องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 608 องค์ชายตัวน้อยไม่สบอารมณ์
เฮ่อเหลียนเวยเวย: …เขาเดาได้อย่างไร องค์ชายฉลาดเกินไปจริงๆ
แต่…
“ข้าจะไม่ไล่นาง” เด็กชายตัวน้อยนั่งอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาซีดเซียวและยังดูเหนื่อยอ่อนเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าเลิกก่อเรื่อง และเลิกออกไปข้างนอกตอนกลางคืนซะ โดยเฉพาะไปที่ตำหนักหลวนเฟิ่ง”
เมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยตระหนักได้ว่าเสียงของเขาเริ่มแหบลง นางก็ไม่พูดอะไรอีก แล้วหยิบก้อนสำลีที่ชุ่มด้วยเหล้าให้เขา
เด็กชายตัวน้อยคว้าข้อมือนางและหยุดการเคลื่อนไหวนั้นเอาไว้ เขาพูดอย่างดื้อรั้นยิ่งนัก “ให้สัญญากับข้า อย่าไปที่ตำหนักหลวนเฟิ่ง”
“ได้ ข้าให้สัญญา” แรงบีบนั้นทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกเจ็บ นางลูบศีรษะของเขาราวกับจะปลอบประโลม
เด็กชายตัวน้อยหลับตาลง แล้วซบหน้าผากเข้ากับไหล่ของนาง จากนั้นเด็กชายจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่า “ข้าปวดหัว”
นี่เขาอ้อนนางหรือ!
เขาต้องอ้อนนางอยู่แน่ๆ!
เฮ่อเหลียนเวยเวยก้มหน้าลงจูบที่ผมของเขา “เจ้ามีไข้สูง อีกสักพักก็คงหายปวดแล้ว ข้าขอถอดชุดเจ้าออกก่อนก็แล้วกัน”
“ทำไมเจ้าถึงได้พยายามถอดชุดข้าอยู่เรื่อยเลยล่ะ” เด็กชายตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมองนาง ดวงตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับ หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงใช้น้ำเสียงราบเรียบนั้นเรียกนางว่า “นังผู้หญิงโรงน้ำชา”
“เอาล่ะ ก็ได้ ข้ามันนังผู้หญิงโรงน้ำชา พอใจหรือยัง” เฮ่อเหลียนเวยเวยลูบผมของเขาพร้อมกับช่วยเขาถอดชุดออก
ในที่สุดเด็กชายก็ยอมให้ความร่วมมือ แต่คิ้วของเขากลับขมวดเข้าหากันขณะที่กำลังถอดชุดของตัวเองออก “ปากข้าไม่รู้รส”
“มันเป็นอาการปกติเวลาเจ้าเป็นหวัด” เฮ่อเหลียนเวยเวยขยับเข้าไปจูบที่มุมปากของเขา “ข้าจะต้มน้ำพุทราแดงให้เจ้าทีหลัง”
เด็กชายชะงัก จากนั้นจึงดึงผ้าห่มขึ้นปิดหน้าตัวเองอย่างช้าๆ อีกทั้งยังซุกศีรษะอยู่ใต้นั้นเสียด้วย ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มกลายเป็นสีแดงขณะพูดเสียงดังว่า “กำเริบเสิบสาน”
“ก็ได้ ข้ามันเป็นคนกำเริบเสิบสาน” เฮ่อเหลียนเวยเวยเกลี้ยกล่อมเขา จากนั้นจึงใช้ผ้าเช็ดตัวชุบน้ำอุ่นและวางลงบนหน้าผากของเขา
เด็กชายตัวน้อยหลับตาลง เขาดูไร้อารมณ์ สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงแค่กลิ่นอายอันน่าเกรงขามเท่านั้น “ในอนาคต เจ้าอย่าเที่ยวจูบใครต่อใครเช่นนี้ล่ะ”
เขาบงการนางอีกแล้วหรือ เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้วพร้อมกับใช้ก้อนสำลีเช็ดแขนให้เขาโดยไม่ตอบ
เด็กชายตัวน้อยลืมตาขึ้นมาหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง แล้วพูดเบาๆ ว่า “รับปากสิ”
“ข้ารับปาก” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มอย่างเกียจคร้าน ความต้องการเป็นผู้ควบคุมของเขารุนแรงมาตั้งแต่ยังเด็กเชียวหรือ เขานี่มันจริงๆ เลย…
เด็กชายตัวน้อยพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้าให้สัญญากับข้าแล้ว เจ้าก็ต้องทำตามนั้นด้วย ถ้าข้าเห็นเจ้าจูบคนอื่น เจ้าคงรู้ใช่หรือไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร”
“เป็นอย่างไรหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สนใจ เขายังเป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กๆ ที่ไม่มีทางทำอะไรนางได้
เด็กชายตัวน้อยมองนาง และตอบอย่างช้าๆ ว่า “ผลที่ตามมาก็คือ ข้าจะไม่มีวันกลับไปกับเจ้าเด็ดขาด”
เฮ่อเหลียนเวยเวยนั่งตัวตรงทันที “ข้าจะไม่จูบใครอีก ข้าจะไม่แตะต้องพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว!”
