องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! - บทที่ 632 กลับสู่ทะเลสาบชิงหลง
ใบหน้าแดงก่ำของนางร้อนผ่าว
เเฮ่อเหลียนเวยเวยนึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบเช่นนั้นกลับมา
คนที่สามารถพูดเรื่องเช่นนี้ได้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยคงมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
“ทำไม เจ้าไม่รู้สึกหรือ” นิ้วของเด็กหนุ่มลูบไล้ไปตามช่วงเอวของนาง เขากระตุกยิ้มขึ้นราวกับเยาะเย้ยแต่มันกลับทำให้เขายิ่งดูน่าหลงใหล ”คงใช่ เป็นเพราะเจ้าไม่รู้สึกตัว ถ้าเจ้ารู้ เจ้าคงไม่นั่งทับข้าด้วยท่านี้แน่”
ถ้าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เฮ่อเหลียนเวยเวยก็คงไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าการกระทำเมื่อครู่ของนางนั้นชวนให้คิดลึกเพียงใด
สะโพกของนางถูกเขายึดเอาไว้เหมือนพวกเขากำลังทำเรื่องอย่างว่ากันอยู่…
เดี๋ยวสิ เดิมทีแล้วนางตั้งใจทำเช่นนี้เพื่อให้เขาสงบลงต่างหาก แต่พอเขาพูดเช่นนั้นออกมา ทุกอย่างก็กลับตาลปัตรไปหมด!
“เจ้าอยากได้ยินอะไรอีกล่ะ หืม” เด็กหนุ่มออกแรงบีบมือนาง เมื่อริมฝีปากบางของเขาปัดผ่านด้านหลังใบหู เฮ่อเหลียนเวยเวยก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่บริเวณจุดที่อ่อนไหวที่สุดของนาง
หัวใจของเฮ่อเหลียนเวยเวยเต้นระรัวจนนางรู้สึกเหมือนมันกำลังจะระเบิด ”ข้าไม่อยากได้ยินอะไรอีกแล้ว” ในเวลานี้ สิ่งเดียวที่นางต้องการทำคือการคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมและซ่อนตัวอยู่ในนั้นต่างหาก!
เขาไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนหรือ เป็นไปไม่ได้… นางไม่เชื่อหรอก!
“ข้าขอถามเจ้าแทนก็แล้วกัน ทำไมเจ้าต้องสนใจด้วยหรือ” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยื่นมือออกไปบีบที่ปลายคางของนาง ใบหน้าหล่อเหลาของเขายิ่งขยับเข้ามาใกล้นาง ”พูดมาให้ชัดเจนดีกว่า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า ”ข้าก็ต้องสนใจอยู่แล้วสิ เจ้าก็น่าจะรู้ว่าถ้าเจ้าไม่ใช่ของข้าแต่เพียงผู้เดียว ข้าก็คงไม่ต้องการเจ้าอีกต่อไป”
“แล้วถ้าข้าทำให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อล่ะ” ดวงตาของเด็กหนุ่มเป็นประกายกว่าที่เคย ราวกับเขากำลังกลั้นหายใจเพื่อรอฟังคำตอบนั้นจากนาง
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขา แล้วส่ายหน้าด้วยท่าทางแข็งกร้าว
เด็กหนุ่มหัวเราะ ความอบอุ่นทั้งหมดที่เคยมีในเวลานั้นพลันมอดไหม้ไปจนหมดสิ้นทันที
เขาคิดว่าการที่นางสนใจเรื่องจูบย่อมหมายความว่านางชอบเขา
แต่ความจริงแล้วเขาคิดผิด
เหตุผลที่นางสนใจก็เป็นเหมือนอย่างทุกที นั่นเพราะเขาเป็นเศษเสี้ยวของคนคนนั้น
มีเพียงคนคนนั้นที่เป็นรักแท้เพียงหนึ่งเดียวของนาง
เพื่อคนคนนั้น นางพร้อมเอาตัวเข้าเสี่ยงอันตรายเพียงเพื่อตามหาเศษชิ้นส่วนวิญญาณของเขา
เพื่อคนคนนั้น นางยอมละทิ้งซึ่งทุกสิ่งที่นางจะมีได้ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสามารถมอบความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับนางได้ก็จริง แต่นางแทบจะไม่มองมันเลยด้วยซ้ำ
เขาเคยคิดว่านางเพียงแค่ชอบคนที่เป็นผู้ใหญ่ คนที่อ่อนโยนและไม่เจ้าอารมณ์
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาพยายามอย่างหนักเพื่อเป็นคนเช่นนั้น
แต่ความพยายามของเขาก็สูญเปล่า
เขายังคงช่างประชดประชันเหมือนอย่างเคยทุกครั้งที่เห็นนาง
แต่ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร นางก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย
