องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 591 ข้าจะถูกขังอยู่ในแดนปีศาจไม่ได้เด็ดขาด
เฮ่อเหลียนเวยเวยอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปจูบเขา
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเผยรอยยิ้มมีเลศนัยออกมา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะชอบข้ามากจริงๆ”
“ข้าบอกไปแล้วว่าข้าชอบท่าน” เฮ่อเหลียนเวยเวยนวดท้องของตัวเอง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังได้ไหม ข้ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวาน ตอนนี้ข้าเริ่มปวดท้องขึ้นมานิดหน่อยแล้วสิ”
รอยยิ้มที่มุมปากของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหายวับไปกับตา “เจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวานหรือ”
“ใช่ ท่านจำไม่ได้หรือว่าข้าถูกขังอยู่แต่ในกรง” เวลาเพิ่งผ่านไปไม่นาน เขาคงยังไม่ได้ลืมเรื่องนี้หรอกใช่ไหม
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกะพริบตา แต่ไม่ได้ตอบอะไร เขาย่อตัวลงอุ้มนางขึ้นและใช้เสื้อคลุมขนสัตว์ของตัวเองคลุมนางไว้ อีกทั้งยังสั่งให้ข้ารับใช้นึ่งซาลาเปาเนื้อสิบสองลูกเตรียมไว้ให้นางด้วย
มุมปากของเฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุกขึ้นระหว่างที่มองซาลาเปาเนื้อ เขาทำเหมือนนางเป็นสัตว์อสูรกลืนเวหาอีกแล้ว เยอะขนาดนี้นี่เขาคิดว่าตัวเองกำลังเลี้ยงหมูอยู่หรือ
“เจ้าไม่ชอบกินหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสังเกตเห็นสีหน้าของนาง
เฮ่อเหลียนเวยเวยส่ายหน้า “เปล่า ข้าไม่ใช่คนเลือกกิน”
“สัตว์อสูรกลืนเวหาชอบซาลาเปาเนื้อเป็นที่สุด” ใบหน้าด้านข้างของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดูสง่างามยิ่งนัก “ถ้าเจ้าไม่ชอบ ข้าก็สามารถสั่งให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นให้เจ้าได้”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม “วันนี้ข้าจะกินเจ้านี่ก่อนก็แล้วกัน วันพรุ่งนี้ท่านค่อยเปลี่ยน ซาลาเปาเนื้อหอมกรุ่นเช่นนี้จะต้องอร่อยอย่างแน่นอน”
ระหว่างที่พูด เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยื่นมือเข้าไปในซึ้งนึ่ง แล้วหยิบซาลาเปาร้อนๆ ออกมาลูกหนึ่ง จากนั้นจึงส่งมันให้กับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย “ให้ท่าน”
“ปีศาจไม่จำเป็นต้องกินอาหาร” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมีสีหน้าเย็นชาไม่แยแส
“เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร” เฮ่อเหลียนเวยเวยชักมือกลับ แล้วกัดซาลาเปาเนื้อ แต่แล้วนางก็ต้องประหลาดใจเพราะไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่เพิ่งกล่าวว่าเขาไม่จำเป็นต้องกินอาหารกลับก้มหน้าลงมา และกัดอีกด้านหนึ่งของซาลาเปาลูกนั้นอย่างรวดเร็ว บางทีอาจจะเร็วกว่านางเสียอีก เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกได้ถึงลิ้นของเขาที่สัมผัสกับริมฝีปากของนางได้
“รสชาติดี” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเผยรอยยิ้มอันยากจะเข้าใจออกมา
กิเลนอัคคีที่มองภาพนั้นอยู่ด้านข้างเงยหน้าขึ้นมองคานบนเพดานอย่างเงียบๆ ผู้เป็นนายของเขามีงานอดิเรกเป็นการจีบเหยื่อของตัวเองตั้งแต่เมื่อใด… ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก!
