้ที่สายตา ก่อนจะกระโดดขึ้นกลางอากาศ สายลมก่อตัวขึ้นกลายเป็นมวลอากาศที่เข้ามาโอบล้อมอยู่รอบตัวของเฮ่อเหลียนเวยเวยเอาไว้
แต่เกราะนั้นก็ไม่สามารถปกป้องนางจากสุนัขสองหัวได้ ทันทีที่มันอ้าปาก เปลวไฟอันร้อนแรงก็พุ่งตรงมาหานาง หมายจะเผานางให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
เฮ่อเหลียนเวยเวยเอี้ยวตัวหลบอย่างรวดเร็ว ก่อนดวงตาของนางจะเรืองแสงวาบ นางควบคุมให้สายลมช่วยพัดตัวนางหมุนกลับไปกลับมาจากซ้ายไปขวา การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง สุนัขสองหัวไล่สายตามองตามเงาของนางไม่ทันด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอะไรกับการจู่โจมนาง
“นางอยู่ทางซ้าย!”
“นางอยู่ทางขวา!”
สุนัขสองหัวทำตามสัญชาตญาณ มันกระโดดขึ้นในทิศทางตรงข้ามกัน พวกมันพุ่งไปทางซ้ายและขวาพร้อมกันอย่างสุดกำลัง และเผลอทำให้กล่องดวงใจของตัวเองบาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจ!
ความเจ็บปวดราวกับร่างฉีกขาดนั้นทำให้สุนัขสองหัวส่งเสียงร้องออกมาอย่างทรมาน หัวทั้งสองข้างถดกลับมาก่อนจะชนกันเข้าอย่างจัง และแล้วในที่สุดมันก็รู้สึกตาลายจนล้มลงไปกองกับพื้น
แต่พวกมันก็ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ พวกมันจิกเล็บลงไปกับพื้นเป็นสัญญาณบอกว่าพวกมันพร้อมที่จะลงมือจู่โจมอีกครั้ง
“พวกเจ้าทำให้ข้าขายหน้าชะมัด!” เด็กชายรูปงามยกขวานขึ้นด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็คว้าหัวของพวกมันกดลงกับพื้น เขาเงยหน้าขึ้นมองเฮ่อเหลียนเวยเวยพร้อมกับบอกว่า ”เจ้าหัวดีทีเดียวที่รู้จักใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของเจ้าใหญ่กับเจ้ารอง”
เฮ่อเหลียนเวยเวยข่มพลังปราณของตัวเองเอาไว้ แล้วตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า ”ข้าก็เลี้ยงสุนัขเหมือนกัน ไม่ว่าจะตัวใหญ่ขนาดไหน แต่อย่างไรสุนัขก็โง่เหมือนกันหมด” ในความคิดของนาง สุนัขสองตัวหัวนี้หัวทื่อเหมือนกับสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ไม่มีผิด
“ในเมื่อเจ้าชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่โลกมนุษย์ตามสัญญา” เด็กชายรูปงามบอกพร้อมกับยิ้มอย่างชั่วร้าย ”แต่ข้าไม่รับประกันว่าเจ้าจะได้กลับคืนสู่ร่างก่อนหน้านี้ ตราบใดที่ค่ายกลยังคงอยู่ ถ้าวิญญาณของเจ้ายังไม่สามารถกลับเข้าร่างได้ก่อนเที่ยงคืน ร่างของเจ้าจะถูกคนอื่นครอบครอง แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุด ถ้าเจ้าไม่สามารถกลับเข้าร่างเดิมได้ ทันทีที่พระอาทิตย์ขึ้น เจ้าจะถูกแสงแดดแผดเผาจนไหม้เป็นตอตะโก และจะไม่สามารถกลับมาเกิดใหม่ได้! เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเจ้ายังอยากกลับไปที่โลกมนุษย์อยู่หรือเปล่า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยตอบพร้อมรอยยิ้ม ”แน่นอน ที่นั่นมีคนรอข้าอยู่”