เด็กชายตัวน้อยดูจะพอใจกับท่าทางของนาง เขาจึงค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง “ถ้าเจ้าทำตัวดี ข้าจะให้รางวัลเจ้าในสองสามวันนี้”
“ตราบใดที่เจ้าสัญญาว่าจะกลับไปกับข้า แค่นั้นก็เป็นรางวัลที่ดีที่สุดสำหรับข้าแล้ว” เฮ่อเหลียนเวยเวยจับมือเขา นางหมายความตามนั้นจริงๆ
เด็กชายตัวน้อยชักมือกลับ “มันไม่ใช่รางวัลธรรมดา ข้าจะให้ที่อยู่กับเจ้า”
ที่อยู่หรือ เฮ่อเหลียนเวยเวยงุนงง
เด็กชายตัวน้อยหัวเราะด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าจะต้องชอบแน่”
“ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าก็จะตั้งตารอก็แล้วกัน…” ความจริงแล้วนางยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงจะให้ที่อยู่กับนาง เฮ่อเหลียนเวยเวยยื่นมือออกไปแล้วเปลี่ยนผ้าเช็ดหน้าให้กับเด็กชาย นางก้มลงมองเขาอีกครั้ง ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหันหน้าไปอีกทางเหมือนกำลังหลับอยู่
การเคลื่อนไหวของเฮ่อเหลียนเวยเวยเต็มไปด้วยความอ่อนโยน นางรู้ว่าเหล้ามีฤทธิ์ในการลดไข้ ดังนั้นนางจึงช่วยเช็ดนิ้วมือให้กับเขา
“ฝ่าบาท…” อวิ๋นปี้ลั่วยังคงยืนอยู่นอกประตู นางไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างใน แม้จะตะโกนเรียกอยู่หลายหนแต่นางก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา ดังนั้นนางจึงเพิ่มเสียงขึ้น
เฮ่อเหลียนเวยเวยลุกขึ้น แล้วเดินออกไปที่ประตู นางปิดประตูที่อยู่ด้านหลังแล้วมองเด็กผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านางด้วยสายตาเย็นชา
อวิ๋นปี้ลั่วไม่ได้สนใจนางเช่นกัน นางตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดังต่อไปว่า “ฝ่าบาทเพคะ!”
