องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 579 เวยเวยเป็นฝ่ายจูบฝ่าบาทก่อน
“แล้วก็…” เฮ่อเหลียนเวยเวยตอบพร้อมกับเงยหน้าขึ้น เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่าเราควรสบตากับอีกฝ่ายเพื่อแสดงความจริงใจในระหว่างการเจรจา ดังนั้นนางจึงทำเช่นนั้น แต่ทันใดนั้นสมองของนางก็พลันว่างเปล่า
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นก็จริง แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่แน่ใจว่านั่นคือเขาจริงหรือไม่
เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย ผมสีดำยาวระพื้น ดูงดงามเหนือมนุษย์
ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งห้อมล้อมอยู่รอบตัวเขา พวกนางเชิดหน้าชูคอ ตัวแทบติดกับบัลลังก์ของเขา ดูเหมือนแมลงเม่าบินเข้าหากองไฟ
เขากลับนั่งอยู่ในตำแหน่งสูงกว่าใครพลางมองเฮ่อเหลียนเวยเวยจากระยะไกล
ดวงตาของเขาเป็นดั่งถ้ำที่ไร้จุดสิ้นสุดและเต็มไปด้วยความชั่วร้ายอันน่าหวาดผวา หากได้มองมันแม้แต่เพียงครู่เดียวก็อาจติดกับและถูกความมืดนั้นกลืนกินเอาได้ ตาคู่นั้นดูเหมือนดอกม่านถัวหลัวที่เบ่งบานในยามเที่ยงคืน เสน่ห์อันงดงามชวนให้หลงใหลที่แผ่ออกมานั้นสามารถทำลายวิญญาณของคนคนหนึ่งได้เลยทีเดียว
ร่างกายของเขาเย็นเฉียบแตกต่างจากอุณหภูมิของมนุษย์ธรรมดา ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเขากำลังยิ้มอยู่หรือไม่ แต่กลับสามารถสัมผัสได้ถึงความโหดเหี้ยมที่อยู่บนริมฝีปากของเขาได้อย่างชัดเจน
แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเฮ่อเหลียนเวยเวย
น่าแปลกที่สิ่งที่สะท้อนอยู่ในหัวของนางอย่างต่อเนื่องกลับเป็นภาพเขานอนคว่ำอยู่ตรงหน้านาง ร่างกายของเขาอาบไปด้วยเลือด
อย่างที่นางบอกไปก่อนหน้านี้ นางยอมให้เขากลายเป็นปีศาจเสียยังดีกว่าปล่อยให้เขาตาย
ดังนั้นต่อให้นางจะโกรธเขามากเสียจนอยากอัดเขาสักหมัด เขาก็ยังดูน่ามองในสายตานางอยู่ดี
“แล้วอะไร” เสี่ยวขุยคำรามใส่เฮ่อเหลียนเวยเวย ”อย่าพูดจาไร้สาระ! ข้าไม่อยากตายอยู่ที่นี่กับเจ้าหรอกนะ!”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สนใจเสี่ยวขุยที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางเพียงแค่เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเท่านั้น แทนที่จะหวาดกลัวต่อการคุกคามจากสายตากดดันของชายบนบัลลังก์ ขายาวของนางกลับก้าวออกไปหาเขาทีละก้าวราวกับราชินีที่ไม่มีใครสามารถขัดขวางนางได้
ปีศาจทุกตนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง พวกมันมองหน้ากันพร้อมกับคิดว่าผู้หญิงคนนี้คงได้ตายอย่างแน่นอน! นางตายแน่! แน่เสียยิ่งกว่าแน่!
