องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 597 ชิ้นส่วนวิญญาณชิ้นที่สอง
อากาศหนาวจัด มันหนาวจนสามารถมองเห็นได้แม้กระทั่งลมหายใจของตัวเอง ภูมิประเทศปกคลุมไปด้วยฤดูหนาวและพื้นที่สีขาวที่กว้างใหญ่ไพศาล
เฮ่อเหลียนเวยเวยยืนอยู่ตรงกลางที่แห่งนั้น นางรู้สึกสับสนเล็กน้อย ที่นี่คือ… วังหลวงหรือ
เกล็ดหิมะโปรยปรายลงรอบกายนางอย่างนุ่มนวล พวกมันเต้นรำอยู่ในลมเหนือที่พัดมา ก่อนตกลงบนขั้นบันไดหินอ่อนราวกับดอกปุยฝ้าย มองเห็นเหล่านางกำนัลและขุนนางเดินไปมาอยู่ในวังหลวง
ที่นี่คือวังหลวงจริงๆ
แต่คำถามก็คือ ทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่ได้
นางกลับมาที่โลกปัจจุบันแล้วหรือ
ไม่ เป็นไปไม่ได้!
ตามคำกล่าวของกิเลนอัคคี หลังจากที่นางรวบรวมเศษชิ้นส่วนวิญญาณได้สำเร็จ นางจะถูกส่งตัวมายังสถานที่ที่มีเศษชิ้นส่วนวิญญาณชิ้นถัดไปอยู่
เฮ่อเหลียนเวยเวยก้มลงมองมงกุฎที่อยู่ในมือแล้วกำมันแน่น นางยังจำภาพของคนคนนั้นตอนที่เขาหันกลับมาเป็นครั้งสุดท้ายได้
ให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรเป็น…
เฮ่อเหลียนเวยเวยเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังประโยคนั้นได้เป็นอย่างดี แต่เพราะว่านางเข้าใจมันดี หัวใจของนางถึงได้เจ็บปวดจนนางรู้สึกแย่ถึงเพียงนี้
นิ้วของนางกำเข้าหากันราวกับพยายามข่มกลั้นอารมณ์เหล่านั้น เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง สายตาของนางก็กลับมาแจ่มชัดดังเดิม
ในเมื่อที่นี่คือที่ที่มีเศษชิ้นส่วนวิญญาณอยู่ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็น่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งใกล้ๆ นี้เช่นกันมิใช่หรือ
แต่ข้าจะหาตัวเขาได้จากส่วนไหนของวังหลวง
อีกอย่าง ทำไมมันถึงได้เงียบขนาดนี้ล่ะ
นางเคยไปตำหนักเย็นมาก่อน แต่มันก็ยังไม่เหมือนกับที่นี่
แต่นอกจากตำหนักเย็นแล้ว ยังมีตำหนักอื่นอีกหรือที่มีนางกำนัลเพียงไม่กี่คนเหมือนอย่างที่นี่
เฮ่อเหลียนเวยเวยก้าวเท้าออกไปแล้วผลักประตูบานหนึ่งเปิดออก แสงสว่างเจิดจ้าจนแทบทำให้ตาบอดสาดส่องลงมาบนใบหน้าของนางในทันใด
เฮ่อเหลียนเวยเวยยกมือขึ้นบังตาตัวเองโดยสัญชาตญาณ
นางมองไปทางด้านซ้ายอันเป็นทิศทางของแหล่งกำเนิดแสงนั้น
นางหรี่ตาลงอย่างระวังเพราะดวงตาของนางยังไม่ชินกับแสงสว่างนั้น
แต่สิ่งเดียวที่นางเห็นกลับเป็นร่างของคนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ท่ามกลางลำแสงสีทองเจิดจ้า
ร่างนั้นตัวเล็กเพียงนิดเดียว
ดังนั้นตอนแรกเฮ่อเหลียนเวยเวยจึงคิดว่าเป็นเจ้าเจ็ด
แต่เมื่อร่างนั้นเดินเข้ามาใกล้ นางก็ตระหนักได้ว่านั่นไม่ใช่เจ้าเจ็ด
คนคนนั้นสวมชุดสีดำ อีกทั้งยังมีเสื้อคลุมหนาหนักพาดอยู่บนไหล่
มันเป็นเสื้อคลุมประเภทที่ว่าคงดูแปลกตายิ่งนักหากคนที่สวมมันอยู่เป็นเด็กคนอื่น แต่มันกลับดูเข้ากับเด็กชายคนนี้อย่างน่าประหลาด
คิ้วและดวงตาคมกริบของเขาดูราวกับจะสามารถผ่าค่ำคืนออกได้เป็นสอง ดวงตาของเขาไม่ได้เย็นชาหรือเย้ยหยัน มันเพียงแค่ดูปราศจากอารมณ์ใดๆ
เขาดูเยือกเย็น แต่ก็มีบรรยากาศของผู้นำอันยากจะหลีกเลี่ยง
แม้จะมีเลือดซึมออกมาจากระหว่างนิ้ว แต่เด็กชายก็ดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงมันแม้แต่น้อย เขาเดินตัวแข็งทื่อจนกระทั่งสังเกตเห็นเฮ่อเหลียนเวยเวย ดวงตาเยือกเย็นของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาสุดขั้วทันที
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรูจากเขา แต่นั่นกลับไม่ใช่สิ่งที่ทำให้นางตกใจ เพราะเด็กคนที่ว่านี้… หน้าตาเหมือนองค์ชายสามขนาดย่อส่วนไม่มีผิด!