เพราะหัวใจของนางต้องการเพียงแค่คนคนนั้นคนเดียว
รักเดียวใจเดียวเสียไม่มี
ไม่ว่าใครก็คงซาบซึ้งกับความรักเดียวใจเดียวของนาง
แต่ไม่ใช่กับไป๋หลี่เจียเจวี๋ย หน้าอกของเขาหนักอึ้งเหมือนมีตะกั่วอัดแน่นไปทั้งปอด น้ำหนักของมันทำให้เขาหายใจแทบไม่ออก
ในตอนนั้น ก่อนที่นางจะไป นางไม่ได้แม้กระทั่งจะร่ำลาเขาเลยสักคำ
เขาเคยคิดว่านางเป็นผู้หญิงไร้หัวใจ แต่ความจริงก็คือหัวใจของนางเป็นของคนอื่นไปแล้วต่างหาก…
เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน
มันเป็นความรู้สึกอันบอบช้ำและเต็มไปด้วยบาดแผลจากการโหยหาในสิ่งที่เขาไม่อาจมี แต่เขาก็ยังพยายามอย่างที่สุดเพียงเพื่อให้นางได้เห็นเขา… ในสิ่งที่เขาเป็น
“หลังจากข้าตามเจ้ากลับไป ข้าอาจจะเกลียดเจ้าก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นเจ้ายังอยากพาข้ากลับไปกับเจ้าหรือเปล่า” น้ำเสียงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเย็นเฉียบราวกับอากาศเย็นๆ ในคืนฤดูหนาว
ยิ่งกว่านั้น มือของเขาก็ยังเคลื่อนขึ้นไปกำอยู่รอบลำคอของนาง แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกในพริบตา
คำว่า ’เกลียด’ เหมือนกับมีดอันคมกริบที่จ่อคอนางอยู่ นางรู้สึกได้ถึงความร้าวรานในยามที่กล่าวว่า ”ต่อให้เจ้าจะเกลียดข้า เจ้าก็ต้องกลับไปกับข้า ไม่อย่างนั้นเจ้าจะหายไปตลอดกาล”
“เจ้ารู้หรือเปล่าว่าทำไมตอนนี้กิเลนอัคคีถึงไม่ได้อยู่กับข้า นั่นเป็นเพราะว่าต่อให้ข้าไม่ได้กลับไปพร้อมเจ้า ข้าก็จะไม่หายไป ตัวตนของข้าอยู่ได้ด้วยตัวเอง ในไม่ช้าข้าจะเติบโตไปเป็นคนที่เจ้าต้องการ มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยใส่แรงลงไปที่นิ้ว ”แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ยังคิดที่จะไปอยู่ดีใช่หรือเปล่า”
ทันใดนั้นเฮ่อเหลียนเวยเวยก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง
นางได้ยินเสียงของกิเลนอัคคี เสียงนั้นฟังดูอ่อนแรงยิ่งนัก ”พวกข้าเจอปัญหาอยู่ทางนี้ สถานการณ์ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ท่านเจอปัญหาอะไรหรือเปล่า ทำไมข้าถึงได้ยินองค์ชายพูดว่าตัวตนของเขาอยู่ได้ด้วยตัวเอง และเขาขอให้ท่านอยู่ที่นั่นต่อล่ะ”
“เรื่องทางฝั่งข้าเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน ทางฝั่งเจ้าเกิดอะไรขึ้นหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยร้อนใจ ”เสียงของเจ้าฟังดูไม่ค่อยดีนัก”
กิเลนอัคคีข่มความเจ็บปวดพลางตอบว่า ”ที่วังหลวงมีคนตายไม่จบสิ้น จนทำให้พลังปราณแห่งความเคียดแค้นแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้ก็จริง แต่ข้าที่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ย่อมได้รับผลกระทบจากมันอย่างใหญ่หลวง ยิ่งเมื่อไม่มีโซ่เหล็กน้ำแข็งทมิฬจองจำชิงหลงเอาไว้ มันก็ยิ่งเริ่มมีอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมา จะต้องมีใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ คนคนนั้นอาจกำลังพยายามกำราบชิงหลงโดยอาศัยจังหวะที่ฝ่าบาทไม่อยู่เพื่อทำลายกายเนื้อของฝ่าบาทก็เป็นได้”
“กิเลน” เฮ่อเหลียนเวยเวยกำมือทั้งสองข้างแน่น ”เผาด้ายแดงผูกวิญญาณที่ข้อมือให้ข้า” นางต้องกลับไปหยุดเรื่องทุกอย่าง ถ้ากายเนื้อของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหายไป ทั้งหมดที่นางทำมาก็จะไร้ความหมาย
กิเลนอัคคีถอนหายใจและตอบว่า ”ข้าเข้าใจแล้ว” ถ้านางว่าอย่างนั้น ความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะได้เศษชิ้นส่วนวิญญาณชิ้นที่เหลือกลับมาก็คงมีน้อยยิ่งนัก…
…..
