องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 618 เจ้าไม่ไปได้หรือเปล่า
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขาและเอ่ยว่า “เจ้าฆ่าเขาใช่ไหม”
เด็กชายตัวน้อยมองเฮ่อเหลียนเวยเวยเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะยกมือขึ้นปิดตาข้างซ้ายของตัวเองที่บาดเจ็บอยู่ เขาหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงติดจะเหน็บแนม “ถ้าเป็นข้าแล้วอย่างไร ทำไมหรือ เจ้าคงไม่เห็นว่าข้าเป็นองค์ชายตัวน้อยผู้น่ารักไร้เดียงสาที่มักถูกคนอื่นรังแกอีกแล้วใช่ไหม เจ้าเห็นข้าเป็นปีศาจชั่วร้ายใช่หรือเปล่าล่ะ สรุปว่าตอนนี้เจ้ากลัวข้าแล้วหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองดูมือเล็กๆ ข้างนั้นที่กุมผ้าขนหนูจนแน่น แล้วถอนหายใจยาว “ข้าก็แค่ถามเท่านั้น ข้าไม่ได้คิดอะไรมากนักหรอก แล้วที่สำคัญข้าก็ไม่เคยรู้สึกว่าเจ้าไร้เดียงสาเลยด้วย” คำว่า ‘ไร้เดียงสา’ ไม่เหมาะกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เขาส่องกระจกอยู่ทุกวัน ดังนั้นเขาควรจะรู้ว่าตัวเองดูเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือเพียงใด
เด็กชายตัวน้อยไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะได้รับคำตอบเช่นนั้นกลับมา ดังนั้นเขาจึงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนเริ่มพึมพำขึ้นมาเมื่อรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากมือของนาง “เจ้าไม่กลัวข้าจริงๆ หรือ”
“มีอะไรต้องกลัวหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยถามขณะหยิบผ้าขนหนูมาจากเขา “เลิกเช็ดมือได้แล้ว เดี๋ยวเลือดจะออกอีก เอาล่ะ เจ้ายังเด็กอยู่ คราวหน้าถ้าจะฆ่าใครก็ปล่อยให้ข้าเป็นคนลงมือดีกว่า”
เด็กชายตัวน้อยมองเฮ่อเหลียนเวยเวยพร้อมกับใช้นิ้วเรียวจิ้มเข้าที่หน้าผากของนางแล้วบอกว่า “คนโง่”
เฮ่อเหลียนเวยเวย : … เดี๋ยวนะ ขอข้าเปิดพจนานุกรมก่อน! ทำไมในสถานการณ์เช่นนี้เขาถึงไม่ซาบซึ้งกับการกระทำของนางแล้วรีบตามนางกลับไปล่ะ ทำไมเขาถึงใช้คำพูดโจมตีนางเช่นนี้แทนเสียล่ะ!
แต่เด็กชายก็ดูมีความสุขมาก เขาทานอาหารไปพร้อมกับยิ้มไม่หุบ “หลังจากนี้ตามข้าไปดูที่พักของเจ้ากัน เจ้าจะย้ายมันไปไว้ในห้องบรรทมวันพรุ่งนี้เลยก็ย่อมได้”
“อือ…” เฮ่อเหลียนเวยเวยตอบอย่างใจลอย นางไม่สนใจว่าตัวเองจะอยู่ที่ไหน นางเพียงแค่ต้องการพาเขากลับไปกับนางเท่านั้น
เมื่อทั้งสองมาถึงที่ด้านหลังภูเขา เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ตกตะลึงจนถึงกับพูดไม่ออก!
“นี่มัน…” นางต้องอยู่ในกรงจริงๆ หรือ
นอกจากนั้น สิ่งที่ถูกขังอยู่ในกรงนั้นก็ยังดูคุ้นตานางเหลือเกิน!