เฮ่อเหลียนเวยเวยยืนนิ่งอยู่กับที่ นางรู้สึกคุ้นเคยกับภาพตรงหน้าแม้ว่ามันจะไม่เคยเกิดขึ้นเลยก็ตาม
ตอนที่นางถูกขังอยู่ในค่ายกล หนีเฟิ่งพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อทำให้นางรู้เกี่ยวกับอดีตของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่มือของเขาเท่านั้น แต่แม้กระทั่งแผ่นหลังก็อาจจะเต็มไปด้วยรอยแผลจากเข็มที่มารดาผู้โหดร้ายของเขาทิ้งไว้ก็เป็นได้
อย่างเดียวที่ต่างออกไปจากสิ่งที่เฮ่อเหลียนเวยเวยเคยเห็นในความฝันก็คือตอนนี้เด็กชายที่อยู่ตรงหน้านางมีตัวตนอยู่จริงๆ เขาดูมีตัวตนอยู่จริงๆ จนนางสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่อยู่ในดวงตาคู่นั้นทั้งที่นางไม่ได้อยู่ใกล้เขาเลยแม้แต่นิดเดียว!
หมายความว่าครั้งนี้เศษชิ้นส่วนวิญญาณก็คือองค์ชายสามในวัยเด็กหรือ
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกสับสนเล็กน้อย
หลังจากสบตากันครั้งแรก เด็กชายก็ไม่ได้หันมองนางอีก เขาเดินหายเข้าไปในประตูตำหนักแห่งหนึ่งพร้อมกับใช้มือซ้ายกุมแขนขวาของตัวเองเอาไว้
เฮ่อเหลียนเวยเวยตามเขาไปโดยไม่เสียเวลาคิดเป็นหนที่สอง ที่นี่เงียบกว่าตำหนักอื่นจริงๆ นี่อาจจะเป็นตำหนักที่เขาเคยอยู่ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่นางจะไม่รู้สึกคุ้นเคยกับมัน…
ซ่า!
ในบ่อน้ำเก่าๆ มีถังไม้วางอยู่ถังหนึ่ง ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยในวัยเด็กเริ่มดึงเชือกที่ผูกมันเอาไว้เพื่อนำถังน้ำขึ้นมา
แต่การใช้แค่มือซ้ายก็เจ็บปวดเกินไป จึงย่อมส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเขา
เขากำลังคิดที่จะยอมแพ้
ตอนนั้นนั่นเองที่มือเรียวสวยคู่หนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาโดยไม่คาดคิด ถังไม้ถูกดึงขึ้นมาด้วยการชักมือเพียงครั้งเดียว
เมื่อไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหันกลับไป สิ่งที่เขาเห็นก็คือรอยยิ้มอันอ่อนโยนบนใบหน้าของสตรีนางหนึ่ง
เขาเคยเห็นใบหน้านี้มาก่อน มันเป็นใบหน้าของผู้หญิงที่จู่ๆ ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้คนนั้นนั่นเอง
“ข้าไม่ได้คิดที่จะถากถางอะไรเจ้า ไม่ต้องมาทำดีกับข้า” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยผลักนางออกและเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เดิมทีเฮ่อเหลียนเวยเวยคิดว่าองค์ชายในวัยเด็กจะรับมือได้ง่าย แต่ดูเหมือนว่าเด็กชายผู้ซับซ้อนและดื้อรั้นที่อยู่ต่อหน้านางดูจะรับมือได้ยากที่สุด
ท่าทางตอนเขาดื่มน้ำดูสูงส่งยิ่งนัก
การวางตัวของเขาดูสูงศักดิ์อย่างมาก แต่เขาก็ยังเด็กนัก! เขาดูเหมือนเพิ่งจะอายุได้เพียงแค่เจ็ดแปดขวบเท่านั้น