“เจ้าแน่ใจหรือว่าคนคนนั้นกำลังรอเจ้าอยู่จริงๆ” คำถามของเด็กชายฟังดูกำกวมอย่างไรพิกล จากนั้นเขาก็ลากสุนัขสองหัวไปไว้ด้านข้าง ก่อนจะใช้คางพยักเพยิดไปยังทางเดินที่หน้าตาเหมือนเตาผิง ”เดินตามทางนี้ไป แล้วเจ้าจะไปถึงโลกมนุษย์เอง”
เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตาก่อนเอ่ยเรียก ”หยวนเสี่ยวหมิง”
หยวนหมิงตอบด้วยเสียงอู้อี้ ”ไม่มีปัญหา เส้นทางนี้เชื่อมต่อกับโลกมนุษย์จริงๆ เด็กคนนั้นเป็นบุตรชายของราชานรก เขามีหน้าที่รับผิดชอบนรกในชั้นที่สาม อารมณ์ของเขายากจะคาดเดา แต่เขาก็ขึ้นชื่อว่าไม่เคยโกหกใคร ความจริงแล้วคำแนะนำสุดท้ายของเขาอาจจะมีประโยชน์กับเจ้าก็ได้ เพราะหลังจากกลับไปถึงโลกมนุษย์แล้ว เจ้าอาจจะไม่ได้กลับคืนสู่ร่างเดิมของตัวเองก็เป็นได้”
“เจ้ามักจะพูดอยู่บ่อยๆ ว่าเจ้าอ่านความคิดของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ออก” เฮ่อเหลียนเวยเวยหันไปมองเขา แล้วถามว่า ”เจ้าคิดว่ามีโอกาสที่เขาจะค้นพบค่ายกลนี้เข้าหรือเปล่า”
หยวนหมิงไม่ทันตั้งตัวกับคำถามนี้ เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า ”อาจมีสักเจ็ดส่วนจากสิบส่วน เขาทำตัวไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไปเท่าใดนัก”
“ข้าไม่เห็นด้วย ข้าคิดว่าน่าจะมีสักแปดส่วนด้วยซ้ำที่เขาจะสังเกตเห็นค่ายกลนี้เข้าแล้ว” เฮ่อเหลียนเวยเวยเบนสายตาออกไป แล้วเอ่ยต่อ ”พวกเราสัญญากันว่าจะดื่มด้วยกันคืนนี้ และเขาจะต้องกลับมาที่ห้องก่อนหน้านั้น ถ้าเขาไม่เห็นข้า เขาจะต้องรู้สึกสงสัยและเริ่มตรวจสอบเรื่องนี้ทันที แต่ว่า…”
หยวนหมิงขมวดคิ้ว ”แต่ว่าอะไรหรือ”
“บุตรชายของราชานรกบอกว่า…” นิ้วของเฮ่อเหลียนเวยเวยแข็งค้าง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกได้ถึงความเย็นที่ปลายนิ้วระหว่างที่เอ่ยออกมาเสียงเบาว่า ”ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้รอข้าอยู่ล่ะ…”
เสียงดังสนั่นก้องกังวานไปทั่วอากาศ
เปลวเพลิงที่อยู่กลางค่ายกลลุกโชติช่วงและทวีความร้อนขึ้นเรื่อยๆ
โลงศพไม้สีดำแกะสลักวางอยู่ข้างกองไฟ ร่างที่นอนอยู่ในนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฮ่อเหลียนเวยเวยที่สูญเสียวิญญาณของตัวเองไป
ชายในชุดสีขาวมองนางอยู่ นิ้วเรียวยาวของเขาสัมผัสกับเส้นผมที่อยู่ข้างหลังใบหูของนาง บนใบหน้าสมบูรณ์แบบนั้นมีรอยยิ้มรักใคร่เอ็นดูปรากฏอยู่ในระหว่างที่กล่าวว่า ”อีกไม่นาน เจ้าจะได้ลืมตาตื่นขึ้นมาเสียที…”