แต่กิเลนอัคคีไม่รู้ว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทำเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่านี้ลงไปแล้ว และเรื่องนั้นคือการที่เมื่อคืนนี้เขาเพิ่งซื้อถุงยางอนามัยกลับมาที่วังปีศาจนั่นเอง
“นาย นายท่านขอรับ... สิ่งที่ท่านถืออยู่คืออะไรหรือขอรับ” แน่นอนว่ากิเลนอัคคีย่อมรู้ว่าของสิ่งนั้นคืออะไร มันดูไม่เหมาะจะอยู่ในมือของนายท่านเลยแม้แต่น้อย! เขาเคยบอกว่าเกลียดเรื่องแบบนี้มิใช่หรือ
ริมฝีปากบางของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโค้งเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ให้คำตอบกับมัน เขากลับมองไปที่ชิงหลงซึ่งอยู่ข้างๆ แทน “ข้าได้ยินมาว่ามนุษย์ผู้หญิงถือเรื่องพรหมจรรย์เป็นสำคัญ”
ชิงหลงเป็นคนฉลาด มันเข้าใจได้ในทันทีว่าผู้เป็นนายกำลังคิดอะไรอยู่ มันพยักหน้าและเอ่ยว่า “ผู้หญิงในโลกมนุษย์จะอุทิศพรหมจรรย์ของตนให้กับผู้ชายในวันแต่งงานเท่านั้นขอรับ เมื่อได้ชายใดเป็นสามีแล้ว พวกนางจะซื่อสัตย์ภักดีและไม่คิดถึงชายคนใดอีก เว้นเสียแต่ว่าหญิงผู้นั้นจะมีชายคนอื่นที่นางรักอย่างสุดหัวใจอยู่ แต่หากไม่มี เพียงแค่การแต่งงานและเรื่องพรหมจรรย์ก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอให้พวกนางอยู่ต่อแล้วขอรับ”
“มันจะดีพอก็ต่อเมื่อนางเต็มใจที่จะอยู่เองเท่านั้น” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยขยำถุงที่อยู่ในมือ “เจ้าทั้งสองจงไปที่โลกมนุษย์ และสอบถามดูให้รู้ว่าพิธีแต่งงานของที่นั่นจัดกันอย่างไร”
“ขอรับ” ชิงหลงและกิเลนอัคคีเดินออกไปด้วยความเคารพ แต่ในใจของพวกเขากลับไม่ได้สงบนิ่งเหมือนภายนอก
พวกเขาติดตามรับใช้นายท่านมาอย่างน้อยก็หนึ่งร้อยปี
นับตั้งแต่วันที่แดนปีศาจถูกสร้างขึ้น พวกเขาก็ไม่เคยเห็นนายท่านสนใจเด็กสาวคนใดมากถึงเพียงนี้มาก่อน
พวกเขาคิดว่านายท่านคงไม่มีวันแต่งงานไปชั่วชีวิต และคงมีชะตากรรมให้ต้องอยู่เพียงลำพังไปตลอดกาล
ไม่มีใครคิดเลยว่าเขากำลังคิดที่จะจัดพิธีแต่งงานจริงๆ…
แต่เจ้านายของพวกเขาก็ไม่เคยมีเมตตาต่อเหยื่อของตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร เขาอาจจะทำเช่นนี้เพราะแค่ต้องการทำให้คุณหนูเวยเวยอยู่ที่แดนปีศาจต่อก็เป็นได้
แต่… นายท่านคิดที่จะใช้ถุงพวกนั้นจริงๆ หรือ
ด้วยความที่สัตว์อสูรอย่างเขาไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาก่อน กิเลนอัคคีจึงยังรู้สึกขัดเขินกับเรื่องนี้อยู่
วันรุ่งขึ้นคือวันคัดเลือกราชินีของแดนปีศาจ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั่งอยู่บนบัลลังก์ระหว่างฟังเสียงซุบซิบนินทาจากบรรดาปีศาจไปพร้อมกัน เขาหมุนแหวนหยกดำบนนิ้วหัวแม่มืออย่างไม่สนใจไยดีพลางยกมือข้างซ้ายขึ้นเท้าคางโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ข่าวนี้มาถึงหูของเสี่ยวขุยอย่างรวดเร็ว นางรีบไปหาหนีเฟิ่งทันทีที่รู้ข่าว “พี่หนี ท่านรู้เรื่องนี้หรือไม่เจ้าคะ การคัดเลือกราชินีจะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากนั้นข้ายังได้ยินเรื่องอื่นมาจากสัตว์อสูรพวกนั้นอีกด้วยเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่าคนที่ไม่ได้รับเลือกจะถูกส่งตัวกลับ พี่หนี ท่านอยากไปจากที่นี่หรือไม่เจ้าคะ”
มือของหนีเฟิ่งที่ถือยาอยู่สั่นเล็กน้อย คนที่ไม่ได้รับเลือกจะถูกส่งตัวกลับหรือ
ไม่ นางไปจากที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด!