แต่นึกไม่ถึงว่านางจะถูกเฮ่อเหลียนเวยเวยหยิกต้นคอเอาไว้ แม้นางจะหยิกเบาๆ แต่มันก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร
เฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัว “น้องอวิ๋น ข้าเป็นคนความอดทนต่ำ ยิ่งเวลาที่ข้าได้ยินเสียงดังเช่นนี้ ความอดทนของข้าก็ยิ่งลดต่ำลง เวลาที่ข้าโกรธ ข้าย่อมรู้สึกอยากฆ่าใครสักคนขึ้นมา ฝ่าบาทกำลังหลับอยู่ อย่าให้มลภาวะทางเสียงที่เจ้าก่อนี้ไปรบกวนเขาได้ เจ้าอยู่เงียบๆ หน่อยดีกว่า เข้าใจหรือไม่”
อวิ๋นปี้ลั่วยังเป็นเด็ก แม้นางจะอยู่ในวังหลวงมานาน แต่นางก็ไม่เคยพบเจอผู้หญิงคนไหนที่ทำให้นางรู้สึกเสียวสันหลังวาบได้มาก่อน เวลานั้นนางหวาดกลัวจนตัวสั่น “ท่าน ท่าน…”
“ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องตกใจ” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองนางพร้อมกับรอยยิ้ม “เจ้าพยายามอย่างมากที่จะยั่วโมโหข้าเพราะเจ้าต้องการทำลายความสัมพันธ์ของข้ากับเขา เขาจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายคนที่อยู่รอบตัวเขาเด็ดขาด และเขาคงไม่พอใจถ้าข้าทำร้ายเจ้าเหมือนกัน นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้วันนี้เจ้ายังมีชีวิตอยู่” นางแตะใบหน้าของอวิ๋นปี้ลั่วเบาๆ “น้องอวิ๋น เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าจำได้หรือเปล่าว่าข้าบอกเจ้าว่าอย่างไร อย่าเล่นแง่กับเบื้องสูง แม้ข้าจะไม่ได้ลงโทษเจ้า แต่อาจมีใครคนอื่นลงมือกับเจ้าได้เหมือนกัน…”
หลังจากพูดในสิ่งที่ต้องพูดจบ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็คลายมือออก
อวิ๋นปี้ลั่วดูเหมือนคนวิญญาณออกจากร่าง ดวงตาของนางแดงก่ำ และริมฝีปากของนางก็ซีดเผือดในตอนที่นางทรุดลงกับพื้น ความรู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรงซัดเข้าใส่นางราวกับคลื่นอันเชี่ยวกราก ผู้หญิงคนนี้… นางรู้แม้กระทั่งสิ่งที่นางคิดอยู่ในใจ!
ในเวลานั้นอวิ๋นปี้ลั่วรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่ได้!
นางจะต้องนำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ไปเล่าให้ฝ่าบาทฟัง!
แต่ในวังหลวงแห่งนี้ ย่อมไม่มีใครสามารถเข้าไปในห้องบรรทมได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้านาย
ประตูไม้ตรงหน้านางปิดลงอีกครั้ง
มือที่กำแน่นของอวิ๋นปี้ลั่วเปลี่ยนเป็นสีเขียว นางเป็นเพียงแค่นางกำนัลคนหนึ่ง ฝ่าบาทไม่ได้บอกว่าเขาคิดที่จะไปเข้าเฝ้าฮองเฮาหรือไม่ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงแค่รออยู่ด้านนอกเท่านั้น
อากาศข้างนอกหนาวจัด มันหนาวเสียจนศีรษะของนางปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง
ดูเหมือนนางจะทนไม่ไหวอีกต่อไป อวิ๋นปี้ลั่วผลักประตูไม้เปิดออกอย่างแรง ดวงตาของนางแดงก่ำราวกับเพิ่งประสบความทุกข์อย่างมหันต์มา จากนั้นนางจึงคุกเข่าลงกับพื้น “ฝ่าบาท…”
เหมือนเขาจะตื่นขึ้นเพราะเสียงนั้น เด็กชายตัวน้อยลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นนั่งและก้มลงมองอวิ๋นปี้ลั่ว ใบหน้าเล็กๆ อันซีดเซียวดูไร้สีเลือด แต่มันก็ไม่อาจปิดบังบรรยากาศแห่งความสูงศักดิ์ที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยชะงักเล็กน้อยตอนที่อวิ๋นปี้ลั่วเข้ามา จากนั้นนางจึงหันไปต้มน้ำตาลทรายแดงต่ออย่างไม่สนใจ พร้อมกับใช้พัดที่อยู่ในมือพัดไฟไปด้วย
อวิ๋นปี้ลั่วกัดริมฝีปากบางแน่น นางหันหน้าไปมองเฮ่อเหลียนเวยเวย “พี่สาว ข้าทำอะไรผิดหรือเจ้าคะ ทำไมท่านถึงได้เกลียดชังข้าถึงเพียงนี้”