“กิเลนอัคคี ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้” ทันทีที่พูดจบ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็รู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งถามคำถามที่โง่ที่สุดออกไป กิเลนอัคคีจงรักภักดีต่อไป๋หลี่เจียเจวี๋ย มันย่อมปรากฏตัวขึ้นทุกที่ที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอยู่ อีกอย่าง มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่สาเหตุที่ทำให้ฮ่องเต้เสด็จออกมาตอนกลางดึกเช่นนั้นก็เพราะกิเลนอัคคี… เวลานี้ทุกอย่างช่างดูสมเหตุสมผล แต่เดิมนั้นสาเหตุที่กิเลนอัคคีไปปรากฏตัวขึ้นในวังหลวงก็คงเป็นเพราะได้รับคำสั่งจากไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั่นเอง
กิเลนอัคคีมีชีวิตยืนยาว ดังนั้นมันจึงเคยพบสตรีมานับไม่ถ้วน แต่มีเพียงแค่คนหรือสองคนเท่านั้นที่มันจำได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นหนึ่งในนั้น มันยังจำได้ว่าสมัยที่เฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่ในวังปีศาจ นางเป็นคนกล้าหาญเพียงใด…
แต่อายุขัยของมนุษย์มีจำกัด และเวลาก็ผ่านไปแล้วสองหรือสามร้อยปีเห็นจะได้ หน้าตาของนางยังดูเหมือนเดิมได้อย่างไร
“เจ้าเป็นมนุษย์หรือเป็นปีศาจ” นี่คือประโยคแรกที่กิเลนอัคคีพูดกับเฮ่อเหลียนเวยเวย
“พวกเจ้าสองคนรู้จักกันหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเลิกคิ้ว
“ขอรับ นายท่าน...” กิเลนอัคคีเล่าอดีตให้เขาฟัง
ไม่มีใครในพวกเขาสังเกตเห็นเลยว่ารอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเด็กชายค่อยๆ เลือนหายไปในขณะที่เขาฟังเรื่องราวเหล่านั้น
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้พูดอะไรเกินจำเป็น นางเอ่ยอย่างตรงประเด็นว่า “ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ เรื่องก็คงง่ายขึ้น ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าคงกำลังตามหาเศษชิ้นส่วนวิญญาณขององค์ชายอยู่ และเจ้าเองก็น่าจะจำด้ายแดงเส้นนี้ได้”
ระหว่างพูด เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยกมือข้างซ้ายขึ้น
กิเลนอัคคีตกตะลึง มันดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ทันทีที่เห็นด้ายแดงเส้นนั้น “ไม่แปลกใจเลยที่ข้าหามันไม่พบ… ฝ่าบาททิ้งเศษชิ้นส่วนวิญญาณไว้ในอดีตนี่เอง…”
“ใช่แล้ว” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มพร้อมกับหันหน้ามามองใบหน้าของเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างนาง นางลูบศีรษะของเขาและกล่าวว่า “ทีนี้เจ้าก็เชื่อได้แล้วใช่ไหมว่าข้าไม่ได้โกหกเจ้า”
แต่เรื่องไม่ได้เป็นไปตามที่นางคาดเอาไว้ เด็กชายตัวน้อยกลับเริ่มส่งเสียงหัวเราะต่ำๆ ออกมา “นี่คือสาเหตุที่เจ้าใจดีต่อข้าสินะ สำหรับเจ้าแล้ว ข้าก็เป็นเพียงแค่เศษชิ้นส่วนเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น”
เฮ่อเหลียนเวยเวยตกใจกับคำตอบของเขา “มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด”
“เช่นนั้นมันเป็นอย่างไร” เด็กชายตัวน้อยเคลื่อนสายตาขึ้น เขาดึงมือนางออกจากศีรษะของตัวเองทันที “เจ้าก็แค่อยากให้ข้าตามเจ้ากลับไป”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะมันล้วนแต่เป็นความจริง
เมื่อเด็กชายตัวน้อยไม่ได้คำตอบที่ตัวเองต้องการ ริมฝีปากของเขาก็เริ่มซีด ศีรษะของเขาเริ่มมีอาการปวดหนึบ เมื่อคืนนี้เขาคงยืนรับลมนานเกินไปกระมัง
เขาทำทุกอย่างลงไปเพื่ออะไรกัน นางไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ
เขาเคยคิดว่าในที่สุด ก็มีใครสักคนที่… อา…
เด็กชายตัวน้อยเม้มริมฝีปากตัวเอง สิ่งที่เขาวาดฝันเอาไว้นั้นงดงามเกินไป
แต่เขาก็ยังหวังว่าจะได้รับความอบอุ่นบ้าง แม้เพียงสักนิดก็ยังดี
เพราะการอยู่ตัวคนเดียวนั้นมันเหน็บหนาวเกินไป…
“ถ้าข้าไม่ตามเจ้ากลับไป เจ้าจะอยู่กับข้าหรือเปล่า” เด็กชายตัวน้อยถามด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง เขาคิดมาตลอดว่านางพูดเช่นนั้นเพื่อล้อเขาเล่น แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าวันใดวันหนึ่งหลังจากนี้นางอาจจะหายตัวไปจริงๆ ก็ได้ ความรู้สึกหายใจไม่ออกนั้นทำให้หน้าอกของเขาเจ็บไปหมด “ข้าจะไล่อวิ๋นปี้ลั่วไป แล้วจะไม่ขังเจ้าเอาไว้ ถ้าเจ้าชอบชายที่เป็นผู้ใหญ่และทรงอำนาจ ข้าก็สามารถเป็นให้เจ้าได้เหมือนกัน ขอเวลาให้ข้าอีกสักนิด เจ้าจะอยู่ที่นี่และไม่ไปไหนได้หรือเปล่า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเด็กชายตัวน้อย นางส่ายหน้าแม้ไม่อยากทำ “ข้าอยู่ไม่ได้ ถ้าข้าสัญญาว่าจะอยู่ที่นี่ เจ้าจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก” ลำคอของนางปวดแปลบขณะเอ่ยเช่นนั้น
“สรุปว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องไปใช่หรือไม่” แม้เขาจะขอร้อง นางก็ยังจะไปจากเขาอย่างนั้นหรือ
เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกนั้นเช่นไร เขาเพียงแค่อยากอยู่นิ่งๆ ไม่อยากทำอะไร
เขายืนนิ่ง แล้วมองไปที่กรงทองคำที่มีผ้าห่มปูอยู่ข้างใน…
กรงทองคำกรงนี้เขาทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อนางโดยเฉพาะ
เขารู้ว่านางชอบทองมาก ดังนั้นเขาจึงนำรางวัลทั้งหมดที่เคยได้รับจากอดีตฮ่องเต้ออกมาใช้เพื่อตกแต่งกรงให้กับนาง
ในกรงมีผ้าห่มแสนสบายปูไว้ อีกทั้งเขายังวางไข่มุกราตรีไว้ด้านในเพื่อให้แสงสว่างกับนางอีกด้วย
เขาคิดว่านางคงจะชอบใจ นางอาจจะขยับเข้ามาจุมพิตเปลือกตาของเขาด้วยรอยยิ้มเซ่อซ่านั้น
แต่หลังจากมาถึงที่นี่ สิ่งเดียวที่นางทำกลับมีแค่เพียงการพูดคุยกับกิเลนอัคคี นางไม่แม้แต่จะปรายตามองไปที่กรงด้วยซ้ำ
หัวใจของเขาเจ็บปวดมากเสียจนเขารู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้ประสบกับความรู้สึกเช่นนี้
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ามันรู้สึกอย่างไร
มันเหมือนกับการนั่งรถไฟเหาะที่พาเราขึ้นไปที่สูงก่อนพุ่งลงต่ำ และสุดท้ายเมื่อมาถึงจุดพัก สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือความรู้สึกอันว่างเปล่า
เขาก็เป็นเหมือนกรงทองคำกรงนั้น มันได้รับการประดับประดาอย่างสวยสดงดงาม และตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าของนางเพื่อสร้างความสุขให้กับนาง
แต่นางกลับผลักไสเขาออกไปอย่างไม่ไยดี สิ่งเดียวที่นางต้องการก็คือการพาตัวเขากลับไปกับนางเท่านั้น…
กิเลนอัคคีสังเกตเห็นความแปรปรวนของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย มันจึงรีบตัดบทในทันที “เอาไว้ค่อยคุยกันคราวหน้าก็แล้วกัน ตอนนี้เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นกับองค์ชายใหญ่ ฮองเฮาคงจะต้องตามหาตัวท่านอยู่แน่ๆ ขอรับ ท่านควรกลับไปกับคุณหนูเวยเวยก่อน” กิเลนอัคคีพูดพร้อมกับขยิบตาส่งสัญญาณให้เฮ่อเหลียนเวยเวย
เฮ่อเหลียนเวยเวยเข้าใจความกังวลของกิเลนอัคคีดี พวกเขาต่างก็กลัวว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะกลายเป็นปีศาจก่อนเวลา
หัวใจของนางเจ็บปวดยิ่งกว่าใครๆ เมื่อนางเห็นท่าทางโดดเดี่ยวอ้างว้างของเด็กชาย นางแทบอยากสัญญาว่าจะอยู่ที่นี่กับเขา
แต่ นางทำไม่ได้…