“เสี่ยวขุย ไปสืบดูว่าช่วงนี้องค์ราชากำลังทำอะไรอยู่” หนีเฟิ่งคิดว่าเขามีท่าทีเย็นชากับนางเกินไป แม้เขาจะปฏิบัติกับนางเป็นอย่างดี แต่เขาก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นต่อหน้านางเลย
เสี่ยวขุยกัดริมฝีปาก “พี่หนีเจ้าคะ ข้าเข้าไปที่วิหารแห่งแสงสว่างไม่ได้ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นขึ้นเจ้าค่ะ ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ข่าวอะไรมามากกว่านี้เลย”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น หนีเฟิ่งก็กำผ้าห่มแน่น มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร
มิใช่ว่าองค์ราชาไปที่คุกแห่งนั้นแล้วหรอกหรือ
ข้าควรรอต่ออีกสักนิด มันยังพอมีเวลาอยู่…
อันที่จริงนั้นคนที่กำลังจะหมดเวลาคือเฮ่อเหลียนเวยเวยต่างหาก ตอนที่นางมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่กำลังอาบน้ำให้นางอยู่ มีหลายครั้งทีเดียวที่นางอยากวางยาสลบเขา แล้วลักพาตัวเขากลับไปที่โลกมนุษย์เสีย
แต่เมื่อคิดดูให้ดี มันเป็นแผนการที่โง่เง่าสิ้นดี
คนอย่างฝ่าบาทคงรู้อยู่แล้วด้วยซ้ำว่านางคิดที่จะทำอะไรก่อนที่นางจะทันได้ขยับมือเสียอีก
“หืม นั่นคืออะไรหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองวัตถุสีดำสนิทที่อยู่ในมือเขา หน้าตาของมันเหมือนสายวัดตัวไม่มีผิด
เสียงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยฟังดูเหมือนไม่สนใจขณะเอ่ยคำพูดนั้นออกมา “มงกุฎราชินี”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเพิ่งสังเกตเห็นอัญมณีสีดำและขนของปีศาจที่รวมตัวกันเป็นช่ออยู่บนวัตถุสีดำสนิทนั้นได้ก็ในตอนนี้นี่เอง เครื่องประดับชิ้นนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศอันสง่างามไม่เหมือนใคร
มงกุฎราชินีหรือ
เขาคิดจะแต่งตั้งนางเป็นราชินีปีศาจหรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยคงยินดียิ่งนักหากเรื่องนี้เกิดขึ้นในสถานการณ์อื่น
แต่ทันทีที่นางเห็นมงกุฎนั้น เสียงของกิเลนอัคคีก็พลันปรากฏขึ้นในใจของนางราวกับว่ามันดังมาจากต่างมิติ “อย่าสวมมันเด็ดขาด มิฉะนั้นท่านจะถูกขังอยู่ในแดนปีศาจไปตลอดชีวิต”
ถูกขังอยู่ในแดนปีศาจไปตลอดชีวิตหรือ
หมายความว่านางจะกลับไปไม่ได้หรือ
ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยซีดเผือด นางปัดมงกุฎที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกำลังส่งให้ลงกับพื้นโดยไม่คิด
เคร้ง!
อาจเป็นเพราะวังปีศาจเงียบเกินไป เสียงนั้นจึงดังเสียดหูยิ่งนัก
มงกุฎราชินีนอนนิ่งอยู่บนพื้นหินอ่อนสีดำไร้รอยฝุ่น อัญมณีที่ฝังอยู่ในนั้นสะท้อนแสงเย็นยะเยือก
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใบหน้าของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยคงดูไม่ดีนัก
นางรู้สึกได้ถึงความเย็นที่วิ่งผ่านลงมาตามลำคอ และสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาได้อย่างชัดเจน…