“คุณชาย” อวิ๋นปี้ลั่วเดินเข้ามาหาเขา ผมของนางยาวสยายอยู่ด้านหลัง นางดูแตกต่างไปจากปกติเพราะไม่ได้สวมชุดสีอ่อนอีกต่อไป วันนี้นางอยู่ในชุดสีแดงสดราวกับราชินี
ชายชุดขาวตวัดสายตามองนาง ก่อนใช้นิ้วสัมผัสใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างแผ่วเบา จากนั้นเขาจึงพึมพำอะไรบางอย่างออกมาด้วยเสียงที่ยากจะฟังออก พร้อมกับใช้ฟันกัดลงไปที่ปลายนิ้วของตัวเอง ชายหนุ่มใช้เลือดของตัวเองต่างหมึกวาดลงในยันต์ แล้วแปะมันลงบนร่างของอวิ๋นปี้ลั่ว
อวิ๋นปี้ลั่วตกใจ เพียงพริบตาเดียวใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไป ดวงตาเป็นประกายของนางพลันเปลี่ยนเป็นแจ่มชัด สันจมูกของนางสูงขึ้น ผิวพรรณของนางแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวเปล่งประกาย นางก้มหน้าลงครู่หนึ่ง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าของนางก็พลันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
แต่นั่นไม่ใช่ภาพที่น่าตกใจที่สุด สิ่งที่ชวนขนลุกที่สุดและทำให้ทุกคนต้องเสียวสันหลังก็คือใบหน้าใหม่ของอวิ๋นปี้ลั่วนั้นเหมือนกับใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยทุกประการ!
“ไปได้แล้ว” ชายชุดขาวเอ่ยขึ้นอย่างพอใจกับผลลัพธ์ ”เจ้าอยากได้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมาเป็นของตัวเองตลอดมิใช่หรือ ตอนนี้ใช้มารยาทั้งหมดที่เจ้ามีทำให้เขาตกหลุมรักเจ้าจนโงหัวไม่ขึ้นซะ หรือไม่อย่างนั้น อย่างน้อยก็ฝึกเขาให้เชื่องแค่วันนี้วันเดียวก็ได้ อย่าปล่อยให้เขามาทำลายแผนการของพวกเรา”
อวิ๋นปี้ลั่วมองเงาตัวเองในแม่น้ำก่อนหันไปบอกว่า ”แต่การทำภารกิจนี้โดยใช้ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวย มัน..”
“นี่เป็นทางลัดที่เจ้าจะได้เขามาเป็นของตัวเอง” ชายชุดขาวมองนางพลางเอ่ยต่อ ”จากสถานการณ์ปัจจุบัน เจ้าเองก็คงรู้ดีกว่าใครว่านอกจากเฮ่อเหลียนเวยเวยแล้ว เขาไม่มีวันชายตาแลหญิงใดอีก อดีตของเจ้าใช้กับเขาไม่ได้ผลในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้ามีแต่ต้องใช้ใบหน้านี้เท่านั้นจึงจะได้หัวใจของเขามาไว้ในกำมือ คืนนี้ทันทีที่เจ้าได้เขามา จากนี้ไปเขาจะตกหลุมรักแต่เจ้าเพียงผู้เดียว ถึงตอนนั้นเจ้าจะใช้หน้าใครก็ไม่สำคัญแล้วกระมัง”
อวิ๋นปี้ลั่วเม้มริมฝีปากพร้อมกับฟังคำพูดเกลี้ยกล่อมของชายคนนั้น นางดูเหมือนจะตัดสินใจได้ในที่สุด รอยยิ้มเศร้าหมองปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางตอนที่ตอบว่า ”แน่นอนว่ามันย่อมไม่สำคัญเจ้าค่ะ! หากไม่มีใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวย องค์ชายก็คงไม่มีวันชายตาแลข้าผู้อาภัพนี้ ถ้านางสามารถใช้ใบหน้านี้เสพสุขกับความรักใคร่ที่ชายคนนั้นมอบให้ได้ เช่นนั้นข้าก็ทำได้เหมือนกัน!”