ทำไมเขาถึงทำเหมือนตัวเองกำลังถ่ายทำภาพยนตร์มูลค่าเหยียบล้านอยู่เลยล่ะ
ยิ่งกว่านั้น ขนตาของเขาก็ยังทั้งยาวและงอนสวย พวกมันเป็นสีดำเหมือนน้ำหมึก
เฮ่อเหลียนเวยเวยยื่นมือออกไปสัมผัสตัวเขา รูปลักษณ์อันงดงามชวนมองนั้นดึงดูดนางได้เป็นอย่างดี นางไม่อาจต้านทานความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้…
เด็กชายชะงัก เขานึกไม่ถึงว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะทำเช่นนั้น จากนั้นดวงตาของเขาก็หรี่ลงอย่างดุร้ายราวกับแมว และเอ่ยถามว่า “เจ้าอยากเสียมือคู่นั้นไปรึ”
“ยังเด็กอยู่แท้ๆ ทำไมทำตัวใจร้ายถึงเพียงนี้เล่า” เฮ่อเหลียนเวยเวยตัดสินใจที่จะอบรมผู้เป็นสามีให้รู้เรื่องขณะที่เขายังเด็ก หลังจากนี้ตอนที่นางตามขอความรักจากเขา ทุกอย่างจะได้ง่ายขึ้น “ถ้าท่านเอาแต่ทำตัวใจร้ายอยู่เช่นนี้ ระวังจะไม่มีเพื่อนล่ะ”
“หืม อย่างนั้นหรือ…” สีหน้าชั่วร้ายอวดดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ในเวลาเดียวกัน ดวงตาคู่นั้นก็พลันเผยความเย็นชาออกมา
เฮ่อเหลียนเวยเวยตกใจกับสีหน้าของเขา นางจับมือติดจะอวบของเขาพร้อมกับถามว่า “ท่านคิดอะไรอยู่หรือ รอยยิ้มของท่านน่าขนลุกทีเดียว”
“ข้ากำลังคิดว่าจะฆ่าเจ้าอย่างไรดี” เด็กชายตอบอย่างไร้อารมณ์
เฮ่อเหลียนเวยเวยตัวแข็ง จากนั้นนางจึงใช้มือข้างหนึ่งดึงตัวเขาเข้ามาพร้อมกับกอดเขาแน่น แล้วถูใบหน้าเข้ากับเขา “อย่าทำตัวโหดร้ายกับผู้หญิงสิ ท่านควรเป็นสุภาพบุรุษให้มากกว่านี้ แต่ เอ่อ ท่านไม่ควรทำตัวเป็นสุภาพบุรุษกับผู้หญิงทุกคนนะ จำหน้าข้าไว้ แล้วเป็นสุภาพบุรุษกับข้าเพียงแค่คนเดียวก็พอ ไม่ต้องสนใจคนอื่นหรอก ท่านจะต้องจำหน้าข้าเอาไว้ให้ดีล่ะ เพราะในอนาคตท่านจะรักข้าไปจนวันตาย เข้าใจหรือเปล่า”
เด็กชายดูเหมือนจะโมโหกับการกระทำของนาง ใบหน้าของเขายิ่งดำทะมึน ผู้หญิงคนนี้ไม่กลัวตายหรือ ช่างพูดช่างจาเสียไม่มี ข้าไม่คิดว่าจะมีใครพูดมากไปกว่านางอีกแล้ว
แต่อ้อมกอดของนางก็อุ่นดีทีเดียว ดังนั้นตอนนี้ข้าจะยังไม่ทุ่มนางเข้ากับผนังก็แล้วกัน… เขาคิดกับตัวเองในใจอย่างชั่วร้าย แต่ทันทีที่ได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของนาง เขาก็อดเย้ยหยันขึ้นมาไม่ได้ว่า “ข้าน่ะหรือ ข้าจะรักเจ้าจนวันตายหรือ แม่นาง เจ้าฝันอยู่หรือเปล่า จะฝันกลางวันข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่ช่วยระลึกถึงอายุของตัวเองเอาไว้ด้วยเถิด ข้าไม่ได้ชอบผู้หญิงที่แก่แล้วอย่างเจ้า”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : …เขาไม่น่ารักเอาเสียเลย! เกิดมาก็ปากคอเราะร้ายเช่นนี้เลยหรือ ตามใจข้าสักครั้งแล้วจะตายหรืออย่างไร ตอนนี้ข้าอายุแค่สิบเจ็ดเองนะ! ข้ายังสาวอยู่เลยนะ!