“เจ้ากำลังคุยกับใครอยู่” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยถามอย่างชาญฉลาด เวลานี้พลังของเขาตื่นขึ้นมาแล้วหลายส่วน ยิ่งเมื่อกิเลนอัคคียังเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเขาอยู่ และเห็นว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยดูเสียสมาธิอย่างเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มก็หรี่ตาลงด้วยความสงสัย ”พวกเจ้าคุยกันผ่านด้ายแดงที่อยู่รอบข้อมือเส้นนั้นหรือ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยตกใจ นางคิดไม่ถึงว่าเขาจะสังเกตเห็น
“สายตาของเจ้าเอาแต่จ้องอยู่ที่มือซ้ายของตัวเองตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยว่า ในดวงตาของเขามีประกายแสงอันเย็นชาปรากฏขึ้น ”เจ้าจะทิ้งข้าไปอีกแล้วล่ะสิ ข้าพูดถูกหรือเปล่า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยลังเลเล็กน้อย ในที่สุดนางจึงมองเข้าไปในดวงตาของเขาด้วยสายตาแน่วแน่ และพูดขึ้นว่า ”ข้าไม่เคยอยากทิ้งเจ้าไปไหน ข้าเพียงแค่ต้องการพาเจ้ากลับไปเท่านั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เจ้าต้องรู้เอาไว้ว่าสำหรับข้า ตัวเจ้าในอดีตและตัวเจ้าในอนาคตล้วนแต่เป็นตัวเจ้าทั้งหมด เจ้าไม่สามารถปฏิเสธอนาคตของตัวเองได้”
เด็กหนุ่มเหยียดยิ้มราวกับเพิ่งคิดอะไรออก ทันใดนั้นเขาก็ปล่อยมือออกจากนาง ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยังเป็นเพียงแค่เศษชิ้นส่วนวิญญาณชิ้นเดียวเท่านั้น
เขาไม่สามารถห้ามไม่ให้นางไปได้
เขาไม่สามารถห้ามอะไรได้เลยมาตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก
“เช่นนั้นก็ไปเถอะ” น้ำเสียงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยราบเรียบจนแทบจะเย็นชา ดวงตาคู่งามลึกล้ำนั้นแปรเปลี่ยนเป็นตื้นเขินและว่างเปล่าราวกับเลนส์ที่ไม่สามารถโฟกัสสิ่งใด สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงความว่างเปล่าจากการสูญเสียและช่องว่างที่เกิดขึ้นจากความเกลียดชังที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ”หวังว่าเจ้าจะสามารถต้านทานความเกลียดชังของตัวข้าในอนาคตได้…”
เฮ่อเหลียนเวยเวยอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วนางก็ตระหนักได้ว่าลำคอของนางไม่สามารถส่งเสียงใดออกมาได้เลยแม้แต่นิดเดียว นางมองร่างของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ค่อยๆ เลือนหายไป สมองของนางว่างเปล่า ตามมาด้วยอาการวิงเวียนศีรษะอันคุ้นเคยที่ทำให้นางไม่สามารถบอกทิศทางได้
พอนางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็กลับมาอยู่ที่ที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น…