เฮ่อเหลียนเวยเวยเดินหน้าต่อโดยไม่สนใจเสียงอุทานจากรอบข้าง
นางเป็นคนสูงอยู่แล้ว แต่จุดเด่นที่งดงามที่สุดของนางก็คือขาเรียวสวยคู่นั้น ผิวขาวราวหิมะของนางขับเน้นให้นางดูงดงามยิ่งขึ้นไปอีก ใต้คิ้วสีน้ำตาลสูงของนางคือดวงตาหงส์อันน่าหลงใหลคู่หนึ่ง เฮ่อเหลียนเวยเวยเดินเข้าไปหาเขาอย่างเชื่องช้าขณะถือมีดสีเงินไว้ในมือขวา ที่มุมปากของนางมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น ผมยาวหยักศกสีเกาลัดของนางปัดผ่านใบหน้าขาวผ่องเป็นจังหวะสม่ำเสมอรับกับการเดินของนาง บนนิ้วของนางมีแหวนสีเงินส่องประกายแวววาว นางดูเหมือนกับตัวละครที่เดินออกมาจากหนังสือการ์ตูนขณะเดินเข้าไปหาไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทีละก้าว
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดในหมู่พวกเขา เขายังคงสง่างามแต่ก็เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เช่นเคย เขานั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างถือตัว พร้อมกับเผยฟันอันแหลมคมที่มีเลือดสดๆ บริเวณมุมปากออกมาให้เห็น
เขาส่งรอยยิ้มเสแสร้งให้กับเฮ่อเหลียนเวยเวยเมื่อนางขยับเข้ามาใกล้เขา
แม้ทุกคนจะคิดว่านางคงได้ตายด้วยน้ำมือขององค์ราชา แต่เรื่องกลับไม่เป็นเช่นนั้น แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับโน้มตัวเข้าไปหาเขา และวางมือทั้งสองข้างไว้บนบัลลังก์ก่อนก้มลงจูบเขาทันที!
เพียงชั่วพริบตา!
ดวงตาของทุกคนก็พลันเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง!
แม้แต่ชายชุดดำที่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดก็ยังตกใจ เขามองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างว่างเปล่า และส่ายศีรษะไปมาอย่างไม่เชื่อ!
นางจะต้องถูกนายท่านฆ่าแน่!
ไม่รอดแน่!
อ๊าก!
เขาไม่เคยเห็นมนุษย์ที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นนี้มาก่อน!
เขานึกถึงโศกนาฎกรรมตอนที่มีแม่มดนางหนึ่งพยายามเข้าหานายท่านครั้งล่าสุดขึ้นมา สุดท้ายแล้วเกิดอะไรขึ้นกับนางน่ะหรือ นางก็ถูกจับหั่นจนเป็นชิ้นๆ เลยน่ะสิ!
ชายชุดดำจับผมสีแดงยาวของตัวเองแน่น เขาไม่อยากเห็นภาพนั้นกับตาตัวเองอีกเป็นครั้งที่สอง!
บรรยากาศภายในท้องพระโรงตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีใครกล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว!
ท่ามกลางความเงียบนั้น จู่ๆ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกับหรี่ดวงตาสีเข้มของตัวเองลง เขาหัวเราะหนักมากทีเดียว เสียงหัวเราะของเขาเจือไปด้วยความชั่วร้าย
แน่นอนว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยย่อมรู้จักนิสัยใจคอของเขาเป็นอย่างดี นางคิดว่าเขาคงอยากคว้าสิ่งที่อยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาฟันนางให้ตายคามือแทบไม่ไหวแล้วกระมัง!
แต่หากไม่มีสิ่งใดที่นางสามารถทำได้อีก อย่างน้อยนางก็จะต้องประกาศสิทธิ์ของตัวเองให้ทุกคนได้เห็นหากจำเป็น
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่านางไม่ควรรุกหนักเกินไปนัก แต่ในขณะที่นางกำลังจะชักมือกลับ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับคว้าด้านหลังศีรษะของนางเอาไว้ แม้ริมฝีปากของเขาจะสัมผัสกับริมฝีปากของนาง แต่กลับไม่มีการจูบ จะมีก็แต่เพียงเสียงหัวเราะเย้ยหยันเท่านั้น
นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นไม้จันทน์เย็นๆ อันคุ้นเคยลอยอบอวลอยู่ที่ปลายจมูก เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้ว่าในเวลานี้นางจำเป็นต้องตอบสนองความต้องการของเขา
ดังนั้นนางจึงส่งยิ้มให้เขาและกล่าวว่า ”แล้วก็ ข้าต้องการบอกท่านว่าข้าชอบท่าน มากับข้าสิ ท่านจะว่าอย่างไร”
“การได้พบเจ้าทำให้ข้าเข้าใจคำสามคำที่มนุษย์อย่างพวกเจ้ามักพูดกันได้ในทันที” เขาใช้มือข้างที่ว่างไล้ไปตามลำคอเรียวของนางเบาๆ
เฮ่อเหลียนเวยเวยนึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบที่ดีจากเขา นางรู้สึกดีใจ ”สามคำนั้นคืออะไรหรือ”
“หาที่ตาย” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดและยิ้มชั่วร้าย พลางชำเลืองมองนาง เสียงของเขาค่อยๆ ผ่านเข้ามาในหูของนาง
เฮ่อเหลียนเวยเวยชะงักไปครู่หนึ่ง ช่างเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อสำหรับนางยิ่งนักที่เขายังคงปากคอเราะร้ายไม่เปลี่ยน แม้จะกลายเป็นอีกคนหนึ่งไปแล้วก็ตาม!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจ้องมองนาง สายตาฉายชัดว่าเขากำลังคิดว่าหลังจากนี้เขาควรจะจัดการนางอย่างไรดี
จากนั้นเขาจึงหันหน้าไปทางชายชุดดำด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง แล้วกล่าวว่า ”กิเลน พานางไปล้างตัวแล้วล่ามนางไว้ในกรงที่เจ้าเคยอยู่ ของเล็กๆ น่ารักอย่างนางย่อมเหมาะสมกับการถูกทรมานอย่างช้าๆ เป็นที่สุด”
กิเลนหรือ เฮ่อเหลียนเวยเวยหันหน้ากลับไปสบตากับชายชุดดำ ผู้ชายคนนี้คือกิเลนอัคคีหรอกหรือ
นางไม่เคยเห็นกิเลนอัคคีในร่างมนุษย์มาก่อน
ไม่แปลกใจเลยที่กิเลนอัคคีบอกว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะไม่มีวันลืมตาตื่นขึ้นมาอีกหากนางยังอยู่ในโลกนี้
เพราะสิ่งที่เรียกว่าเศษชิ้นส่วนวิญญาณนั้น แท้จริงแล้วก็คือหนึ่งในช่วงชีวิตที่เป็นอดีตของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั่นเอง
หากนางเลือกที่จะอยู่ในอดีต ในอนาคตคนคนนั้นย่อมไม่มีตัวตนอยู่…
ระหว่างที่เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ ผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวนางไม่ว่าจะเป็นปีศาจหรือเสี่ยวขุยจากโลกมนุษย์ต่างก็มองนางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความอิจฉา
ทำไมถึงต้องเป็นนาง?!
ผู้หญิงคนนี้มาจากไหนก็ไม่รู้!
พวกนางสัมผัสถึงพลังวิญญาณจากร่างของนางไม่ได้เลยด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำนางก็ยังเป็นผู้หญิงไร้สัมมาคารวะประเภทที่องค์ราชาเกลียดชังที่สุดอีกด้วย!
ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!
สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนจ้องเขม็งมายังเฮ่อเหลียนเวยเวย!
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับไม่รู้สึกถึงสายตาเหล่านั้นเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะนางกำลังตกใจหลังจากได้ยินไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเรียกชื่อกิเลนอัคคีออกมา
“เป็นอะไรไป เจ้าไม่ชอบที่ที่ข้าเตรียมให้หรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหัวเราะขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทางชั่วร้าย แต่ก็ยังสง่างาม
เฮ่อเหลียนเวยเวยมัวแต่คิดเรื่องอื่นอยู่ ดังนั้นนางจึงตอบเขาโดยไม่รู้ตัวว่า ”เปล่า แต่ท่านช่วยล่ามข้าไว้ในกรงที่ดีกว่านั้นได้หรือเปล่า ข้าไม่อยากรู้สึกเหมือนกับตัวเองถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม”
นิ้วของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชะงักไปเล็กน้อยเพราะเขาคิดว่านางจะปฏิเสธเขา จากนั้นริมฝีปากของเขาจึงโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม และกล่าวว่า ”ได้สิ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าย่อมเลี้ยงเหยื่อชั้นดีของตัวเองด้วยอาหารที่ดีที่สุดเสมอ” จากนั้นข้าก็จะฆ่าพวกมันทันทีที่ข้าเบื่อ…
“แล้วหลังจากนี้ท่านจะไปกับข้าได้ไหม” เฮ่อเหลียนเวยเวยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
อีกด้านหนึ่ง แม้นางจะดูน่าเบื่อ แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับไม่คิดว่าเจ้าตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าน่ารำคาญแต่อย่างใด นอกจากนั้นเขายังคิดเสียอีกว่าคืนนี้เขาจะนอนกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนเพราะกลิ่นของนางหอมมากทีเดียว…